สวัสดีครับ ก่อนอื่นกระทู้นี้จะมีการสปอล์ยบางฉากนะครับ และก็จะพูดถึงจุดที่ชอบและไม่ชอบของภาพยนตร์เรื่องนี้โดยละเอียด โดยก่อนอื่น ธีมที่ผมจะเล่าเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ผมมองว่ามันเป็นภาพยนตร์รักดราม่าที่มี Prop เป็นพลังวิเศษของซุปเปอร์ฮีโร่และเวทมนตร์คาถาครับ
เนื่องจากผมไม่ได้ดูซีรีย์มาเวลใด ๆ แต่พอรู้สปอล์ยมาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร ดังนั้นนี้จะเป็นมุมมองของคนที่ตามแต่ฝั่งภาพยนตร์อย่างเดียวนะครับ
เปิดเรื่องมาด้วยการที่อเมริกาซาเวช หญิงสาวผู้มีพลังในการวาร์ปไปจักรวาลอื่น ๆ แต่ควบคุมไม่ได้กับหมอแปลกในโลกนั้น กำลังหนีการไล่ล่าของมอนเตอร์ที่ต้องการพลังของเธอ ซึ่งหมอแปลกในโลกนั้นสู้ไม่ได้ ก็ตัดสินใจว่าจะฆ่าซาเวชเพื่อตัดปัญหาเลย วิธีการยับยั้งไม่ให้คนอื่นเอาพลังไปคือการที่ตัวเองเอาพลังนั้นมาใช้เอง แต่ทำไม่สำเร็จ โดยซาเวชบังเอิญเปิดประตูได้
ภาพตัดมา หมอแปลกในโลกของเราตื่นขึ้นด้วยการสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย หลังจากตื่นนอนชีก็พร้อมที่จะไปงานแต่งของเรจิน่าจอร์จ เอ๊ย คริสทีน อดีตแฟนสาวที่ร้างรากันไป จุดนี่แหละครับที่ทำให้ผมตัดสินใจรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ในมุมมองของหนังรัก
"ฉันชื่นชมในการตัดสินใจของคุณ แต่ไม่ได้รักมัน"
คือถ้าเราถอด "หน้าที่" ออกไป หมอแปลกเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรัก แต่ความรักของเขาเป็นไปได้ยาก เพราะอะไร เพราะเขาคือตัวเชื่อมของทั้งพหุจักรวาล เขาเป็นคนเดียวที่ทราบคำตอบตอนตีกับทานอส เป็นคนเดียวที่มีพลังกล้าแข็งมากพอจะชนะอนาคตและความเป็นไปได้ แต่พลังทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เขามีความรักที่สมบูรณ์แบบได้เลย เพราะหน้าที่ ๆ เขาต้องทำ บีบให้ต้องเห็นแก่ตัว และคิดถึงผลลัทธ์มากกว่าวิธีการหรือความสูญเสีย ไม่แปลกที่คนจะคิดว่าเขาเห็นแก่ตัว
ฮีโร่ที่ดี แต่ไม่อาจเป็นคนรักที่ดีได้ บางครั้งหน้าที่ก็ทำให้เส้นแบ่งของเราแตกออกเป้นแบบนั้น
ก็เหมือนกับบางครั้งแล้ว เราเห็นแหละว่าการที่คน ๆ หนึ่งตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง ถูกต้องที่หมายถึง "ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กับทุกคน" (อ้างอิงจากการที่สตีเฟ่นถึงขนาดยอดเสียสละอัญมณี และรู้ว่ายังไงไอรอนแมนก็ไปแน่ ๆ) คือมันก็ถูกต้องแล้วไงที่ต้องทำแบบนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วถูกต้องไม่ได้แปลว่าจะถูกใจ ไม่ได้แปลว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนจะต้องยอมรับได้ในเหตุและผล
ระหว่างงานแต่ง ทาโกยากิยักษ์บุกเมือง หมอแปลกแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนฟัดกับมัน ก่อนจะพบซาเวจและพบกับศพของตัวเองในอีกโลกหนึ่ง โดยซีนนี้ชีหว่องก็มาด้วย และทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะเอาซาเวจไปเก็บที่อคาถา หรืออะไรนะ จำชื่อไม่ได้แหละ แต่ก็นั้นแหละ ที่พักพิงสุดท้าย ก่อนสตีเฟ่นจะไปขอความช่วยเหลือจากวันด้า
ทั้งคู่สนทนากันไปในทุ่งแอปเปิ้ล คุยไปคุยมาก็โป๊ะแตก กลายเป็นว่าคนที่ส่งมอนเตอร์ไปล่าซาเวจคือชีเอง วันด้าพร้อมคัมภีร์แบล็กโฮลถามแค่ว่าจะส่งตัวชะนีวาร์ปมาดี ๆ หรือจะให้ "สกาเลท วิซ" บุกไปที่นั้นโดยตรง หมอแปลกก็เครียด คนที่จะมาให้ช่วยดันกลายเป็นวายร้ายซะเอง ซึ่งเหตุผลที่วันด้าอยากได้พลังวาร์ปมาก็เพื่อจะไปท่องจักรวาล ตามหาลูก ๆ ของตัวเองที่ไม่มีอยู่จริงในจักรวาลนี้
"ทุกคืนฉันหลับฝันหวานถึงโลกที่มีพวกเขา ก่อนจะตื่นมาเจอกับฝันร้ายว่ามันไม่เกิดขึ้นจริง"
เห็นไหมครับว่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ต้องการจิตแพทย์ วันด้าเองก็เช่นกัน เหมือนอย่างที่ตั้งคำถาม ว่าทำไมคนอื่น ๆ ถึงคิดว่าไอรอนแมนถึงเป็นคนเดียวที่ดูเหมือนจะสูญเสียทุกอย่าง แล้วเธอละ นาตาชาละ คนอื่น ๆ อีกมากมายที่สูญเสียเพื่อรักษาอะไรบางอย่าง โดยที่เธออาจจะไม่ได้ต้องการแบกรับหน้าที่พวกนี้ด้วยซ้ำ พลังนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการมาตั้งแต่แรก
ถ้าจะบอกว่าชะตากรรมคือหน้าที่ แล้วถ้าเรามีพลังมากพอจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ล่ะ?
"ถ้าคุณไม่ขัดขวางฉัน ฉันจะส่งคุณไปอยู่ในจักรวาลที่คุณและคริสทีนสมหวัง" วันด้ากล่าว
ความฝันมันคือภาพสุญญากาศที่เติมเต็มความไม่สมบูรณ์ของความเป็นจริง ไม่ว่าผม คุณ หรือใคร เราทุกคนล้วนมีเรื่องที่จะต้องสูญเสีย เรื่องที่จะเกิดขึ้นเสมอในทุกวันที่เราเติบโต เรื่องที่ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นจริง และความรักเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ทั้งโลกเท่าเทียม คุณมีสิทธิ์ที่จะรักมากพอที่จะไม่ได้รับความรักไม่ว่าจะด้วยจากเหตุผลอะไรก็ตามแต่ และซุปเปอร์ฮีโร่ก็ไม่มีข้อยกเว้นนั้น
ดังนั้น ธีมของหนังเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยเจตนารมณ์ของตัวละคร ในความรักของความเป็นแม่ ในความฝันของความหวังที่แหลกสลาย ในความรู้สึกของการเป็นมนุษย์ที่ถูกเติมเต็ม และทั้งหมดเคลือบไว้ด้วยภาพสีหม่น ไม่มีฉากตุ้งแช่ใด ๆ แต่มันกดดัน และสะท้อนความน่ากลัวออกมาจากความปรารถนาของแต่ละบุคคล มันบีบเร้าเร้งรัด และให้ทางเลือกในการตัดสินใจไม่กี่ทาง
บทสรุปสุดท้ายจบอย่างไร อยากเชิญชวนไปชมในโรงภาพยนตร์
ในฐานะหนังภาคต่อของตัวเอกคนหนึ่งในจักรวาลมาเวล ผมว่าทำได้ดีและหนักแน่นตั้งแต่การเป็นตัวเชื่อมจักรวาลหนัง แมสเซจที่ต้องการสื่อสาร การยกระดับการต่อสู้ที่จะออกห่างจากโลกไปเรื่อย ๆ แต่ไปอยู่ในจักรวาลอื่น ๆ บ้าง เห็นฮีโร่แปลก ๆ พลังงานใหม่ ๆ ไปจนถึงอย่างอื่นตามสเกลของที่ภาพยนตร์ต้องการจะไปต่อข้างหน้า รวมไปถึงในฐานะภาพยนตร์รัก ผมชอบนะ ประทับใจทุกแมสเซจที่เขาต้องการจะบอก
"ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลไหนผมก็รักคุณ"
เฮ้อ หนังรักเรื่องนี้ทำผมเสียน้ำตาในโรงไปเลยล่ะคุณ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ครับ
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
และที่สำคัญที่สุด ห้ามพลาดเอ็นเครดิตตัวที่ 2 สำคัญมาก
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
[สปอล์ย] รีวิว #หมอแปลก2 #DrStrangeMultiverseOfMadness "หนังรักที่เคลือบด้วยภาพโทนสีหม่น" 8/10
เปิดเรื่องมาด้วยการที่อเมริกาซาเวช หญิงสาวผู้มีพลังในการวาร์ปไปจักรวาลอื่น ๆ แต่ควบคุมไม่ได้กับหมอแปลกในโลกนั้น กำลังหนีการไล่ล่าของมอนเตอร์ที่ต้องการพลังของเธอ ซึ่งหมอแปลกในโลกนั้นสู้ไม่ได้ ก็ตัดสินใจว่าจะฆ่าซาเวชเพื่อตัดปัญหาเลย วิธีการยับยั้งไม่ให้คนอื่นเอาพลังไปคือการที่ตัวเองเอาพลังนั้นมาใช้เอง แต่ทำไม่สำเร็จ โดยซาเวชบังเอิญเปิดประตูได้
ภาพตัดมา หมอแปลกในโลกของเราตื่นขึ้นด้วยการสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย หลังจากตื่นนอนชีก็พร้อมที่จะไปงานแต่งของเรจิน่าจอร์จ เอ๊ย คริสทีน อดีตแฟนสาวที่ร้างรากันไป จุดนี่แหละครับที่ทำให้ผมตัดสินใจรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ในมุมมองของหนังรัก
"ฉันชื่นชมในการตัดสินใจของคุณ แต่ไม่ได้รักมัน"
คือถ้าเราถอด "หน้าที่" ออกไป หมอแปลกเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรัก แต่ความรักของเขาเป็นไปได้ยาก เพราะอะไร เพราะเขาคือตัวเชื่อมของทั้งพหุจักรวาล เขาเป็นคนเดียวที่ทราบคำตอบตอนตีกับทานอส เป็นคนเดียวที่มีพลังกล้าแข็งมากพอจะชนะอนาคตและความเป็นไปได้ แต่พลังทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เขามีความรักที่สมบูรณ์แบบได้เลย เพราะหน้าที่ ๆ เขาต้องทำ บีบให้ต้องเห็นแก่ตัว และคิดถึงผลลัทธ์มากกว่าวิธีการหรือความสูญเสีย ไม่แปลกที่คนจะคิดว่าเขาเห็นแก่ตัว
ฮีโร่ที่ดี แต่ไม่อาจเป็นคนรักที่ดีได้ บางครั้งหน้าที่ก็ทำให้เส้นแบ่งของเราแตกออกเป้นแบบนั้น
ก็เหมือนกับบางครั้งแล้ว เราเห็นแหละว่าการที่คน ๆ หนึ่งตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง ถูกต้องที่หมายถึง "ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กับทุกคน" (อ้างอิงจากการที่สตีเฟ่นถึงขนาดยอดเสียสละอัญมณี และรู้ว่ายังไงไอรอนแมนก็ไปแน่ ๆ) คือมันก็ถูกต้องแล้วไงที่ต้องทำแบบนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วถูกต้องไม่ได้แปลว่าจะถูกใจ ไม่ได้แปลว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนจะต้องยอมรับได้ในเหตุและผล
ระหว่างงานแต่ง ทาโกยากิยักษ์บุกเมือง หมอแปลกแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนฟัดกับมัน ก่อนจะพบซาเวจและพบกับศพของตัวเองในอีกโลกหนึ่ง โดยซีนนี้ชีหว่องก็มาด้วย และทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะเอาซาเวจไปเก็บที่อคาถา หรืออะไรนะ จำชื่อไม่ได้แหละ แต่ก็นั้นแหละ ที่พักพิงสุดท้าย ก่อนสตีเฟ่นจะไปขอความช่วยเหลือจากวันด้า
ทั้งคู่สนทนากันไปในทุ่งแอปเปิ้ล คุยไปคุยมาก็โป๊ะแตก กลายเป็นว่าคนที่ส่งมอนเตอร์ไปล่าซาเวจคือชีเอง วันด้าพร้อมคัมภีร์แบล็กโฮลถามแค่ว่าจะส่งตัวชะนีวาร์ปมาดี ๆ หรือจะให้ "สกาเลท วิซ" บุกไปที่นั้นโดยตรง หมอแปลกก็เครียด คนที่จะมาให้ช่วยดันกลายเป็นวายร้ายซะเอง ซึ่งเหตุผลที่วันด้าอยากได้พลังวาร์ปมาก็เพื่อจะไปท่องจักรวาล ตามหาลูก ๆ ของตัวเองที่ไม่มีอยู่จริงในจักรวาลนี้
"ทุกคืนฉันหลับฝันหวานถึงโลกที่มีพวกเขา ก่อนจะตื่นมาเจอกับฝันร้ายว่ามันไม่เกิดขึ้นจริง"
เห็นไหมครับว่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ต้องการจิตแพทย์ วันด้าเองก็เช่นกัน เหมือนอย่างที่ตั้งคำถาม ว่าทำไมคนอื่น ๆ ถึงคิดว่าไอรอนแมนถึงเป็นคนเดียวที่ดูเหมือนจะสูญเสียทุกอย่าง แล้วเธอละ นาตาชาละ คนอื่น ๆ อีกมากมายที่สูญเสียเพื่อรักษาอะไรบางอย่าง โดยที่เธออาจจะไม่ได้ต้องการแบกรับหน้าที่พวกนี้ด้วยซ้ำ พลังนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการมาตั้งแต่แรก
ถ้าจะบอกว่าชะตากรรมคือหน้าที่ แล้วถ้าเรามีพลังมากพอจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ล่ะ?
"ถ้าคุณไม่ขัดขวางฉัน ฉันจะส่งคุณไปอยู่ในจักรวาลที่คุณและคริสทีนสมหวัง" วันด้ากล่าว
ความฝันมันคือภาพสุญญากาศที่เติมเต็มความไม่สมบูรณ์ของความเป็นจริง ไม่ว่าผม คุณ หรือใคร เราทุกคนล้วนมีเรื่องที่จะต้องสูญเสีย เรื่องที่จะเกิดขึ้นเสมอในทุกวันที่เราเติบโต เรื่องที่ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นจริง และความรักเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ทั้งโลกเท่าเทียม คุณมีสิทธิ์ที่จะรักมากพอที่จะไม่ได้รับความรักไม่ว่าจะด้วยจากเหตุผลอะไรก็ตามแต่ และซุปเปอร์ฮีโร่ก็ไม่มีข้อยกเว้นนั้น
ดังนั้น ธีมของหนังเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยเจตนารมณ์ของตัวละคร ในความรักของความเป็นแม่ ในความฝันของความหวังที่แหลกสลาย ในความรู้สึกของการเป็นมนุษย์ที่ถูกเติมเต็ม และทั้งหมดเคลือบไว้ด้วยภาพสีหม่น ไม่มีฉากตุ้งแช่ใด ๆ แต่มันกดดัน และสะท้อนความน่ากลัวออกมาจากความปรารถนาของแต่ละบุคคล มันบีบเร้าเร้งรัด และให้ทางเลือกในการตัดสินใจไม่กี่ทาง
บทสรุปสุดท้ายจบอย่างไร อยากเชิญชวนไปชมในโรงภาพยนตร์
ในฐานะหนังภาคต่อของตัวเอกคนหนึ่งในจักรวาลมาเวล ผมว่าทำได้ดีและหนักแน่นตั้งแต่การเป็นตัวเชื่อมจักรวาลหนัง แมสเซจที่ต้องการสื่อสาร การยกระดับการต่อสู้ที่จะออกห่างจากโลกไปเรื่อย ๆ แต่ไปอยู่ในจักรวาลอื่น ๆ บ้าง เห็นฮีโร่แปลก ๆ พลังงานใหม่ ๆ ไปจนถึงอย่างอื่นตามสเกลของที่ภาพยนตร์ต้องการจะไปต่อข้างหน้า รวมไปถึงในฐานะภาพยนตร์รัก ผมชอบนะ ประทับใจทุกแมสเซจที่เขาต้องการจะบอก
"ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลไหนผมก็รักคุณ"
เฮ้อ หนังรักเรื่องนี้ทำผมเสียน้ำตาในโรงไปเลยล่ะคุณ