[CR] [#Review] The Desperate Hour ฝ่าวิกฤตวิ่งหนีตาย - ตื่นเต้น และนอยด์มากจนน่าง่วงนอน


📲📲📲
เป็นหนังที่กระแสเงียบมากๆ ทั้งในช่วงโปรโมท และช่วงเข้าฉาย ผมเองก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหนังสักเท่าไหร่ ดูเพราะไม่ได้เห็น Naomi Watt มาสักพักแล้ว พอเห็นเรื่องนี้ก็เลยอยากดูเป็นการส่วนตัว ผลของการดูเหรอครับ มันสร้างความตื่นเต้นและนอยด์จนหลับไปงีบนึงเลย เพราะอะไรลองอ่านรีวิวดูครับ


📲📲📲
ความระทึกได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “เอมี คารร์” (นาโอมิ วัตต์ส) กำลังวิ่งจ็อกกิงตอนเช้าในป่าลึก จู่ๆ เธอได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่ “โนอาห์” (โคลตัน ก็อบโบ) ลูกชายวัยรุ่นสุดที่รักของเธอเรียนอยู่ และกำลังอยู่ในอันตรายสุดๆ เธอจึงต้องออกวิ่งบนระยะทางห่างจากเมืองหลายไมล์ด้วยความวิตกกังวลขั้นสุดเพื่อช่วยเหลือลูกของเธอ โดยมีเพียงโทรศัพท์ที่แบตใกล้จะหมดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ


📲📲📲
หนังใช้เรื่องราวของข่าวที่มีมือปืนที่บุกเข้ายิงกราดในโรงเรียนแห่งหนึ่งมาเป็นเส้นเรื่อง ซึ่งแน่นอนหนังต้องสร้างเหตุการณ์ที่เป็นความกดดันอย่างหนักหน่วงให้กับตัวละครเป็นแน่แท้ และหนังก็ใช้วิธีเล่นกับความกดดันของคนเป็นแม่ ที่ดันออกไปวิ่งอยู่คนเดียวในสถานที่เปลี่ยว มีโทรศัพท์อยู่เครื่องเดียวติดตัวพร้อมกับอาการนอยด์ที่ติดตัวมาด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ได้บอกกล่าวเล่าถึงอะไรเลย


📲📲📲
หนังพยายามจะสร้างอาการนอยด์ให้กับตัวของ เอมี่ คาร์ ทั้งเรื่องของครอบครัว เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลูกชาย โดยที่หนังไม่บอกอะไรสักอย่าง ทำให้คนดูงงกับอาหารนอยด์ที่ตัว เอมี่ กำลังเป็นว่าตกลงแล้ว เอมี่ นอยด์ด้วยเรื่องอะไร ก็เดาไปต่างๆ นาๆ แต่คิดว่าก็คงไม่พ้นเรื่องสามีเสียชีวิต แล้วลูกชายก็มีปัญหาอะไรประมาณนั้น ซึ่งในระหว่างที่หนังแนะนำตัวละคร เอมี่ ก็สร้างความยุ่งเหยิงด้วยสายโทรศัพท์ของคนอื่นๆ ที่พยายามโทรเข้ามาใส่ประเด็นอะไรให้ เอมี่ กลายเป็นคนนอยด์เต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนว่าที่โทรมาเนี่ย มีอะไร


📲📲📲
บรรยากาศของหนังเอาจริงๆ มันพาให้ตื่นเต้นและเครียดตามนะ เพียงแต่ว่าในระยะเวลา 84 นาที หนังมันมีแต่การวิ่งและคุยโทรศัพท์ของ เอมี่ แค่อย่างเดียว ซึ่งแรกๆ ก็เครียดตามอยู่หรอก แต่ยิ่งวิ่งนานเข้าๆ หนังมันเลยกลายเป็นความเครียด ความนอยด์ ความตื่นเต้นที่ซ้ำซากจำเจอยู่ที่เดิม ทำให้จากที่หนังดูตื่นเต้น กลายเป็นหนังน่าเบื่อและชวนง่วงนอนไปซะอย่างงั้น กลายเป็ฯสิ่งที่พยายามจะทำให้คนดูลุ้นตามไปด้วย กลับกลายเป็นคนดูลุ้นว่า เออ...เมื่อไหร่จะจบสักที


📲📲📲
ความเห็นส่วนตัวผมว่า หนังมันวางโครงเรื่องมาดีแล้วล่ะ เพียงแต่หนังมันอยู่กับที่นานเกินไปโดยไม่มีอะไรเข้ามาทำให้เกิดเป็นจุดพีคหรือจุดที่พาหนังไปสู่สิ่งที่คนดูต้องการ กลายเป็นว่าหนังพยายามจะบีบคั้นคนดูให้นอยด์ไปกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น แต่กลับย่ำอยู่ตรงนั้นแล้วไม่มีจุดพลิกผันหรือจุดพีคของเรื่อง เลยทำให้ออกมาแบบที่เป็นอยู่ ซึ่งน่าเสียดายมากๆ เสียดายอารมณ์ที่ถูกบีบ เสียดายความตื่นเต้นในช่วงแรก และเสียดายเวลาในการดู

ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
ชื่อสินค้า:   The Desperate Hour
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่