สวัสดีค่าทุกคนนนนน ~

หลังจากช่วงวันหยุดที่ผ่านมา วันนี้เรามีโอกาสได้แวะมาแชร์ที่พักกันอีกแล้ว ! แต่รอบนี้เป็นการไปพักผ่อนพักใจในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ นครราชสีมา @ เขาแผงม้า อยู่ใกล้กันกับเขาใหญ่เลยค่ะ

ที่พักที่เราไปมาชื่อว่า ‘นรดีฮิวล์ รีสอร์ท’ เป็นที่พักกลางสวนผลไม้ที่บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ เพราะทั้งสวนมีเต้นท์โดมแค่ 5 เต้นท์ และบ้านพักอีก 3 หลังเท่านั้นเอง บรรยากาศคือเหมือนได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย

ใครเป็นสายกางเต้นท์ที่นี่ก็มีพื้นที่ให้กาง และบริการพร้อมห้องน้ำรวมที่ไม่ต้องเดินไกลจากจุดกางเต้นท์ด้วยเหมือนกันนะ

รอบนี้เราเลือกพักแบบเต้นท์โดมค่ะ เพราะอยู่ติดกับเขามากที่สุด ได้รับบรรยากาศ สูดอากาศกันแบบเต็มๆ ไปเลย

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงจัดโปรโมชั่นของทางที่พัก ราคาตกคืนละ 1,000+ นิดๆ เป็นราคาที่รวมอาหารเช้าแล้ว ถ้าเป็นราคาปกติจะอยู่ที่ 1,500 - 1,800  / คืนค่ะ แต่ถ้าเป็นช่วง High Season อย่างช่วงสิ้นปี ก็จะอยู่ที่คืนละ 2,500.-

ใครจะไปที่นี่สามารถทักไปสอบถามโปรโมชั่นพิเศษกับทางเพจก่อนได้นะคะ

จะบอกว่าที่นี่มีเจ้าถิ่นด้วยนะ แต่น้องคือน่ารัก ใจดีสุดๆ ร้องงิ้งๆ ต้อนรับตั้งแต่เรามาถึงเลย

ในส่วนของด้านในโดมจะเป็นเหมือนเต้นท์ที่แบ่งสัดส่วนไว้ให้ค่ะ อย่างโซนด้านหน้าแน่นอนว่าจะเป็นเตียงที่หันเข้าหาวิวแบบมีม่านกั้น Facility โซนนี้จะมีตู้เย็น แอร์ตั้งพื้น (ตอนแรกคิดว่าไม่เย็น แต่ความจริงคือหนาวสั่น) โทรทัศน์ พัดลม และมีเก้าอี้นั่งพื้นกับพรมนุ่มๆ ให้นั่งเล่นด้วยนะ

ถัดมาด้านซ้ายของเตียง จะมีชั้นวางของให้ค่ะ ซึ่งตรงนี้จะมีน้ำดื่ม กาน้ำร้อน กาแฟ แก้วร้อน/เย็น ทิชชู่ และโทรศัพท์ไว้ให้นะคะ 

ต่อกันที่โซนของห้องน้ำกันบ้าง จะบอกว่าตรงนี้คือไม่ได้มีอะไรมากั้น

แต่จากที่นอนมาทั้งคืนก็ไม่ได้มีกลิ่นรบกวนใดใดเลยค่ะ โซนล้างหน้าล้างมือจะอยู่ด้านนอกสุด ถัดมาก็จะเป็นโซนอาบน้ำที่เป็นแบบกระจกกั้น เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาค่ะ

ด้านในสุดจะเป็นชักโครก เรียกว่าเป็นการจัดสรรพื้นที่ด้านในเต้นท์โดมได้ดีค่ะ ไม่แน่นเกินไป แต่มีทุกอย่างที่จำเป็นให้ครบครัน ไม่ต้องเดินออกจากเต้นท์ไปหาห้องน้ำ อันนี้คือเป็นข้อดีเลยค่ะ

ส่วนด้านหน้าเต้นท์โดมทุกหลังจะมีโซนให้นั่งแบบนี้ ใครมาจิบกาแฟ หาที่นั่งชิลล์ หรือนั่งทำงานกับบรรยากาศธรรมชาติคือได้หมด อย่างตอนที่เราไป ช่วงเย็นๆ โซนนี้เราเอาไว้กินหมูกระทะเลย

อย่างที่เราบอกไปว่าที่นี่เป็นที่พักกลางสวนผลไม้ คุณป้าที่เป็นเจ้าของจะปลูกผลไม้ต่างๆ ไว้เยอะมากกกกกกกก แกพาเราเดินดูทั่วเลย

สุดท้ายมาจบที่โซนต้นลิ้นจี่ด้านหน้าสุดตรงทางเข้า คุณป้าบอกว่าให้เด็ดกินได้เลยเพราะมีเยอะมาก เยอะจริงแบบเต็มต้นเลย พึ่งเคยกินลิ้นจี่สดๆ จากต้นคืออร่อยยยยยย ไม่หวานไปแต่ไม่เปรี้ยวมาก คือดี ส่วนมะไฟก็ดกสุดๆ ต้นนี้ก็กินได้เหมือนกัน

จะบอกว่าใครที่ต้องการพักผ่อนที่แปลว่าพักผ่อนจริงๆ บรรยากาศที่นี่คือปลอดโปร่งโล่งสบายมาก เดินเล่นได้ทั้งสวน เหมือนได้ชาร์จพลังให้เต็มปอดก่อนไปสู้รบกับการทำงานใหม่แบบเต็มที่

ใครที่มากับเพื่อน แต่อยากพักที่นี่ก็มีบ้านพักเป็นหลังแบบ 4 คนให้นะ หลังนี้คือจะแยกห้องน้ำปิดประตูไว้ให้เรียบร้อยเลย บวกกับมีระเบียงด้านหน้าให้ชมวิว ส่วนใหญ่บ้านจะห่างกันค่ะ มีพื้นที่ค่อนข้างส่วนตัว ไม่ได้อยู่ติดกันนะ

ช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตก อากาศเริ่มเย็นขึ้น ฝนก็ตั้งท่าจะตก เราเลยเดินกลับห้องสั่งหมูกระทะมานั่งกินกัน  ทั้งหมดนี้พร้อมบริการส่งถึงที่ราคาชุดละ 

300.- นะคะ

เนื้อจะมีทั้งหมู ไก่ สามชั้น กุ้ง แล้วก็ปลาหมึกค่ะ

ตอนกินหมูกระทะเสร็จก็มืดแล้ว แต่รอบๆ โดมจะเปิดไฟไว้ให้แบบนี้เลยค่ะ อากาศเย็นๆ นั่งรับลมริมระเบียงก็ดีนะ แต่ช่วงที่เราไปเป็นก่อนที่ฝนจะตก ทำให้แมลงเม่าค่อนข้างเยอะ ใครที่แพ้แมลงอาจจะต้องพกยาไปเผื่อไว้หน่อยค่ะ

ช่วงเช้ามาป้าบอกเดี๋ยวป้าทำข้าวต้มไว้ให้ ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นถ้วย คนละถ้วยประมาณนั้น แต่พอเปิดห้องออกมาคือ ป้ายกมาให้ถังโถเลย เยอะมาก กับไข่ดาวอีก 3 ฟอง และแตงโมฉ่ำๆ อีกจาน ก็คืออิ่มไปเลย

จะบอกว่าที่นี่ถ้าเทียบกับราคาของที่พักรอบๆ คือถูกกว่า แต่อาจจะแลกมากับการที่ต้องเข้ามาลึกหน่อย ที่พักไม่ได้หรูหรามาก แต่เติมออกซิเจนเข้าปอดได้แบบสุดๆ พักผ่อนได้เต็มที่ ชมสวนผลไม้กันให้ฉ่ำ

คิดว่าหลังจากที่เราลงไปแล้ว คงมีผลไม้อีกหลายอย่างที่ขึ้นให้พร้อมไปชม อย่างอะโวคาโด้เป็นต้น

ข้อควรระวัง : สำหรับใครที่แพ้แมลงแนะนำพกยาไปนะคะ ด้วยความเป็นสวนผลไม้ อาจจะมีแมลงเยอะหน่อย แต่เราเองก็ไม่ได้โดนกัดหรือแพ้อะไรกลับมาค่ะ