ถ้าไม่ปรับ…ก็ไม่รอด เมื่อ "โทรคมนาคมเก่า" กำลังจะถูก Disruption

ธุรกิจโทรคมนาคม ขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงทั้งการวางโครงข่ายและการลงทุนเทคโนโลยี โดยเเฉพาะ เทคโนโลยี 5G ที่ต้องมีค่าการประมูลคลื่น ก็หลายหมื่นล้าน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในการขยายโครงข่าย ไม่นับรวมงบประมาณการทำตลาด ฯลฯ แม้ธุรกิจจะยังมีอัตราเติบโต แต่ผลตอบแทนไม่ได้สดใสเหมือนในอดีต

ในช่วงที่ผ่านมา เทนด์การประกอบธุรกิจในวงการอุตฯโทรคมนาคมของโลก มีการเปลี่ยนแปลงสูง การทำธุรกิจจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เทคโนโลยีใหม่ ๆ ผุดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดาวเทียม, Metaverse, Quantum รวมถึงรถยนต์ EV และ Smart City จะเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ประกอบการดิจิทัลตัวเบาจากต่างประเทศ (OTT) 


ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม OTT จำนวนมาก โดยที่ยังไม่มีกลไกควบคุมหรือกำกับดูแล หากหน่วยงานกำกับดูแลของภาครัฐไม่ปรับตัวให้ก้าวทุนยุคเทคโนโลยีดิสรัปชั่น และทำความรู้จักตลาดโทรคมนาคมใหม่ ก็จะไม่เหลือผู้ประกอบการเดิมในยุคดิจิทัล เชื่อได้เลยว่าภายใน 3-5 ปีนี้ บริษัทเดิมในโทรคมนาคมไทยภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่คงอยู่รอดได้ยาก หากไม่มีการปรับตัวหรือปรับโครงสร้างทางธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

สำหรับเหตุผลที่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมในปัจจุบันต้องประสบภาวะที่ยากต่อการแข่งขันกับผู้เล่นดิจิทัล มีด้วยกัน 9 ข้อที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนต้องหาทางออก 


นอกจากนี้งานวิจัยในต่างประเทศได้ระบุชัดว่ายุคนี้หากบริษัทใดยังลงทุนด้านนวัตกรรมไม่มากเพียงพอ ก็น่าห่วงว่าอนาคตอาจจะต้องปิดตัวลง ดังนั้นวันนี้บริษัทไหนที่ไม่รีบทุ่มเทลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ไม่ขยับปรับเปลี่ยน ก็ย่อมน่าห่วงต่อชะตากรรม ขณะที่บริษัทและธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อการลงทุนด้านนวัตกรรมจะมีอายุเฉลี่ยได้นานมากขึ้นกว่าบริษัทที่ยังคงทำธุรกิจรูปแบบเก่าๆอยู่ในธุรกิจดั้งเดิมที่ตัวเองเคยประสบความสำเร็จ โดยมีการประเมินกันว่าอายุขัยเฉลี่ยของบริษัทเหล่านี้จะเหลือเพียง 20 ปีเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เศรษฐกิจ เทคโนโลยี นวัตกรรม โทรคมนาคม 5G
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่