"คืนสยองหลังที่ 12 ่กับแขกไม่ได้รับเชิญ"

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง...เกิดขึ้นกับตัวเองและผู้ร่วมชะตากรรมอีกสามคน
.
ทริปหัวหินของกลุ่มคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว หลังจากไม่เจอกันมาหลายเดือนก็เกิดทริปปุบปับครั้งนี้ขึ้นมา ทีแรกเราจะจองที่พักที่หนึ่ง ปรากฏว่าเต็มในวันที่ทุกคนว่าง เพื่อนอีกคนจึงส่งที่พักพูลวิลล่าที่หัวหินแห่งนี้เข้ามาเสนอเป็นอีกทางเลือกพร้อม ๆ กับอีก 2-3 ที่ แต่เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเลือกที่นี่เนื่องจากราคาดีและสวย
.
เมื่อเดินทางถึงบ้านพัก เรา, Wanwee, LadySat และ Suppa (ขอใช้เป็นนามแฝง) รู้สึกประทับใจกับที่พักทันที ใหม่ สะอาด กว้างขวาง เป็นพูลวิลล่า 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก  และมีดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิว ตัวบ้านมีพื้นที่พอประมาณ เรียกว่าเหมาะกับมาพักกับเพื่อนและครอบครัว
.
เข้าสู่ช่วงหัวค่ำ เราทุกคนนกินดื่มกันที่โต๊ะอาหารพร้อมเพื่อนที่ทำงานเก่าที่บังเอิญมาหัวหินพอดีอีกสองคน นั่งเม้าท์มอยพร้อมดื่มกันถึงประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เพื่อนสองคนที่แวะมาก็ขอตัวกลับที่พักก่อน จากนั้นเรา 4 คนที่เหลือนั่งดื่มกันต่อ แต่ย้ายจากโต๊ะอาหารมานั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เรานั่งบน Bean Bag ที่พื้น ส่วนคนอื่น ๆ กระจายตามโซฟา เปิดเพลงฟังนั่งคุยกันไปอีกสักพัก เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่ได้คิดอะไรไปไกลนอกจากเพื่อนคนนึงที่เริ่มเมาและมีท่าทางที่แปลกไปจากเดิม ผิดที่ว่าแปลกไปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดชีวิตที่รู้จักกันมาเกือบสิบปี แปลกไปราวกับว่าเป็นคนละคน และคนแปลกที่ว่าก็คือ “ฉันเอง”
.
เพื่อนเล่าว่า เรา ดูแปลกไปจากเดิมมาก ตาเริ่มขวาง พูดไม่ฟัง ดื้อ เหมือนเด็กเอาแต่ใจที่อยากได้คำตอบอะไรก็คาดคั้นจะเอาให้ได้ ทีแรกก็เข้าใจว่าเมา แต่เป็นเมาแบบเปรี้ยวตีนและไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา ทุกคนต่างสงสัยว่าเดี๋ยวนี้เมาแล้วเป็นแบบนี้เหรอ ไหนก่อนมาบอกว่าปกติเมาแล้วหลับ มีจังหวะนึง LadySat เห็นเรากำลังถือเทียนหอมไปใกล้ ๆ เพื่อนอีกคนที่กำลังนอนคว่ำอยู่ที่โซฟา แล้วจะเอาน้ำตาเทียนเทใส่หลัง Suppa ที่นอนไม่รู้ตัว LadySat เลยรีบตะโกนเรียกชื่อ Suppa ให้ลุกขึ้น เคราะห์ดีที่เธอลุกขึ้นมาทัน และฉันก็เทไปนิดนึงแล้วแต่ไม่โดน รอดไป...
.
อีกชอตนึงเราเดินเข้าห้องนอนไปเพื่อไปอาบน้ำ (ซึ่งไม่รู้ว่าอาบหรือเปล่าจำไม่ได้ แต่ตื่นมาข้าวของอาบน้ำก็วางเต็มอ่างอยู่นะ) ระหว่างนั้นเพื่อนต่างกังวลแล้วว่าจะเอาไงกับเราดี เพราะฤทธิ์เยอะเหลือเกิน แต่ก็คิดว่าเออไปอาบน้ำออกมาแล้วคงดีขึ้นมั้ง ไม่กี่นาทีต่อมา เราก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับคำถามที่ว่า “เร็วหรือช้า?” เพื่อน ๆ งง อะไรเร็วช้าวะ เพราะไม่ได้คุยอะไรมาก่อนหน้า ไม่มีบริบท ถามออกมาลอย ๆ ว่าเร็วหรือช้า เจ้าเพื่อนก็อึกอักไม่กล้าตอบเพราะกลัวว่าตอบไม่ถูกใจแล้วเราจะอาละวาดอีก แต่มีคนนึงกลั้นใจตอบออกมาว่า “ก็ปกตินะพี่ ไม่ช้า” ทันใดนั้นเราตอบกลับไปว่า “แต่เด็กคนนั้นบอกว่าเร็วนะ เขาก็บอกว่าเร็ว”

เพื่อนทั้งสาม: เด็กไหนวะ? เขาไหนก่อน? 
ไม่มีใครนอกเหนือจากเรา 4 คนในบ้านหลังนั้นแล้ว...และไม่มีเด็ก
แต่ก็เออ ๆ คงเมาเลยยังไม่มีใครคิดอะไร ณ เวลานั้น
.
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน เดิมที WanWee ต้องนอนกับเรา แต่จากอาการของเราก่อนนั้น นางเลยไม่กล้านอนด้วย เพราะกลัวเราจะฆ่า (นางดูหนังเยอะ ประกอบกับท่าทีเราน่ากลัวด้วย ณ เวลานั้น) สุดท้ายเลยไปกองกันสามคนอีกห้อง ขณะที่เราแยกเข้าอีกห้องมาเพียงลำพัง
.
เพื่อนปิดไฟ นอนเล่นมือถือเตรียมตัวจะนอนแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากห้องเราดังโครมคราม เป็นเสียงคนทุบห้องดังมาก แวบแรกเพื่อนคิดว่าหรือเราล้มในห้องหรือเปล่า จะเป็นอะไรไหม? แต่ท้ายที่สุดไม่มีใครกล้าเข้ามาดู ทุกคนกลัวเรามาก จนกระทั่ง Suppa ออกมาเข้าห้องน้ำที่ห้องรับแขกข้างนอนแล้วเห็นว่าเราลืมมือถือไว้ที่โต๊ะ พวกนางเลยตัดสินใจว่าจะใช้เหตุผลนี้เดินเข้ามาหาเราในห้อง โดยที่จับกลุ่มกุมมือค่อย ๆ เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนเรา
.
พอเปิดประตูเข้ามา เรากำลังนั่งยอง ๆ หันหลังให้อยู่ที่พื้นเหมือนกำลังหยิบของจากกระเป๋าตัวเองอยู่ ๆ ทันใดนั้นเราตะคอกใส่เพื่อนโดยไม่หันไปมองว่า “จะเอาอะไรจากพี่อีก!” ทุกคนอึ้ง แต่ Suppa ใจดีสู้เสือตอบว่า “พี่ลืมมือถือไว้ น้องเอามาให้วางไว้นี่นะ” เราค่อย ๆ หันคอไปช้า ๆ มองตาขวางแล้วตอบว่า “คับ” แล้วหันกลับไปรื้อของต่อ จากนั้น Suppa ก็พูดต่อว่า “นอนแล้วนะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราไปเล่นน้ำกัน จากนั้นเราหันคอไปอย่างช้า ๆ พร้อมตอบว่า “คับ” แล้วเพื่อน ๆ ก็กลับไปห้องนอนของตัวเอง
.
ใครที่รู้จักเราจะรู้ว่าเราไม่พูด ครับ คับ ฮะ อะไรแบบนี้ทั้งสิ้น แต่ทำไมเราถึงตอบเพื่อนแบบนั้นล่ะ? นี่คือคำถามที่คาใจเพื่อน ๆ หลังจากแยกกลับห้องไป
.
เมื่อกลับไปห้องนอนเตรียมจะนอน (อีกรอบ) ระหว่างที่เพื่อน ๆ นอนไถ Tiktok สักพักได้ยินเสียงดังจากห้องเรา “ครืดดดดดด ครืดดดดดด” เหมือนคนกำลังหยิบของแล้วเล็บขรูดไปกับโต๊ะ อะ...เพื่อนเริ่มใจไม่ดีอีกละ แต่สุดท้ายกลั้นใจข่มตานอนหลับไปโดยที่ล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา เพราะกลัวเราเข้ามากลางดึก
.
ภาพตัดมาเป็นยามเช้าเวลาประมาณ 8 โมงกว่า เรานอนอยู่บนเตียงในห้องคนเดียวโดยที่ไม่คิดอะไรว่าทำไม Wanwee ถึงไปนอนอีกห้อง เพราะว่าก่อนมาพวกเราคุยกันแล้วว่าใครนอนกรนบ้าง ซึ่งมีเราคนเดียวที่ไม่กรน ก็เข้าใจว่า Wanwee คงไม่อยากให้การกรนของนางรบกวนเรา
.
เราเดินออกจากห้องนอนมาที่สระว่ายน้ำเพื่อถ่ายรูปลง Story จากนั้นดูเวลาแล้วก็เอ้ย! ชวนเพื่อนไปกิน Breakfast ที่ห้องอาหารดีกว่า สายละ คงหิวกันแล้วด้วย อะ เราก็เดินไปถึงหน้าห้องนอนเพื่อนกำลังจะยกมือเคาะประตู ทันใดนั้นได้ยินเสียงลูกบิดดังก็อกแก๊ก ๆ จากข้างใน พร้อมเสียงพูดอะไรสักอย่างฟังไม่รู้เรื่องว่าคุยอะไรกัน เราก็เออ ตื่นแล้ววุ้ย แกล้งยืนนิ่ง ๆ เอาหน้าแนบประตุให้ตกใจเล่นดีกว่า สักพักประตูเปิดออกช้า ๆ ทุกคนในห้องนอนผวากับการเจอเราที่หน้าประตูมาก เป็นการตกใจแบบไม่โวยวาย แต่เหมือนใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เราก็งงว่าทำไมตกใจขนาดนั้นอะ ไม่ได้แฮ่! เสียงดังใส่อะไรนี่หน่า จากนั้น Wanwee พูดกับเราว่า “เดี๋ยวพี่มีเรื่องต้องเคลียร์กับฉันนะ” เราก็งง อะไรวะ ไปทำอะไรให้
.
จากนั้นพวกเราไปกินข้าว ระหว่างกินข้าว Wanwee ก็บ่นแบบอารมณ์เสียออกมาว่า “เมื่อคืนตอนตี 4 ใครยิ้มคุยกันเสียงดังจนตื่นเลย แต่ฟังไม่รู้เรื่องนะว่าคุยไรกัน แบบเสียงผู้ชายงืมงำ ๆ” พวกเราที่เหลือตอบว่า “ไม่ได้ยินนะ” แต่ตอนนั้นไม่มีใครคิดอะไร คิดว่า WanWee หูแว่วไปเอง เสร็จแล้วก็กลับมาเล่นน้ำในสระอีกสักพัก จากนั้นฝนตกเลยไปทำคอนเทนต์แช่อ่างจากุซซี่ในห้องน้ำแทน แช่สักพักก็เริ่มแบ่งกันไปอาบน้ำเพื่อเตรียมเช็กเอาท์
.
ขณะที่เราทั้ง 4 คนกำลังเก็บของอยู่นั้น เรา กับ Wanwee อยุ่ในห้องเดียวกัน ส่วนอีกห้องนอนคือ LadySat กับ Supa จู่ ๆ LadySat เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องนอนเรา ทำหน้าเลิกลั่กแล้วเดินกลับไปห้องตัวเอง จากนั้นได้ยินเสียงพูดว่า “ไม่มีประตู” ถัดมาไม่ถึงนาที LadySat กับ Suppa ก็เดินเข้ามาในห้องนอนเราอีกรอบแล้วพูดว่า “เห็นมั้ยหนูบอกแล้วว่าไม่มี เจ้ก็ได้ยินใช่มั้ย” เราหันหน้าไปมอง Wanwee แบบงง ๆ ว่าอะไรวะ พวกนั้นเลยบอกว่า “เดี๋ยวค่อยเล่า ออกไปจากที่นี่ก่อน”
.
ทันทีที่เราเช็กเอาต์แล้วขับรถออกมาจากที่พักเพื่อไปร้านกาแฟ เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า “เมื่อคืนพี่ทำอะไรไว้บ้าง จำได้มั้ย?” เราตอบว่าจำไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เคยเมาแล้วภาพตัดแบบไม่เหลือความทรงจำขนาดนี้มาก่อน (ก็คือเหตุการณ์เมื่อคืนที่เล่ามาข้างต้นนั่นแหละ)
.
เราฟังแล้วแบบ จริงเหรอวะ? อำปะเนี่ย? แต่จากสีหน้าเพื่อน ๆ แล้วมันไม่ตลกกันเลยว่ะ ทันใดนั้นพวกเราทั้งหมดจึงค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวที่แต่ละคนเจอมา จนกระทั่งย้อนมานึกถึงคำพูดของ WanWee ที่พูดออกมาตอนเข้ามาเหยียบในตัวบ้านครั้งแรกเลยว่า “บ้านหลังใหญ่ดีเนอะ นอนได้ตั้งหลายคนแหนะ” อะ พอมารวมเรื่องราวทั้งหมดแบบนี้ จึงลงความเห็นตรงกันว่า “อืมมมม น่าจะเจอของจริงเข้าแล้วแหละ” 
.
หมายเหตุ: สิ่งที่เล่าต่อจากนี้เป็นคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เขียนจำสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เหลือความทรงจำกับสิ่งที่ทำไปแม้แต่น้อย อาจเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด บรรยายถึงความน่ากลัวได้ไม่ชัดเท่ากับผู้เห็นเหตุการณ์ และอาจผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย เพราะเหตุการณ์นี้ผ่านมากสักพักแล้ว
.
ปล. เสื้อที่เราใส่คืนนั้นบังเอิญเป็นเสื้อจากหนังร่างทรง เลยทวีความหลอนเข้ากับเหตุการร์ที่เกิดขึ้นไปอีกเท่าตัว และเพื่อน ๆ บอกให้เอาเสื้อตัวนี้ทิ้งไปได้แล้ว
.
ปล. อีกที: เราไม่เคยเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ครั้งนี้เรียกว่า “ทั้งเจอกับตัว และเข้าตัว” เป็นครั้งแรก ใด ๆ ขอเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
.
ส่งท้าย...เราทั้ง 4 คนยังไม่เลิกคบกันนะ แม้จะเจอเรื่องสยองและเหตุการณ์กาลกิณีหลังออกมาจากที่พักแล้วอีก 2-3 ชอต เฮ้ออออ บ้าบอคอแตก แต่รักเพื่อนกลุ่มนี้มาก บุญแค่ไหนแล้วที่พวกมันไม่ทิ้งฉันไว้กลับบ้านหลังนั้นตามลำพังกลางดึก 5555555555555

(มือใหม่หัดเล่า ขออภัยหากไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่อยากแชร์จริง ๆ เรื่องนี้ หลอน)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่