ระบบนำทางที่
 กระจกหน้าบอกข้อมูลในช่วง 100 m
 กลางมาตรวัดบอกข้อมูลในช่วง x00 m
 และจอแสดงผลกลางซูมได้ ซูมทีเดียวค้างสเกลนั้นไปตลอด ทำให้เห็นตลอดเส้นทางว่าขับอย่างไร
ใช้สามจอร่วมกัน ดังภาพ สะดวกมากครับ

 

ข้อเสียคือ ถ้าจะพูดบอก ต้องพูดภาษาอังกฤษชัดมาก
ข้อดีคือ พิมพ์พลาด มันเข้าใจแฮะ
เช่น 'Pattaya premium' (outlet) หรือ 'Premium Pattaya' (outlet) มันเข้าใจทั้งคู่
หรือ ใช้ชื่อเล่นที่เรียกกันบ่อย มันรู้ว่าชื่อจริงคืออะไร
เช่น 'wat leng n' เพื่อหาวัดเล่งเน่ยยี่ จะขึ้น "wat borom racha kanjanapisek anusorn" ให้เราเลือกเป็นอันดับต้น ๆ
 
ทำให้แม้ต่อระบบนำทางโทรศัพท์ได้ ผมไม่จำเป็นต้องต่อสายเพื่อเชื่อมโทรศัพท์ Android (หรือ Apple) แต่อย่างใด
(ซึ่งรถรุ่นเก่า หากต่อโทรศัพท์จะแสดงผลเฉพาะจอแสดงผลกลาง)
 
ยิ่งรถรุ่นใหม่ มี Google Assistant ในตัว แสดงผลที่จอมากกว่าหนึ่งจอแล้ว ผมว่าคนยิ่งชอบ
(ผมเฉย ๆ เพราะใช้มือถือ Android จนชิน ออกจะชอบระบบนำทางติดรถรุ่นเดิมที่แสดงผลสามมิติ สวยกว่า Google Assistant ดังภาพ)
 
วิ่งใต้ดิน GPS ไม่ถึง รถยังรู้ตำแหน่งและทิศทางตัวเองด้วย
เวลาหาทางออกจากลานจอดรถในห้างไปถนนที่ต้องการ สบายมาก เป็นต้น ครับ

แน่นอนว่า หากต่อเน็ต หากมีเส้นทางที่ไปได้เร็วกว่า
รถจะแนะนำเส้นทางที่เร็วกว่าให้ครับ

ยิ่งใช้ประกอบกับระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ซึ่ง Volvo ติดกลุ่มท็อปของโลก
; https://ppantip.com/topic/41391677
ยิ่งสบายครับ

นอกจากนี้ การสลับระหว่างมอเตอร์ (ล้อหลัง) กับสันดาปภายใน (ล้อหน้า)
จะสัมพัทธ์กับการจราจร

อย่างผมบอก 'Take me home' จากจุดเริ่มต้นที่ห่างจากบ้านร้อยกว่าโล
รถจะคำนวณให้เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ขับมอเตอร์ (เป็นระยะ) โดยจะเหลือไฟไว้ช่วงรถติด จนถึงบ้านพอดี

ทำให้โดยรวม การบริโภคเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพมากครับ
ผมได้ 33-34 กิโลเมตรต่อลิตร แม้ขับออกต่างจังหวัดเดือนละครั้ง - สองครั้ง