พักหลังปัญหาเจ้าบ่าวไม่สู้ค่าสินสอด เจ้าบ่าวหลอกเจ้าสาวว่าตัวเองเป็นข้าราชการมียศมีตำแหน่ง จัดงานแต่งทีต้องไปกู้หนี้ยืมสินกลายเป็นแต่งแล้วเป็นหนี้ ต้องเสียเงินเสียทองไปเช่าเงินล้านมาตั้งโชว์บนพานในงานแต่ง ......
หากมองเหตุที่เกิดขึ้นด้วยใจที่เป็นธรรมก็คงต้องบอกว่าฝั่งหนึ่งมุสาหลอกหลวงในขณะที่อีกฝั่งก็เต็มไปด้วยโมหะอย่างคำเค้าว่าความรักทำให้ตาบอด ช่างเป็นเวรเป็นกรรมของ ผญ ที่ต้องเจอกับ ผช แบบนี้ กรรมที่ว่าหาใช่เป็นเรื่องราวแต่ชาติปางก่อนที่ผูกพันมาถึงภพนี้แต่อย่างใด แต่เป็นผลจากกระทำในปัจจุบันชาติ
1 ผช มีเยอะแยะมากมายให้คุณเลือกเพราะฉะนั้นก็ต้องใช้สติปัญญาในการเลือกคนที่คุณจะแต่งด้วยไม่ใช่พอได้ยินคำหวานก็หูเบา ถูกเค้าหลอกว่าเป็นนายพันนายพล เค้าบอกว่ารักก็หลงขาดสติในการพินิจอย่างถี่ถ้วน
2 หาก ผช ไม่สู้สินสอดก็ต้องย้อนไปดูว่าฝั่งตัวเองเรียกแพงไปไหมหรือถ้า ผช จนเกินไปการจะไปฝากชีวิตไว้กับเค้าคงไม่น่าจะได้ เอาจริงๆสินสอดไม่ได้การันตีว่าชีวิตคู่จะไปรอดเพราะหลายคู่สินสอดเป็นล้านสุดท้ายก็เลิกกันในขณะที่บางคู่ก็อยู่กันจนแก่จนเฒ่าโดยไม่ได้แต่งไม่มีสินสอดด้วยซ้ำ
3 ถ้าไม่มีเงินจัดงานแต่งหรือต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อจัดงานแต่งจะฝืนจัดไปเพื่ออะไรครับ เสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ เป็นเรื่องพิลั่นหากต้องเสียเงินไปเช่าเงินล้านเพื่อเอามาวางบนพานโชว์ในงานแต่ง มีพันเดียวก็วางแบงค์พันบนพานสิครับไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอายอะไรกับเรื่องจริงความจริง ไปๆมาๆเอาเงินล้านใครไม่รู้มาโชว์แขกเหรื่อนั้นไม่น่าอายกว่าหรือครับ?
ทำเท่าที่ทำได้ถ้าจะจัดงานก็จัดตามที่มีดีกว่าเยอะเช่น จดทะเบียนง่ายๆแล้วก็ฉลองด้วยการกินหมูย่างปลาดุกย่างกับข้าวเหนียวและดื่มสาเกต้มน้ำตาลกันเองในครอบครัวแค่นี้ก็จบแล้ว ไม่ต้องเสียเงินค่าโต๊ะจีน เสียเงินค่าพรีเวดดิ้ง ค่าชุดเจ้าสาว วงแตรวงนักร้องหางเครื่อง ต่างๆนาๆ คิดดูครับว่าแต่งกันไปวันหนึ่งเลิกกันคุณจะเก็บไว้อยู่เหรอครับรูปพรีเวดดิ้ง ของชำร่วยที่เหลือ หรือรูปงานแต่ง ผมว่าส่วนใหญ่ถ้าเลิกกันไปแล้วได้เมียใหม่ผัวใหม่ก็คงปลดรูปงานแต่งและพรีเวดออกจากกำแพงบ้านถ้ามีรูปในเฟสก็คงลบทิ้งหมด
เรื่องความรักเรื่องการเลือกคู่ครองในยุคนี้ ผญ ต้องยึดหลักธรรมและใช้สติปัญญาให้มากเข้าไว้จะได้ไม่ถูกหลอกครับและอย่าไปตามโลกให้มากนัก คนเราแต่งงานกันรักกันได้อยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายได้โดยไม่ต้องมีงานแต่งไม่ต้องมีสินสอดไม่ต้องมีแหวนหมั้นครับ
ปัญหาเจ้าบ่าวไม่สู้สินสอด เจ้าบ่าวเป็นข้าราชการกำมะลอ จัดงานแต่งแล้วเป็นหนี้ ป้องกันได้โดยยึดหลักธรรมและใช้ปัญญา
หากมองเหตุที่เกิดขึ้นด้วยใจที่เป็นธรรมก็คงต้องบอกว่าฝั่งหนึ่งมุสาหลอกหลวงในขณะที่อีกฝั่งก็เต็มไปด้วยโมหะอย่างคำเค้าว่าความรักทำให้ตาบอด ช่างเป็นเวรเป็นกรรมของ ผญ ที่ต้องเจอกับ ผช แบบนี้ กรรมที่ว่าหาใช่เป็นเรื่องราวแต่ชาติปางก่อนที่ผูกพันมาถึงภพนี้แต่อย่างใด แต่เป็นผลจากกระทำในปัจจุบันชาติ
1 ผช มีเยอะแยะมากมายให้คุณเลือกเพราะฉะนั้นก็ต้องใช้สติปัญญาในการเลือกคนที่คุณจะแต่งด้วยไม่ใช่พอได้ยินคำหวานก็หูเบา ถูกเค้าหลอกว่าเป็นนายพันนายพล เค้าบอกว่ารักก็หลงขาดสติในการพินิจอย่างถี่ถ้วน
2 หาก ผช ไม่สู้สินสอดก็ต้องย้อนไปดูว่าฝั่งตัวเองเรียกแพงไปไหมหรือถ้า ผช จนเกินไปการจะไปฝากชีวิตไว้กับเค้าคงไม่น่าจะได้ เอาจริงๆสินสอดไม่ได้การันตีว่าชีวิตคู่จะไปรอดเพราะหลายคู่สินสอดเป็นล้านสุดท้ายก็เลิกกันในขณะที่บางคู่ก็อยู่กันจนแก่จนเฒ่าโดยไม่ได้แต่งไม่มีสินสอดด้วยซ้ำ
3 ถ้าไม่มีเงินจัดงานแต่งหรือต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อจัดงานแต่งจะฝืนจัดไปเพื่ออะไรครับ เสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ เป็นเรื่องพิลั่นหากต้องเสียเงินไปเช่าเงินล้านเพื่อเอามาวางบนพานโชว์ในงานแต่ง มีพันเดียวก็วางแบงค์พันบนพานสิครับไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอายอะไรกับเรื่องจริงความจริง ไปๆมาๆเอาเงินล้านใครไม่รู้มาโชว์แขกเหรื่อนั้นไม่น่าอายกว่าหรือครับ?
ทำเท่าที่ทำได้ถ้าจะจัดงานก็จัดตามที่มีดีกว่าเยอะเช่น จดทะเบียนง่ายๆแล้วก็ฉลองด้วยการกินหมูย่างปลาดุกย่างกับข้าวเหนียวและดื่มสาเกต้มน้ำตาลกันเองในครอบครัวแค่นี้ก็จบแล้ว ไม่ต้องเสียเงินค่าโต๊ะจีน เสียเงินค่าพรีเวดดิ้ง ค่าชุดเจ้าสาว วงแตรวงนักร้องหางเครื่อง ต่างๆนาๆ คิดดูครับว่าแต่งกันไปวันหนึ่งเลิกกันคุณจะเก็บไว้อยู่เหรอครับรูปพรีเวดดิ้ง ของชำร่วยที่เหลือ หรือรูปงานแต่ง ผมว่าส่วนใหญ่ถ้าเลิกกันไปแล้วได้เมียใหม่ผัวใหม่ก็คงปลดรูปงานแต่งและพรีเวดออกจากกำแพงบ้านถ้ามีรูปในเฟสก็คงลบทิ้งหมด
เรื่องความรักเรื่องการเลือกคู่ครองในยุคนี้ ผญ ต้องยึดหลักธรรมและใช้สติปัญญาให้มากเข้าไว้จะได้ไม่ถูกหลอกครับและอย่าไปตามโลกให้มากนัก คนเราแต่งงานกันรักกันได้อยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายได้โดยไม่ต้องมีงานแต่งไม่ต้องมีสินสอดไม่ต้องมีแหวนหมั้นครับ