“I told my boss I’m going to help my sister move out, I didn’t tell where”
ทริปไปต่างประเทศครั้งแรกหลังจากโควิด จริงๆ ทริปนี้เกิดขึ้นจากการไปช่วยพี่สาวขนของย้ายห้อง เลยไปลาบอส บอกบอสไว้ว่าจะไปช่วยพี่สาวย้ายห้อง แต่ไม่ได้บอกว่าห้องพี่สาวอยู่ประเทศโอมานค่ะ อิอิ
ข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับประเทศโอมาน
· ประเทศโอมานเป็นหนึ่งในเจ็ดประเทศอ่าว (seven gulf countries) ได้แก่ Iraq, Bahrain, Kuwait, Oman, Qatar, Saudi Arabia และ the United Arab Emirates ชื่อเต็มว่า Sultanate of Oman ซึ่งแน่นอนว่าชื่อประเทศขนาดนี้ ระบอบการปกครองก็คืออยู่ใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันมีสุลต่านเป็นประมุข
· ประชากรหลักคือชาวโอมานี่ (Omani) ซึ่งเป็นชาวอาหรับ รองลงมาจะเป็นชาวอินเดีย ปากีสถาน (เราแยกไม่ออกค่ะ แต่พี่สาวบอกว่าหน้าตาต่างกันเยอะอยู่) และ ASEAN (ไทยกับฟิลิปปินส์เป็นหลัก ซึ่งนี่ก็แยกไม่ออกเหมือนกัน 5555) มีฝรั่งเล็กน้อย โดยคนต่างชาติทั้งหมดส่วนมากเข้าไปทำงานค่ะ
· ศาสนาหลักคืออิสลาม แม้จะไม่เคร่งมากเท่าซาอุ แต่เราถือว่าไปบ้านเค้า ก็ต้องเคารพกฎเค้าค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ควรนำของที่ขัดหลักศาสนาเข้าประเทศค่ะ
· ภาษาราชการ ใช้ภาษาอารบิคในการสื่อสาร แต่ส่วนมากคนในเมืองพูดอังกฤษได้
· การแต่งกาย ควรแต่งกายมิดชิด ใส่กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาวคลุมเข่าและเสื้อมีแขนค่ะ ผ้าคลุมผมไม่ได้บังคับ ใส่กางเกงออกกำลังกายหรือเลคกิ้งขายาวได้ค่ะ ขอแค่ไม่สั้น
· อาหาร ส่วนมากก็จะเป็นอาหารแขกบบ้านเราอ่ะค่ะ คือทั้งแขกอาหรับและแขกอินเดีย แต่ก็จะมีอาหารตุรกี ฟิลิปปินส์ อาหารจีน ฝรั่ง และฟาสฟู้ดทั่วไปด้วยเหมือนไทย ถ้าคนกินง่ายไม่อดตายแน่นอนค่ะ ไม่ได้มีกลิ่นแขกอะไรขนาดนั้น (ส่วนตัวติดใจอาหารอินเดียเลยค่ะ 5555)
· ค่าครองชีพ ราคาอาหารสดจะพอๆ กับบ้านเราแต่ไม่มีเนื้อหมูขายนะคะ 555 อาหารในร้านจะค่อนข้างแพงกว่า ราคาจะเหมือนเรากินร้านย่านสยาม, สีลม, ทองหล่อ ค่ะ ร้านถูกๆ แนวฟาดฟู้ดทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 1 OMR เป็นพวก wrap, sandwich อะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ น้ำดื่มต้องซื้อน้ำขวดนะคะ ราคาพอๆ กับไทย ดื่มน้ำประปาไม่ได้ค่ะ
· การเดินทาง แทบไม่มีรถสาธารณะ คนที่นี่ใช้รถส่วนตัวเอา ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็จะนิยมเช่ารถเอา (ทำใบขับขี่สากลจากไทยไปให้เรียบร้อยก่อนเช่าค่ะ) แต่เราขับพวงมาลัยซ้ายไม่เป็นเลยใช้แท็กซี่เดินทางเป็นหลัก รถเมล์มีแต่น้อย ไม่กี่สาย ละไม่รู้ไปไหนบ้าง
· สภาพภูมิประเทศ ส่วนมากเป็นภูเขาหินและทะเลทรายค่ะ ต้นไม้จะเป็นพุ่มๆ แห้งๆ ออกนอกเมืองจะพบอูฐ แพะ และลาเดินริมทางค่ะ
· สภาพอากาศ มีตั้งแต่ร้อนแห้งแล้งไปยันหิมะตก ต้องเช็คก่อนเดินทางค่ะ เราไปช่วงปลายมีนาคม อากาศกำลังดีประมาณ 20-25 องศาค่ะ ไม่มีเมฆเลยแม้แต่ก้อนเดียว แดดแรงถึงแรงมาก แต่ไม่ได้ร้อนมากเพราะอากาศแห้ง หายใจสะดวกกว่าบ้านเรามาก เหงื่อแทบไม่ออก หรือออกก็แห้งเร็วมากค่ะ
· เวลา ช้ากว่าที่ไทย 3 ชั่วโมงค่ะ (GMT +4)
· สิ่งที่ควรเตรียมไป อุปกรณ์กันแดดและครีมกันแดดทุกชนิด ห้ามลืมแว่นกันแดดโดยเด็ดขาด ตัวเราถ้าไม่ใส่แว่นตากันแดดเราลืมตาไม่ขึ้นเลยค่ะ แดดแรงมาก, แนวปีนเขาควรเตรียมรองเท้าผ้าใบ, เสื้อชูชีพหรือห่วงยาง แหล่งน้ำธรรมชาติน้ำลึก ส่วนมากต้องว่ายเข้าไประยะทางพอสมควร
· ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เหมือนเมืองไทยที่ไม่ใช่ตรงแหล่งมิจฉาชีพ เราวางพวกกระเป๋ากล่องข้าว ขนม น้ำ ไว้ที่ศาลาริมทางในแหล่งท่องเที่ยว กลับมาก็ยังอยู่เหมือนเดิม
· App แนะนำ คือควรโหลด
- Otaxi ไว้เรียกรถแท็กซี่ ลักษณะแอพคล้าย grab มีบอกราคาไว้ เริ่มต้น 1.5 OMR จะได้ระยะทางประมาณ 5 กม. จะเพิ่มตามระยะทางและรถติด
- WhatsApp ที่นี่ใช้ Line ไม่ได้นะคะ ถ้าจะติดต่อกับคนที่นี่ต้องใช้ WhatsApp ในการคุยเท่านั้น
- VPN ของอะไรก็ได้ เพื่อไว้ใช้ Line อย่างเดียวเลย
- Omantel เราใช้ซิมส์ของ Omantel มันจะมีให้กดเสี่ยงโชคในแอพได้ของฟรีเป็นพวกเนตฟรีวันละ 10-20 MB ก็กดไปทุกวันเลยสิคะ
- Carrefour อันนี้เราชอบส่วนตัว กดซื้อของจากคาร์ฟูร์ ครบ 3 OMR ส่งฟรีถึงที่พัก มันเริ่ดมาก ไม่ต้องออกไปซื้อของเอง ประหยัดเวลาในการซื้อของฝากมาก
· อื่นๆ ช่วง Ramadan หรือเดือนรอมฎอนเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมถือศีลอดกัน ร้านอาหารก็จะเปิดแค่ช่วงกลางคืน การกินอาหารหรือดื่มน้ำในที่สาธารณะอาจถูกจับปรับได้ โดย Ramadanนี้จะเริ่มประมาณเมษายนค่ะ, มีที่ฉีดก้น, น้ำหอมคนที่นี่แรงทะลุแมส, คนที่นี่ไม่ใส่แมสกันแล้ว, คนโอมานี่ค่อนข้างเป็นมิตรและเป็น extrovert ชอบชวนคุยและส่วนมากเคยมาและอยากมาเที่ยวไทย, รถพวงมาลัยซ้าย
การเตรียมตัวก่อนเดินทางเข้าประเทศ
เราเดินทางช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งประเทศโอมานเปิดให้เข้าได้แบบไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องมีผล PCR สำหรับคนฉีดวัคซีนที่รับรองโดย WHO ครบ 2 เข็ม (Sinovac ก็นับนะคะ สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ของ WHO)
จองตั๋วเครื่องบิน >> ทริปนี้บินกับสายการบิน Oman Air ค่ะ เป็นสายการบินประจำชาติโอมาน จะมีทั้งบินตรง Bangkok – Muscat กับต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Doha ค่ะ มีเที่ยวบินประมาณสัปดาห์ละ 4-5 เที่ยวบิน ราคาประมาณ 13,XXX – 21,XXX ค่ะ แบบที่บินร่วมกับ Qatar จะแพงกว่าค่ะ เราใช้อานิสงส์พี่สาวซึ่งเป็นลูกเรือสายการบินนี้เลยได้ตั๋วราคาถูกลงมาหน่อยค่ะ
Visa >> ทำ online visa ค่าทำอยู่ที่ 20 OMR รูดบัตรไป คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,7xx บาท อยู่ได้ 1 เดือน (ถูกสุด) สมัยก่อนมี 5 OMR แต่ยกเลิกไปน่าจะหลังช่วงโควิด ปกติใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการ แต่ของเราโชคดีมาก ได้ใน 2-3 ชั่วโมงเองค่ะ Official website ต้องมีหน้าสุลต่านแบบนี้นะคะ
Vaccine certificate >> ทำในแอพหมอพร้อม ขอได้ฟรี ใช้เวลาดำเนินการประมาณไม่เกิน 7 วันค่ะ ต้องมาปริ้นท์เองนะคะ เอาไว้ยื่น ตม. (ของเราได้ประมาณ 3-4 วัน)
ประกัน >> ทำประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการติดเชื้อโควิดไว้ ประมาณ 400-500 บาท
แลกเงิน >> rate 1 OMR จะอยู่ที่ประมาณ 87-88 บาทค่ะ ขึ้นมาเยอะอยู่เพราะสงครามค่ะ
จองที่พัก >> พอดีเราพักห้องพี่สาวเลยไม่ได้จองโรงแรมค่ะ จะมีแค่คืนที่ไปพักแคมป์ในทะเลทรายคืนเดียวค่ะ
Thaipass/Test and Go >> ปรับมาตรการตลอดแทบจะทุกเดือน แนะนำว่าตามเพจกงสุลไทยไว้ค่ะ ตอบแชทเร็วพอสมควร
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางค่ะ ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงก็ถึงกรุงมัสกัต (Muscat) ประเทศโอมาน มีผู้โดยสารประมาณครึ่งลำ อาหารมีแค่ไก่กับปลาค่ะ
ระหว่างบินมีเสิร์ฟน้ำ/แอลกอฮอลล์/ขนม/ชากาแฟตลอดค่ะ (ใช่ค่ะ เสิร์ฟแอลกอฮอลล์ด้วย ที่สำคัญคือมองไปรอบตัวผู้โดยสารคนอื่นขอแต่เบียร์กับไวน์กันหมดเลยค่ะ 5555) เครื่องแลนด์แล้วอย่าลืมปรับเวลาตามเวลาท้องถิ่นนะคะ
สนามบินใหม่ตกแต่งสวยงามดีค่ะ เล็กกว่าบ้านเรา เครื่องแลนด์แล้วก็ไปต่อแถวเข้า ตม.กันค่ะ ระหว่างต่อแถวก็จะมี prescreen โดยมีจนท.เช็คใบวัคซีนเราค่ะ ดูแค่ว่าฉีดมากี่เข็ม ส่วนตม.ก็เป็นมิตรดีถามว่ามาจากไหน มากี่วัน พักที่ไหน พี่สาวทำงานที่นี่หรอ ทำงานอะไร มาครั้งแรกหรอ ทำวีซ่ามารึยัง กลับเมื่อไหร่ ก็ตอบไป ซักพักก็ผ่านได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ (เราเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว แต่งชุดกระโปรงยาวคลุมเข่ากับเสื้อกันหนาว รองเท้าผ้าใบ)
ผ่านตม. ได้แล้วก็ไปรอรับกระเป๋า ออกมาก็เจอพี่สาวมารอรับแล้วก็ไปซื้อซิมส์ค่ะ เราซื้อของ Omantel จะเป็นเคาเตอร์ซ้ายมือในซอกหน่อยเมื่อเทียบกับอีกเจ้า (Ooredoo) package ที่เราซื้อจะอยู่ที่ 4 OMR/1month/2GB ซึ่งโปรนี้ไม่มีในรายการที่ติดไว้ต้องถามเอา ดีพี่สาวรู้โปรลับเลยได้อันนี้มา นอกจากนี้ด้วยความที่พี่สาวเป็นคนช่างเจรจา เจรจายังไงไม่รู้พี่แขกพนง.ขายเขียนรหัสมาให้ บอกว่ายูกดตามนี้หลัง activate sim นะ จะได้เพิ่มเป็น 3GB เอ๊อออ .. เก๋ๆ อ่ะคนประเทศนี้
การเดินทางจากสนามบินมี 3 วิธี ให้คนมารับ, เรียกแท็กซี่, เช่ารถขับเอง แน่นอนว่าเรามีพี่สาวมารอรับค่ะ ออกจากสนามบินประมาณเที่ยงคืนกว่าตรงไปที่พักสลบยาวค่ะ
เนื่องจาก Jetlag เบาๆ เราเลยตื่นแต่เช้าแล้วนอนต่อไม่หลับ ก็เลยไปวิ่งค่ะ อากาศดีมากกกก ถนนไม่เหม็นควันรถ ลมเย็น อากาศแห้งแบบวิ่งแล้วไม่เหนียวตัว หัวไม่เป็นสาหร่าย และหายใจแล้วไม่หนักๆ แบบบ้านเราอ่ะค่ะ วิ่ง 7 กม.ไม่เหนื่อยเลย ตรงนี้ริมถนนหน้าคอนโดพี่สาวช่วงประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ
แน่นอนค่ะ .. ใดๆ ก็เดินห้างก่อนเลย ซื้อของอุปโภคบริโภคกันก่อน เจออเมซอนมาเปิดบูทขายด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้กินนะคะเลยไม่รู้ว่าเหมือนไทยรึเปล่า (จะว่าไปที่ไทยก็ยังไม่เหมือนกันเลยค่ะ อิอิ)
สำหรับทริปนี้ การเดินทางในเมืองเราเรียกแท็กซี่เอานะคะ ใช้แอพ Otaxi กดมารับถึงที่พักเลย ส่วนการไปเที่ยวนอกเมืองเราจ้างรถพร้อมคนขับนะคะ ไม่กล้าขับรถพวงมาลัยซ้าย เป็นห่วงชีวิตและทรัพย์สินคนอื่นค่ะ 5555
คนขับรถของเราชื่อคุณ Khalfan หรือที่เราตั้งชื่อไทยให้ว่าคุณข้าวฟ่างค่ะ เป็นคนน่ารัก ช่วยเหลือและให้ความรู้ดีประมาณนึง พูดอังกฤษชนิดสื่อสารกันรู้เรื่องค่ะ คนนี้ชอบมาเมืองไทยมาก มาทุกปี บอกว่า Thailand is my second home ค่ะ มี apartment อยู่แถวนานา
(ใครสนใจไปใช้บริการหลังไมค์ได้นะคะ เรามี WhatsApp ไว้นัดหมาย/ตกลงราคาอยู่ค่ะ)
แพลนเที่ยวเราอาจจะไม่ได้เรียงตามวันนะคะ แต่จะแยกเป็นที่ๆ ไปค่ะ
[CR] [CR] Instagramable Oman .. โอมาน ล้านรูป ^^ ไม่มีความรู้ ไม่มีข้อมูล มีแต่เงินกับใจ ถ้าเราไปได้ ใครๆ ก็ไปได้!!
ข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับประเทศโอมาน
· ประเทศโอมานเป็นหนึ่งในเจ็ดประเทศอ่าว (seven gulf countries) ได้แก่ Iraq, Bahrain, Kuwait, Oman, Qatar, Saudi Arabia และ the United Arab Emirates ชื่อเต็มว่า Sultanate of Oman ซึ่งแน่นอนว่าชื่อประเทศขนาดนี้ ระบอบการปกครองก็คืออยู่ใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันมีสุลต่านเป็นประมุข
· ประชากรหลักคือชาวโอมานี่ (Omani) ซึ่งเป็นชาวอาหรับ รองลงมาจะเป็นชาวอินเดีย ปากีสถาน (เราแยกไม่ออกค่ะ แต่พี่สาวบอกว่าหน้าตาต่างกันเยอะอยู่) และ ASEAN (ไทยกับฟิลิปปินส์เป็นหลัก ซึ่งนี่ก็แยกไม่ออกเหมือนกัน 5555) มีฝรั่งเล็กน้อย โดยคนต่างชาติทั้งหมดส่วนมากเข้าไปทำงานค่ะ
· ศาสนาหลักคืออิสลาม แม้จะไม่เคร่งมากเท่าซาอุ แต่เราถือว่าไปบ้านเค้า ก็ต้องเคารพกฎเค้าค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ควรนำของที่ขัดหลักศาสนาเข้าประเทศค่ะ
· ภาษาราชการ ใช้ภาษาอารบิคในการสื่อสาร แต่ส่วนมากคนในเมืองพูดอังกฤษได้
· การแต่งกาย ควรแต่งกายมิดชิด ใส่กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาวคลุมเข่าและเสื้อมีแขนค่ะ ผ้าคลุมผมไม่ได้บังคับ ใส่กางเกงออกกำลังกายหรือเลคกิ้งขายาวได้ค่ะ ขอแค่ไม่สั้น
· อาหาร ส่วนมากก็จะเป็นอาหารแขกบบ้านเราอ่ะค่ะ คือทั้งแขกอาหรับและแขกอินเดีย แต่ก็จะมีอาหารตุรกี ฟิลิปปินส์ อาหารจีน ฝรั่ง และฟาสฟู้ดทั่วไปด้วยเหมือนไทย ถ้าคนกินง่ายไม่อดตายแน่นอนค่ะ ไม่ได้มีกลิ่นแขกอะไรขนาดนั้น (ส่วนตัวติดใจอาหารอินเดียเลยค่ะ 5555)
· ค่าครองชีพ ราคาอาหารสดจะพอๆ กับบ้านเราแต่ไม่มีเนื้อหมูขายนะคะ 555 อาหารในร้านจะค่อนข้างแพงกว่า ราคาจะเหมือนเรากินร้านย่านสยาม, สีลม, ทองหล่อ ค่ะ ร้านถูกๆ แนวฟาดฟู้ดทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 1 OMR เป็นพวก wrap, sandwich อะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ น้ำดื่มต้องซื้อน้ำขวดนะคะ ราคาพอๆ กับไทย ดื่มน้ำประปาไม่ได้ค่ะ
· การเดินทาง แทบไม่มีรถสาธารณะ คนที่นี่ใช้รถส่วนตัวเอา ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็จะนิยมเช่ารถเอา (ทำใบขับขี่สากลจากไทยไปให้เรียบร้อยก่อนเช่าค่ะ) แต่เราขับพวงมาลัยซ้ายไม่เป็นเลยใช้แท็กซี่เดินทางเป็นหลัก รถเมล์มีแต่น้อย ไม่กี่สาย ละไม่รู้ไปไหนบ้าง
· สภาพภูมิประเทศ ส่วนมากเป็นภูเขาหินและทะเลทรายค่ะ ต้นไม้จะเป็นพุ่มๆ แห้งๆ ออกนอกเมืองจะพบอูฐ แพะ และลาเดินริมทางค่ะ
· สภาพอากาศ มีตั้งแต่ร้อนแห้งแล้งไปยันหิมะตก ต้องเช็คก่อนเดินทางค่ะ เราไปช่วงปลายมีนาคม อากาศกำลังดีประมาณ 20-25 องศาค่ะ ไม่มีเมฆเลยแม้แต่ก้อนเดียว แดดแรงถึงแรงมาก แต่ไม่ได้ร้อนมากเพราะอากาศแห้ง หายใจสะดวกกว่าบ้านเรามาก เหงื่อแทบไม่ออก หรือออกก็แห้งเร็วมากค่ะ
· เวลา ช้ากว่าที่ไทย 3 ชั่วโมงค่ะ (GMT +4)
· สิ่งที่ควรเตรียมไป อุปกรณ์กันแดดและครีมกันแดดทุกชนิด ห้ามลืมแว่นกันแดดโดยเด็ดขาด ตัวเราถ้าไม่ใส่แว่นตากันแดดเราลืมตาไม่ขึ้นเลยค่ะ แดดแรงมาก, แนวปีนเขาควรเตรียมรองเท้าผ้าใบ, เสื้อชูชีพหรือห่วงยาง แหล่งน้ำธรรมชาติน้ำลึก ส่วนมากต้องว่ายเข้าไประยะทางพอสมควร
· ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เหมือนเมืองไทยที่ไม่ใช่ตรงแหล่งมิจฉาชีพ เราวางพวกกระเป๋ากล่องข้าว ขนม น้ำ ไว้ที่ศาลาริมทางในแหล่งท่องเที่ยว กลับมาก็ยังอยู่เหมือนเดิม
· App แนะนำ คือควรโหลด
- Otaxi ไว้เรียกรถแท็กซี่ ลักษณะแอพคล้าย grab มีบอกราคาไว้ เริ่มต้น 1.5 OMR จะได้ระยะทางประมาณ 5 กม. จะเพิ่มตามระยะทางและรถติด
- WhatsApp ที่นี่ใช้ Line ไม่ได้นะคะ ถ้าจะติดต่อกับคนที่นี่ต้องใช้ WhatsApp ในการคุยเท่านั้น
- VPN ของอะไรก็ได้ เพื่อไว้ใช้ Line อย่างเดียวเลย
- Omantel เราใช้ซิมส์ของ Omantel มันจะมีให้กดเสี่ยงโชคในแอพได้ของฟรีเป็นพวกเนตฟรีวันละ 10-20 MB ก็กดไปทุกวันเลยสิคะ
- Carrefour อันนี้เราชอบส่วนตัว กดซื้อของจากคาร์ฟูร์ ครบ 3 OMR ส่งฟรีถึงที่พัก มันเริ่ดมาก ไม่ต้องออกไปซื้อของเอง ประหยัดเวลาในการซื้อของฝากมาก
· อื่นๆ ช่วง Ramadan หรือเดือนรอมฎอนเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมถือศีลอดกัน ร้านอาหารก็จะเปิดแค่ช่วงกลางคืน การกินอาหารหรือดื่มน้ำในที่สาธารณะอาจถูกจับปรับได้ โดย Ramadanนี้จะเริ่มประมาณเมษายนค่ะ, มีที่ฉีดก้น, น้ำหอมคนที่นี่แรงทะลุแมส, คนที่นี่ไม่ใส่แมสกันแล้ว, คนโอมานี่ค่อนข้างเป็นมิตรและเป็น extrovert ชอบชวนคุยและส่วนมากเคยมาและอยากมาเที่ยวไทย, รถพวงมาลัยซ้าย
การเตรียมตัวก่อนเดินทางเข้าประเทศ
เราเดินทางช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งประเทศโอมานเปิดให้เข้าได้แบบไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องมีผล PCR สำหรับคนฉีดวัคซีนที่รับรองโดย WHO ครบ 2 เข็ม (Sinovac ก็นับนะคะ สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ของ WHO)
จองตั๋วเครื่องบิน >> ทริปนี้บินกับสายการบิน Oman Air ค่ะ เป็นสายการบินประจำชาติโอมาน จะมีทั้งบินตรง Bangkok – Muscat กับต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Doha ค่ะ มีเที่ยวบินประมาณสัปดาห์ละ 4-5 เที่ยวบิน ราคาประมาณ 13,XXX – 21,XXX ค่ะ แบบที่บินร่วมกับ Qatar จะแพงกว่าค่ะ เราใช้อานิสงส์พี่สาวซึ่งเป็นลูกเรือสายการบินนี้เลยได้ตั๋วราคาถูกลงมาหน่อยค่ะ
Visa >> ทำ online visa ค่าทำอยู่ที่ 20 OMR รูดบัตรไป คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,7xx บาท อยู่ได้ 1 เดือน (ถูกสุด) สมัยก่อนมี 5 OMR แต่ยกเลิกไปน่าจะหลังช่วงโควิด ปกติใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการ แต่ของเราโชคดีมาก ได้ใน 2-3 ชั่วโมงเองค่ะ Official website ต้องมีหน้าสุลต่านแบบนี้นะคะ
Vaccine certificate >> ทำในแอพหมอพร้อม ขอได้ฟรี ใช้เวลาดำเนินการประมาณไม่เกิน 7 วันค่ะ ต้องมาปริ้นท์เองนะคะ เอาไว้ยื่น ตม. (ของเราได้ประมาณ 3-4 วัน)
ประกัน >> ทำประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการติดเชื้อโควิดไว้ ประมาณ 400-500 บาท
แลกเงิน >> rate 1 OMR จะอยู่ที่ประมาณ 87-88 บาทค่ะ ขึ้นมาเยอะอยู่เพราะสงครามค่ะ
จองที่พัก >> พอดีเราพักห้องพี่สาวเลยไม่ได้จองโรงแรมค่ะ จะมีแค่คืนที่ไปพักแคมป์ในทะเลทรายคืนเดียวค่ะ
Thaipass/Test and Go >> ปรับมาตรการตลอดแทบจะทุกเดือน แนะนำว่าตามเพจกงสุลไทยไว้ค่ะ ตอบแชทเร็วพอสมควร
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางค่ะ ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงก็ถึงกรุงมัสกัต (Muscat) ประเทศโอมาน มีผู้โดยสารประมาณครึ่งลำ อาหารมีแค่ไก่กับปลาค่ะ
ระหว่างบินมีเสิร์ฟน้ำ/แอลกอฮอลล์/ขนม/ชากาแฟตลอดค่ะ (ใช่ค่ะ เสิร์ฟแอลกอฮอลล์ด้วย ที่สำคัญคือมองไปรอบตัวผู้โดยสารคนอื่นขอแต่เบียร์กับไวน์กันหมดเลยค่ะ 5555) เครื่องแลนด์แล้วอย่าลืมปรับเวลาตามเวลาท้องถิ่นนะคะ
สนามบินใหม่ตกแต่งสวยงามดีค่ะ เล็กกว่าบ้านเรา เครื่องแลนด์แล้วก็ไปต่อแถวเข้า ตม.กันค่ะ ระหว่างต่อแถวก็จะมี prescreen โดยมีจนท.เช็คใบวัคซีนเราค่ะ ดูแค่ว่าฉีดมากี่เข็ม ส่วนตม.ก็เป็นมิตรดีถามว่ามาจากไหน มากี่วัน พักที่ไหน พี่สาวทำงานที่นี่หรอ ทำงานอะไร มาครั้งแรกหรอ ทำวีซ่ามารึยัง กลับเมื่อไหร่ ก็ตอบไป ซักพักก็ผ่านได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ (เราเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว แต่งชุดกระโปรงยาวคลุมเข่ากับเสื้อกันหนาว รองเท้าผ้าใบ)
ผ่านตม. ได้แล้วก็ไปรอรับกระเป๋า ออกมาก็เจอพี่สาวมารอรับแล้วก็ไปซื้อซิมส์ค่ะ เราซื้อของ Omantel จะเป็นเคาเตอร์ซ้ายมือในซอกหน่อยเมื่อเทียบกับอีกเจ้า (Ooredoo) package ที่เราซื้อจะอยู่ที่ 4 OMR/1month/2GB ซึ่งโปรนี้ไม่มีในรายการที่ติดไว้ต้องถามเอา ดีพี่สาวรู้โปรลับเลยได้อันนี้มา นอกจากนี้ด้วยความที่พี่สาวเป็นคนช่างเจรจา เจรจายังไงไม่รู้พี่แขกพนง.ขายเขียนรหัสมาให้ บอกว่ายูกดตามนี้หลัง activate sim นะ จะได้เพิ่มเป็น 3GB เอ๊อออ .. เก๋ๆ อ่ะคนประเทศนี้
การเดินทางจากสนามบินมี 3 วิธี ให้คนมารับ, เรียกแท็กซี่, เช่ารถขับเอง แน่นอนว่าเรามีพี่สาวมารอรับค่ะ ออกจากสนามบินประมาณเที่ยงคืนกว่าตรงไปที่พักสลบยาวค่ะ
เนื่องจาก Jetlag เบาๆ เราเลยตื่นแต่เช้าแล้วนอนต่อไม่หลับ ก็เลยไปวิ่งค่ะ อากาศดีมากกกก ถนนไม่เหม็นควันรถ ลมเย็น อากาศแห้งแบบวิ่งแล้วไม่เหนียวตัว หัวไม่เป็นสาหร่าย และหายใจแล้วไม่หนักๆ แบบบ้านเราอ่ะค่ะ วิ่ง 7 กม.ไม่เหนื่อยเลย ตรงนี้ริมถนนหน้าคอนโดพี่สาวช่วงประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ
แน่นอนค่ะ .. ใดๆ ก็เดินห้างก่อนเลย ซื้อของอุปโภคบริโภคกันก่อน เจออเมซอนมาเปิดบูทขายด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้กินนะคะเลยไม่รู้ว่าเหมือนไทยรึเปล่า (จะว่าไปที่ไทยก็ยังไม่เหมือนกันเลยค่ะ อิอิ)
สำหรับทริปนี้ การเดินทางในเมืองเราเรียกแท็กซี่เอานะคะ ใช้แอพ Otaxi กดมารับถึงที่พักเลย ส่วนการไปเที่ยวนอกเมืองเราจ้างรถพร้อมคนขับนะคะ ไม่กล้าขับรถพวงมาลัยซ้าย เป็นห่วงชีวิตและทรัพย์สินคนอื่นค่ะ 5555
คนขับรถของเราชื่อคุณ Khalfan หรือที่เราตั้งชื่อไทยให้ว่าคุณข้าวฟ่างค่ะ เป็นคนน่ารัก ช่วยเหลือและให้ความรู้ดีประมาณนึง พูดอังกฤษชนิดสื่อสารกันรู้เรื่องค่ะ คนนี้ชอบมาเมืองไทยมาก มาทุกปี บอกว่า Thailand is my second home ค่ะ มี apartment อยู่แถวนานา
(ใครสนใจไปใช้บริการหลังไมค์ได้นะคะ เรามี WhatsApp ไว้นัดหมาย/ตกลงราคาอยู่ค่ะ)
แพลนเที่ยวเราอาจจะไม่ได้เรียงตามวันนะคะ แต่จะแยกเป็นที่ๆ ไปค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้