🇹🇭มาลาริน💛9พ.ค.ไทยติดเชื้อใหม่อันดับ9โลก/ป่วย6,488คน หายป่วย12,755คน ตาย55คน รักษาอยู่84,957คน/ประกาศลดเตือนภัย โควิด


https://www.sanook.com/news/8558422/


https://www.bangkokbiznews.com/news/1003262

เพี้ยนแคปเจอร์สธ.ประกาศลดเตือนภัย "โควิด" เหลือระดับ 3 เผย 54 จังหวัดขาลง นำร่องเปิดผับบาร์ขึ้นกับ ศบค.


สธ.เผยแนวโน้ม "โควิด" ไทยลดต่อเนื่อง 23 จังหวัดทรงตัว อีก 54 จังหวัดขาลง ประกาศลดระดับเตือนภัยเหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ แนะงดเข้าสถานบันเทิง สถานที่ปิดอากาศไม่ถ่ายเท คนหนาแน่น กลุ่ม 608 รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็มเลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่ม เลี่ยงโดยสารสาธารณะ งดเดินทางไปต่างประเทศ ย้ำช่วยกันฉีดเข็ม 3 ถึงเดินหน้าโรคประจำถิ่น ส่วนนำร่องเปิดผับบาร์อยู่ที่ ศบค.พิจารณา

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก จากเดิมเราคาดการณ์ว่าช่วงหลังสงกรานต์จะติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จากความร่วมมืออย่างดีของประชาชนทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา ดังนั้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กรณีโควิด 19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิด 19 จากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ โดยคำแนะนำการเตือนภัยระดับ 3 คือ การไปในสถานที่เสี่ยง ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด ส่วนการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก การเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หากเป็นคนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ แต่ให้เลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมร่วมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 95-96% เป็นกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง และไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จริงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงสอดคล้องกัยทั้งหมด เป็นไปตามการคาดการณ์ของ สธ. หรือบางตัวก็แนวโน้มดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่เข้าสู่ระยะทรงตัว (Plateau) แล้ว 23 จังหวัด และสถานการณ์ดีขึ้นอยู่ในระยะขาลง (Declining) 54 จังหวัด แนวโน้มจากสถานการณ์ ก็เข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่ (Post-Pandemic) เข้าไปเต็มที

ทั้งนี้ 23 จังหวัดที่อยู่ในระยะทรงตัว ประกอบด้วย พะเยา ลำปาง พิษณุโลก พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชร มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี หนองลัวลำภู สกลนคร นครพนม บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และมุกดาหาร ที่เหลืออีก 54 จังหวัดอยู่ระยะขาลง

นพ.โอภาสกล่าวว่า สถานการณ์โควิดไทยมีแนวโน้มพบป่วยลดลงตามลำดับ ขอให้ทุกจังหวัดจัดทำแผน ปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น เพื่อการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน โดยเดินหน้ามาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ใส่หน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง และ Universal Vaccination โดยเน้นให้กลุ่ม 608 รับเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และเน้นเรื่อง 3พอ คือ เตียงสีเหลืองสีแดง , ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอต่อการให้บริการที่ได้มาตรฐาน

"หลายจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด อยากเป็นจังหวัดนำร่อง ซึ่งย้ำว่านอกจากสถานการณ์แล้ว ความร่วมมือของประชาชนและวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความสำคัญมาก โดย สธ.มีวัคซีนทุกชนิดไปที่ รพ.สต.สามารถวอล์กอินไปฉีดได้ ส่วน กทม.ก็จัดหน่วยบริการประชาชน ทั้งแบบลงทะเบียนล่วงหน้าและวอล์กอิน ให้สอบถามหน่วยบริการก่อน ย้ำว่าหากฉีดครบ 2 เข็ม 3 เดือนให้มารับเข็ม 3 และ 3 เข็ม ครบ 4 เดือนให้มารับเข็ม 4 เพื่อช่วยกันเดินหน้าเข้าโรคประจำถิ่นต่อไป" นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า ในช่วง พ.ค.2565 มีหมุดหมายเรื่องเปิดเรียน จึงต้องเตรียมความพร้อม ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษามีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วมากกว่า 90% ส่วนกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปีมีการฉีดครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 90% จึงต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้น โดยหากเป็นผู้ที่รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ให้รับเข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดสหรือเต็มโดส ส่วนผู้ที่รับวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม ให้ฉีดเข็มกระตุ้นเป็นไฟเซอร์เต็มโดส ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปี เป้าหมาย 5.1 ล้านคน ฉีดเข็ม 1 แล้ว 2.8 ล้านคน คิดเป็น 54.5% และเข็ม 2 ฉีดแล้ว 8.9 แสนคน คิดเป็น 17.4% โดยสูตรฉีดเป็นไฟเซอร์ฝาสีส้ม 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์ หรือซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ห่างกัน 4 สัปดาห์ ซึ่งมีนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนสูตรนี้เพิ่มเติม 1.6 แสนคน

เมื่อถามว่าผู้ประกอบการสถานบันเทิงเรียกร้องให้พิจารณาเปิดพื้นที่นำร่องผับ บาร์ มีความเป็นไปได้อย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า จะต้องมีการหารือในที่ประชุม ศบค.อีกครั้ง แม้สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้นแต่ยังเปลี่ยนเร็ว ในช่วงวันหยุดพบว่า ประชาชนเริ่มเดินทางมากขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆ ใกล้เคียงปกติมาก แต่ยังให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด แต่อย่างที่เน้นย้ำคือ แต่ละจังหวัดที่จะเปิดขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูกลุ่ม 608 เพื่อให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เน้นย้ำว่าหากผู้ว่าฯ อยากดำเนินการมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ศบค.จะอนุญาตเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ก็ขอให้เร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้ถึงเป้าหมายมากกว่า 60% เพื่อผู้ที่จะพิจารณาอนุมัติให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มี 5 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นค่อนข้างดี เช่น นนทบุรี และจังหวัดปริมณฑล

https://mgronline.com/qol/detail/9650000043948

..ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

วันนี้ไทยลดลง แต่ยังติดเชื้อใหม่อันดับ9โลก

แต่ไต้หวันที่เคยรับมือดี  ติดเชื้อใหม่อันดับ1โลก

อันดับ1 ไทยยังไม่เคยแตะเลย

รู้สึกดีนะคะที่เรายังไม่หนักที่สุดในโลก

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เวลา 11.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.facebook.com/fanmoph/videos/322723513355081/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
9 พฤษภาคม 2565


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558210012463994


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 8 พ.ค. 2565)
รวม 134,736,012 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 8 พฤษภาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 82,918 โดส

เข็มที่ 1 : 8,285 ราย
เข็มที่ 2 : 25,436 ราย
เข็มที่ 3 : 49,197 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 56,412,512 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 51,657,965 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 26,665,535 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558165972468398


สธ.ขยายออกใบรับรองสุขภาพดิจิทัล สำหรับคลินิก-ร้านยา-รพ.เอกชน ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม Station ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่จำกัดผู้ลงนาม 2 ปี

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาระบบหมอพร้อมให้เป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานและบุคลากรทางการแพทย์ในการให้บริการสุขภาพประชาชนที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีมาตรฐาน ปัจจุบันมีหน่วยบริการสุขภาพอยู่ในแพลตฟอร์มแล้วกว่า 15,000 แห่ง ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ Digital Signature มาตรฐานการออกใบรับรองระดับที่ 3 หรือระดับสูงที่สุด ผ่านการรับรองจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) โดยจัดหา License เพื่อใช้ในการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certificate Authority: CA) ให้กับโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัดทั่วประเทศ เพื่อออกเอกสารรับรองทางการแพทย์ต่างๆ เช่น ใบรับรองการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ใบรับรองแพทย์สำหรับการตรวจสุขภาพ ใบรับรองแพทย์สำหรับโรคโควิด 19 หลังการรักษาตัวแบบ Home Isolation ซึ่งผู้ป่วยสามารถรับใบรับรองฯ ผ่านหมอพร้อม ทั้ง LINE Official Account และแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” โดยไม่ต้องเดินทางมารับที่โรงพยาบาล ซึ่งช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

กระทรวงสาธารณสุขเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนา Digital Health Platform ให้รองรับการใช้งานของประชาชนได้อย่างครอบคลุมทั้งประเทศ จึงได้จัดหา License เพิ่มเติมให้กับคลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ ร้านยา และโรงพยาบาลเอกชน เพื่อใช้ในการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น ใบรับรองแพทย์สำหรับตรวจสุขภาพ ใบรับรองแพทย์กรณีติดเชื้อโควิด 19 ใบรับรองแพทย์สำหรับใบอนุญาตขับรถ ใบแสดงความเห็นแพทย์ ใบรับรองแพทย์ตรวจสุขภาพคนต่างด้าว/แรงงานต่างด้าว ใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วย ATK และ RT-PCR และใบรับรองสุขภาพอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งตั้งแต่วันนี้ได้เปิดให้หน่วยบริการดังกล่าวสามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดจำนวนผู้ลงนาม เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยคลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ ร้านยา และโรงพยาบาลเอกชนที่สนใจ สามารถสมัครใช้งานได้ผ่าน “หมอพร้อม Station” หรือ https://mohpromtstation.moph.go.th/login โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หมอพร้อม https://mohpromt.moph.go.th/mpc/mohpromtstation/

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558140739137588


หากติดโควิดแล้วมีไข้ ปฏิบัติอย่างไร?
• ให้ประคบผ้าเย็นบริเวณศีรษะ
• กินยาลดไข้ (ไม่แนะนำให้ทานยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน บรูเฟน)
• อาการไข้จะเป็นไม่เกิน 2 – 3 วัน หากนานกว่านั้น ควรรีบพบแพทย์

ที่มา หมอพร้อม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558190465799282


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 จำนวน 55 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558222715796057


กรมควบคุมโรค แนะแผนฉีดวัคซีน รับเปิดเทอม

เด็ก 5-11 ปี
- Pfizer (ฝาสีส้ม) 2 เข็ม ห่าง 8 สัปดาห์
- Sinovac-Pfizer (ฝาสีส้ม) ห่าง 4 สัปดาห์

อายุ 12-17 ปี เข็มกระตุ้น
- ฉีดวัคซีนเชื้อตาย ครบ 2 เข็ม 1 เดือนขึ้นไป ฉีด Pfizer เต็มโดส
- ฉีด Pfizer ครบ 2 เข็ม 4-6 เดือนขึ้นไป ฉีด Pfizer เต็มโดส หรือครึ่งโดส

** การฉีดวัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจของเด็ก เยาวชน และผู้ปกครองเท่านั้น

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/558286659122996


มีน้ำมูก เป็นอีกอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโควิด ถ้ามีอาการสามารถกินยาลดน้ำมูกเพื่อบรรเทาอาการได้ https://www.facebook.com/socialmarketingth/posts/322890779988863

สนใจรายละเอียดอื่นๆ สามารถดาวน์โหลด ฟรี คู่มือการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโควิดที่แยกกักตัว ได้ที่นี่ https://bit.ly/3MVaNYj
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=313720280906969&id=100068069971811


แจ้งเตือนสถานการณ์ โควิด 19 ประเทศไทย
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=313970424215288&id=100068069971811


หลังป่วยโควิด19 หมั่นสังเกตอาการตัวเองนะคะ หาดมีอาการผิดปรกติ ตjอเนื่องเกิน 2 เดือน ควรไปพบแพทย์
https://www.facebook.com/fanmoph/posts/369539195201330


คืบหน้า! วัคซีนโควิดสัญชาติไทย “ChulaCov19” คาดขึ้นทะเบียนปลายปีนี้ สอดรับเป้าหมาย Medical Hub

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด “ChulaCov19” ชนิด mRNA ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบวัคซีนและให้โรงงานในสหรัฐอเมริกาผลิต หลังผ่านการทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่ามีความปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิได้สูงเป็นที่น่าพอใจ

ระยะต่อไป จะเป็นการผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ ซึ่งได้มีการส่งเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอทดสอบในอาสาสมัครแล้ว และหากผลทดสอบเป็นไปตามเป้า คาดว่าจะขึ้นทะเบียนวัคซีนได้ในปลายปี 65

การผลิตวัคซีนสัญชาติไทยครั้งนี้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของรัฐบาล ดันไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ในปี 60 – 69

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/54312
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/369096361919768


สธ. ปักหมุดเร่งฉีดวัคซีนโควิดเข้มกระตุ้นในเด็ก 12-17 ปี และฉีดให้ครบ 2 เข็มในเด็ก 5-11 ปี รองรับการเปิดภาคเรียน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วง พ.ค.นี้ หมุดหมายสำคัญของรองรับการเปิดเทอม คือ การฉีดวัคซีนแก่กลุ่มนักเรียน โดยแนะนำเด็กอายุ 12-17 ปี ที่เคยรับวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ควรมารับการกระตุ้นด้วยไฟเซอร์เต็มโดส ส่วนที่เคยรับวันซีนเป็นไฟเซอร์ 2 เข็มไปแล้ว อย่างน้อย 4-6 เดือนขึ้นไป ควรมารับเข็มกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ครึ่งโดสหรือเต็มโดส โดยกรณีรับครึ่งโดสสามารถรับได้ในระบบสถานศึกษาเดิมที่เคยฉีด ส่วนกรณีรับเต็มโดสให้รับการฉีดได้ในระบบสถานพยาบาลใกล้บ้าน

สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากจำนวนเป้าหมายทั้งหมด 5.1 ล้านคน จำนวนนี้ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 2.8 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 54.5 ส่วนที่ฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วมี 890,000 คน คิดเป็น ร้อยละ 17.4 จึงชวนผู้ปกครองเด็กกลุ่มนี้พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 2 เข็ม โดยเข็ม 1 ฉีดได้ทันที ส่วนเข็ม 2 หากรับเป็นสูตรไฟเซอร์(ฝาส้ม) 2 เข็ม ให้ฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์ หากฉีดสูตรไขว้ ซิโนแวค+ไฟเซอร์(ฝาส้ม) ให้ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์ โดยมีนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนสูตรนี้เพิ่มเติมแล้ว 160,000 คน

โดยข้อมูลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.65) พบข้อมูลเบื้องต้นการศึกษาวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวค+ไฟเซอร์(ฝาส้ม) ในเด็กอายุ 5-11 ปี ห่างกัน 4 สัปดาห์เช่นนี้ ระดับภูมิต้านทานมีแนวโน้มสูง ไม่ต่างจากการฉีดสูตรซิโนแวค+ไฟเซอร์ หรือการฉีดวันซีนไฟเซอร์ 2 เข็มในผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามการรับวัคซีนโควิด 19 เป็นไปตามหลักการความสมัครใจ จะฉีดหรือไม่ขึ้นกับผู้ปกครองและเด็กตัดสินใจ
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/366430782185932
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่