🎇🎇🎇
คงไม่มีใครกล้าเถียงแน่ๆ ว่าสัปดาห์นี้หนังเรื่องเดียวที่เข้าฉายและต้องไปดูให้ได้ก็คือเรื่องนี้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ภาคสองของหมอแปลกที่เปิดตัวอย่างมาก็ว๊าวกันแล้ว ด้วยการเล่นกับจักรวาลคู่ขนานเพื่อเปิดโลก Multiverse ให้กับ Phase 4 ของค่าย Marvel ซึ่งมันถูกเริ่มต้นไอเดียมาตั้งแต่ Spider-Man No Way Home ที่เอาหมอแปลกมาแปะไว้ท้ายเครดิตแล้วด้วย รวมไปถึงการเล่นกับเรื่องราว Multiverse ในซีรี่ส์ Wandavision, Loki และ What If... อีกด้วย
🎇🎇🎇
เรื่องราวในภาคนี้เริ่มขึ้นเมื่อตัวละครใหม่อย่าง America Chavez เด็กที่มีพลังพิเศษสามารถเปิดประตูจักรวาลและเดินทางข้ามไปมาได้ ได้หลบหนีการไล่ล่าของศัตรูข้ามจักรวาลมาเจอกับ Dr.Strange ในจักรวาลนี้ และทำให้ประตูจักรวาลเปิดออกจนเกิดความยุ่งเหยิงของพหุจักรวาลขึ้น แต่แล้ว Dr.Strange ก็มารู้ว่าการไล่ล่า America Chavez แท้จริงแล้วเป็นแผนการของ Scarlet Witch ที่ต้องการพลังนั้นเพื่อให้ได้กลับไปอยู่กับลูกชายฝาแฝดของเธอ
🎇🎇🎇
เอาจริงๆ เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เพราะมันก็คือการสร้างเรื่องราวขึ้นมาให้ได้มีการสู้กันนี่แหละ เพียงแต่ว่าสิ่งที่หนังใส่เข้ามาคือจินตนาการล้ำๆ ที่จะพาคนดูท่องไปกับจักรวาลคู่ขนานที่ทำให้ได้เจอ Dr.Strange ในรูปแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็น พร้อมทั้งโลกในจักรวาลแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตามเหตุการณ์ของเรื่องราวในจักรวาลนั้น ซึ่งในภาคนี้เปิดเรื่องมาก็พาเราไปลุยกับแอ็คชั่นแฟนตาซีสวยๆ ตั้งแตแ่เริ่มเรื่องโดยไม่ต้องมานั่งปูเรื่องราวอะไรเหมือนภาคแรก เพราะคนดูรู้จักตัวละครนี้ดีอยู่แล้ว
🎇🎇🎇
ซึ่งข้อดีคือหนังมันจะสามารถเริ่มลุยเรื่องราวใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็เป็นจุดที่ทำให้คนที่ไม่เคยดูหนัง Dr.Strange ภาคแรก รวมไปถึงหนังเรื่องอื่นที่มีการเอาตัวละครมาอ้างอิง อาจจะงงได้ว่าที่หนังเอามาใส่มันคืออะไร เพราะหนังมีการจับเรื่องราวในจักรวาลอื่นที่มีตัวละครอื่นๆ ในค่าย Marvel มาใส่ไว้ด้วย แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวผมว่าพอเปิดตัวออกมามันยังไม่ว๊าวเท่ากับฉากเปิดตัวละครลับใน Spider-Man No Way Home เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็โอเคว่าหนังอาจจะใส่เข้ามาเพื่อปูทางไปสู่เรื่องราวใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้
🎇🎇🎇
ด้วยความเป็นหนัง Marvel และเป็นเรื่องราวของ Dr.Strange มันเลยมีอะไรที่ขายได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ประกอบกับการได้ Sam Raimi ผู้กำกับหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องมาเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ ทำให้เกิดคำพูดที่ใช้โปรโมทว่า "เรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นซุปเปอร์ฮีโร่สยองขวัญ" ซึ่งหลายคนอาจจะงง แต่ถ้าเข้าไปดูจริงๆ จะรู้ว่ามันสยงอขวัญยังไง เพราะ Sam Raimi ใส่เอกลักษณ์ของเขาเข้าไปในหนังแบบชัดเจนมาก พอมาผนวกกับความเป็นหนัง superheroes มันก็เลยออกมาสนุกแบบสยองขวัญจริงๆ
🎇🎇🎇
Benedict Cumberbatch ยังคงความเป็น Dr.Strange ที่เท่และมี Ego ได้อย่างน่ารักไม่ต่างจากภาคแรก เหมือนเขากลืนกินความเป็น Dr.Strange ไว้ในตัวอย่างเต็มที่ แต่ในเรื่องนี้คนที่ฉายแสงมากที่สุดกลับไม่ใช่เขา ส่วนตัวผมยกให้ Elizabeth Olsen ในบทของ Scarlet Witch ที่ไม่ได้หวานแหววเหมือนใน Wandavision ซึ่งออกมาแต่ละฉากนี่ดูเด่นกว่าตัวพระเอกของเราซะอีก ส่วนตัวละครใหม่อย่าง America Chavez เรื่องนี้กำลังปูทางให้เธอขึ้นมาเป็น Superheroes คนใหม่ของค่าย Marvel ได้เลย
🎇🎇🎇
โดยรวมแล้วถึงเนื้อเรื่องของหนังจะไม่ได้มีอะไรให้ว๊าวเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับในจินตนาการที่หนังใส่เข้าไป รวมไปถึงการฉีกแนวหนัง Superheroes ของ Sam Raimi ที่ทำให้หนัง Superheroes กลายเป็นหนังที่สนุกแบบสยองขวัญได้ด้วย เรื่องนี้มี Credit ท้ายเรื่อง 2 ตัว และทั้งสองตัวจะพาเราไปต่อยอดในภาคต่อไปได้แน่นอนครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Doctor Strange in the Multiverse of Madness - จินตนาการที่พรั่งพรูทะลุทุกจักรวาล กับความน่ากลัวในแบบ Sam Raimi
🎇🎇🎇
คงไม่มีใครกล้าเถียงแน่ๆ ว่าสัปดาห์นี้หนังเรื่องเดียวที่เข้าฉายและต้องไปดูให้ได้ก็คือเรื่องนี้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ภาคสองของหมอแปลกที่เปิดตัวอย่างมาก็ว๊าวกันแล้ว ด้วยการเล่นกับจักรวาลคู่ขนานเพื่อเปิดโลก Multiverse ให้กับ Phase 4 ของค่าย Marvel ซึ่งมันถูกเริ่มต้นไอเดียมาตั้งแต่ Spider-Man No Way Home ที่เอาหมอแปลกมาแปะไว้ท้ายเครดิตแล้วด้วย รวมไปถึงการเล่นกับเรื่องราว Multiverse ในซีรี่ส์ Wandavision, Loki และ What If... อีกด้วย
🎇🎇🎇
เรื่องราวในภาคนี้เริ่มขึ้นเมื่อตัวละครใหม่อย่าง America Chavez เด็กที่มีพลังพิเศษสามารถเปิดประตูจักรวาลและเดินทางข้ามไปมาได้ ได้หลบหนีการไล่ล่าของศัตรูข้ามจักรวาลมาเจอกับ Dr.Strange ในจักรวาลนี้ และทำให้ประตูจักรวาลเปิดออกจนเกิดความยุ่งเหยิงของพหุจักรวาลขึ้น แต่แล้ว Dr.Strange ก็มารู้ว่าการไล่ล่า America Chavez แท้จริงแล้วเป็นแผนการของ Scarlet Witch ที่ต้องการพลังนั้นเพื่อให้ได้กลับไปอยู่กับลูกชายฝาแฝดของเธอ
🎇🎇🎇
เอาจริงๆ เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เพราะมันก็คือการสร้างเรื่องราวขึ้นมาให้ได้มีการสู้กันนี่แหละ เพียงแต่ว่าสิ่งที่หนังใส่เข้ามาคือจินตนาการล้ำๆ ที่จะพาคนดูท่องไปกับจักรวาลคู่ขนานที่ทำให้ได้เจอ Dr.Strange ในรูปแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็น พร้อมทั้งโลกในจักรวาลแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตามเหตุการณ์ของเรื่องราวในจักรวาลนั้น ซึ่งในภาคนี้เปิดเรื่องมาก็พาเราไปลุยกับแอ็คชั่นแฟนตาซีสวยๆ ตั้งแตแ่เริ่มเรื่องโดยไม่ต้องมานั่งปูเรื่องราวอะไรเหมือนภาคแรก เพราะคนดูรู้จักตัวละครนี้ดีอยู่แล้ว
🎇🎇🎇
ซึ่งข้อดีคือหนังมันจะสามารถเริ่มลุยเรื่องราวใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็เป็นจุดที่ทำให้คนที่ไม่เคยดูหนัง Dr.Strange ภาคแรก รวมไปถึงหนังเรื่องอื่นที่มีการเอาตัวละครมาอ้างอิง อาจจะงงได้ว่าที่หนังเอามาใส่มันคืออะไร เพราะหนังมีการจับเรื่องราวในจักรวาลอื่นที่มีตัวละครอื่นๆ ในค่าย Marvel มาใส่ไว้ด้วย แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวผมว่าพอเปิดตัวออกมามันยังไม่ว๊าวเท่ากับฉากเปิดตัวละครลับใน Spider-Man No Way Home เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็โอเคว่าหนังอาจจะใส่เข้ามาเพื่อปูทางไปสู่เรื่องราวใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้
🎇🎇🎇
ด้วยความเป็นหนัง Marvel และเป็นเรื่องราวของ Dr.Strange มันเลยมีอะไรที่ขายได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ประกอบกับการได้ Sam Raimi ผู้กำกับหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องมาเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ ทำให้เกิดคำพูดที่ใช้โปรโมทว่า "เรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นซุปเปอร์ฮีโร่สยองขวัญ" ซึ่งหลายคนอาจจะงง แต่ถ้าเข้าไปดูจริงๆ จะรู้ว่ามันสยงอขวัญยังไง เพราะ Sam Raimi ใส่เอกลักษณ์ของเขาเข้าไปในหนังแบบชัดเจนมาก พอมาผนวกกับความเป็นหนัง superheroes มันก็เลยออกมาสนุกแบบสยองขวัญจริงๆ
🎇🎇🎇
Benedict Cumberbatch ยังคงความเป็น Dr.Strange ที่เท่และมี Ego ได้อย่างน่ารักไม่ต่างจากภาคแรก เหมือนเขากลืนกินความเป็น Dr.Strange ไว้ในตัวอย่างเต็มที่ แต่ในเรื่องนี้คนที่ฉายแสงมากที่สุดกลับไม่ใช่เขา ส่วนตัวผมยกให้ Elizabeth Olsen ในบทของ Scarlet Witch ที่ไม่ได้หวานแหววเหมือนใน Wandavision ซึ่งออกมาแต่ละฉากนี่ดูเด่นกว่าตัวพระเอกของเราซะอีก ส่วนตัวละครใหม่อย่าง America Chavez เรื่องนี้กำลังปูทางให้เธอขึ้นมาเป็น Superheroes คนใหม่ของค่าย Marvel ได้เลย
🎇🎇🎇
โดยรวมแล้วถึงเนื้อเรื่องของหนังจะไม่ได้มีอะไรให้ว๊าวเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับในจินตนาการที่หนังใส่เข้าไป รวมไปถึงการฉีกแนวหนัง Superheroes ของ Sam Raimi ที่ทำให้หนัง Superheroes กลายเป็นหนังที่สนุกแบบสยองขวัญได้ด้วย เรื่องนี้มี Credit ท้ายเรื่อง 2 ตัว และทั้งสองตัวจะพาเราไปต่อยอดในภาคต่อไปได้แน่นอนครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้