ลดลงต่อเนื่อง! ยอดโควิดวันนี้ พบติดเชื้อเพิ่ม 11,535 ราย เสียชีวิต 91 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3318839
ลดลงต่อเนื่อง! ยอดโควิดวันนี้ พบติดเชื้อเพิ่ม 11,535 ราย เสียชีวิต 91 ราย
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2565 รวม 11,535 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 11,480 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 55 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,039,049 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 22,022 ราย หายป่วยสะสม 1,924,384 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 140,989 ราย และเสียชีวิต 91 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,751 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 23 ราย และอัตราครองเตียง ร้อยละ 23.4
ทั้งนี้ ถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื้อ 12,888 ราย และเสียชีวิต 126 ราย
โพลชี้ปชช.กังวลรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล-สินค้าพุ่งค่าครองชีพขยับสูง
https://www.dailynews.co.th/news/1004196/
แนะรัฐบาลควรหาทางออกการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ ใช้งบมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิตเพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,038 คน เมื่อวันที่ 25-28 เม.ย.65 เรื่อง “รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.7 ทราบว่ารัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค.นี้ อาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 41.3 ระบุว่าไม่ทราบ ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 77.2 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายหากราคาสินค้าและค่าครองชีพขยับตัวสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 22.8 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
เมื่อถามถึงวิธีรับมืออย่างไรกับค่าครองชีพที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นหากรัฐจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.5 ระบุว่าใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้จ่ายแต่สิ่งจำเป็น รองลงมาร้อยละ 11.6 ระบุว่าหารายได้เสริมจากงานประจำ และร้อยละ 10.5 ระบุว่าใช้วิธีวางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
ส่วนเรื่องที่อยากให้รัฐบาลมีนโยบายหรือโครงการใดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้น พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 43.4 อยากให้รัฐควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น รองลงมาร้อยละ 17.4 อยากให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นเพื่อสอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และร้อยละ 12.7 อยากนำโครงการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น คนละครึ่ง และอยากสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดปัญหาการว่างงาน
อย่างไรก็ตามพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 54.8 คิดว่ารัฐบาลควรหาทางออกเรื่องการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ คือ ใช้งบประมาณมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป รองลงมาร้อยละ 17.2 คือ ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และร้อยละ 9.4 คือ ปล่อยราคาน้ำมันไปตามกลไกของตลาดโลก ประชาชนจะได้รู้ราคาที่แท้จริง
“สวนดุสิตโพล” คนกรุงจะไปใช้สิทธิ์-“ชัชชาติ” นำเดี่ยว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_331892/
“สวนดุสิตโพล” คนกรุงจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯแน่นอน เกิน 80% ขณะที่ “ชัชชาติ” นำโด่งเหมือนเดิม ตามด้วย”อัศวิน” โดยตัดสินใจเลือกจากนโยบายเป็นหลัก
“
สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ เฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (สำรวจด้วยการเก็บข้อมูลภาคสนามและออนไลน์) จำนวนทั้งสิ้น 2,522 คน ระหว่างวันที่ 12-28 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 82.20 คนกรุงเทพฯ จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งแแน่นอน, มีเพียง ร้อยละ 1.62 ที่จะไม่ไปใช้สิทธิ์, โดย ร้อยละ 63.56 ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากโทรทัศน์, ร้อยละ 56.82 ป้ายโปสเตอร์ ป้ายประกาศ ป้ายหาเสียง, ร้อยละ 30.97 เพจเฟซบุ๊ค
ขณะที่ ร้อยละ 56.11ให้ความสนใจผู้สมัครอิสระ,ร้อยละ 29.58 ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง และ ร้อยละ 14.31 ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งร้อยละ 58.37 ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ จากนโยบาย, ร้อยละ 50.32 ความขยัน ตั้งใจทำงาน, ร้อยละ 47.18 ภาพลักษณ์ดี นิสัยดี ประวัติดี นอกจากนี้ การหาเสียงของผู้สมัครในปัจจุบันมีผลต่อการตัดสินใจมากสุด ร้อยละ 43.54 , ร้อยละ 38.30 ค่อนข้างมีผล และ ร้อยละ 14.16ไม่ค่อยมีผล
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า ณ วันนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่นชอบ ร้อยละ 39.94 ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, ร้อยละ 14.16 พล.ต.อ.
อัศวิน ขวัญเมือง, ร้อยละ 13.37 ดร.
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, ร้อยละ 10.00 ดร.
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ ร้อยละ 4.01 น.ต.
ศิธา ทิวารี อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า ประชาชน ร้อยละ 64.79 ระบุ คะแนนนิยมจากการทำโพลสำนักต่าง ๆ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.
JJNY : ติดเชื้อ11,535 เสียชีวิต91 │โพลชี้ปชช.กังวลค่าครองชีพสูง│ดุสิตโพล“ชัชชาติ”นำเดี่ยว│นิด้าโพล“ชัชชาติ” ยังนำโด่ง
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3318839
ลดลงต่อเนื่อง! ยอดโควิดวันนี้ พบติดเชื้อเพิ่ม 11,535 ราย เสียชีวิต 91 ราย
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2565 รวม 11,535 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 11,480 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 55 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,039,049 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 22,022 ราย หายป่วยสะสม 1,924,384 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 140,989 ราย และเสียชีวิต 91 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,751 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 23 ราย และอัตราครองเตียง ร้อยละ 23.4
ทั้งนี้ ถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื้อ 12,888 ราย และเสียชีวิต 126 ราย
โพลชี้ปชช.กังวลรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล-สินค้าพุ่งค่าครองชีพขยับสูง
https://www.dailynews.co.th/news/1004196/
แนะรัฐบาลควรหาทางออกการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ ใช้งบมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิตเพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,038 คน เมื่อวันที่ 25-28 เม.ย.65 เรื่อง “รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.7 ทราบว่ารัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค.นี้ อาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 41.3 ระบุว่าไม่ทราบ ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 77.2 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายหากราคาสินค้าและค่าครองชีพขยับตัวสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 22.8 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
เมื่อถามถึงวิธีรับมืออย่างไรกับค่าครองชีพที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นหากรัฐจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.5 ระบุว่าใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้จ่ายแต่สิ่งจำเป็น รองลงมาร้อยละ 11.6 ระบุว่าหารายได้เสริมจากงานประจำ และร้อยละ 10.5 ระบุว่าใช้วิธีวางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
ส่วนเรื่องที่อยากให้รัฐบาลมีนโยบายหรือโครงการใดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้น พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 43.4 อยากให้รัฐควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น รองลงมาร้อยละ 17.4 อยากให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นเพื่อสอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และร้อยละ 12.7 อยากนำโครงการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น คนละครึ่ง และอยากสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดปัญหาการว่างงาน
อย่างไรก็ตามพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 54.8 คิดว่ารัฐบาลควรหาทางออกเรื่องการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ คือ ใช้งบประมาณมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป รองลงมาร้อยละ 17.2 คือ ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และร้อยละ 9.4 คือ ปล่อยราคาน้ำมันไปตามกลไกของตลาดโลก ประชาชนจะได้รู้ราคาที่แท้จริง
“สวนดุสิตโพล” คนกรุงจะไปใช้สิทธิ์-“ชัชชาติ” นำเดี่ยว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_331892/
“สวนดุสิตโพล” คนกรุงจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯแน่นอน เกิน 80% ขณะที่ “ชัชชาติ” นำโด่งเหมือนเดิม ตามด้วย”อัศวิน” โดยตัดสินใจเลือกจากนโยบายเป็นหลัก
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ เฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (สำรวจด้วยการเก็บข้อมูลภาคสนามและออนไลน์) จำนวนทั้งสิ้น 2,522 คน ระหว่างวันที่ 12-28 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 82.20 คนกรุงเทพฯ จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งแแน่นอน, มีเพียง ร้อยละ 1.62 ที่จะไม่ไปใช้สิทธิ์, โดย ร้อยละ 63.56 ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากโทรทัศน์, ร้อยละ 56.82 ป้ายโปสเตอร์ ป้ายประกาศ ป้ายหาเสียง, ร้อยละ 30.97 เพจเฟซบุ๊ค
ขณะที่ ร้อยละ 56.11ให้ความสนใจผู้สมัครอิสระ,ร้อยละ 29.58 ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง และ ร้อยละ 14.31 ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งร้อยละ 58.37 ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ จากนโยบาย, ร้อยละ 50.32 ความขยัน ตั้งใจทำงาน, ร้อยละ 47.18 ภาพลักษณ์ดี นิสัยดี ประวัติดี นอกจากนี้ การหาเสียงของผู้สมัครในปัจจุบันมีผลต่อการตัดสินใจมากสุด ร้อยละ 43.54 , ร้อยละ 38.30 ค่อนข้างมีผล และ ร้อยละ 14.16ไม่ค่อยมีผล
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า ณ วันนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่นชอบ ร้อยละ 39.94 ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, ร้อยละ 14.16 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง, ร้อยละ 13.37 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, ร้อยละ 10.00 ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ ร้อยละ 4.01 น.ต.ศิธา ทิวารี อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า ประชาชน ร้อยละ 64.79 ระบุ คะแนนนิยมจากการทำโพลสำนักต่าง ๆ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.