🎼🎼🎼
ตอนประกาศรางวัลออสการ์ในปีในปีนี้ ผมเห็นชื่อหนังเรื่อง CODA เข้าชิง และได้รางวัล มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเซอร์ไพร์สมาก เพราะนี่คือหนังฟอร์มเล็กมากๆ ที่แทบจะม่มีกระแสอะไรเลยด้วยซ้ำ ดูตัวอย่างหนังก็เหมือนเป็นหนัง Feel Good ธรรมดา เรื่องหนึ่ง แต่ทำไมถึงประกาศศักดาได้ขนาดนั้น จนได้มีโอกาสมาดูนี่แหละถึงได้รู้ว่า หนังมันมีดี และดีพอที่เหมาะสมกับรางวัลในปีนี้ด้วย
🎼🎼🎼
หนังจะพาไปติดตามเรื่องราวของ รูบี้ เด็กสาวที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่พ่อ แม่ และพี่ชาย ต่างเป็นคนหูหนวก เธอจึงต้องเป็นล่ามประจำบ้าน และต้องคอยช่วยเหลือการทำประมงของครอบครัวอยู่ตลอดเวลา และช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดคือการได้ร้องเพลงเพียงลำพัง กระทั่งวันหนึ่งรูบี้ได้ตัดสินใจสมัครเข้าชมรมร้องประสานเสียง เพื่อหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับ ไมลส์ ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ ก่อนที่การตัดสินใจครั้งนี้จะพาเธอมาพบกับ เบอร์นาโด วิลลาโลโบส ครูสอนดนตรีที่มองเห็นในความสามารถของเธอ เบอร์นาโดจึงเสนอให้เธอลองสอบชิงทุนที่สถาบันดนตรีเบิร์กลีย์ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าเธอจะเลือกทำตามความฝัน หรือเลือกที่จะอยู่บ้านเกิดเพื่อคอยช่วยเหลือครอบครัวหูหนวกต่อไป
🎼🎼🎼
เรื่องราวของหนังไม่ได้ฉีกแปลกแหวกแนวอะไรมากมาย แถมยังดูได้อย่างสบายๆ เข้าใจได้ ย่อยง่ายโดยไม่ต้องคิดเยอะ เพียงแต่หนังมีพลังในการดึงดูดให้คนดูติดตามได้ทั้งเรื่อง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครกับคนดูที่ทำให้คนดูรู้จักและลึกซึ้งถึงสิ่งที่ตัวละครแต่ละคนเป็นอยู่และรู้สึก ชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้ที่ดูเหมือนจะแสนน่าเบื่อ แต่มันกลับทำให้คนดูเข้าใจลึกซึ้งถึงความเป็นครอบครัวที่ผิดปกติ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี
🎼🎼🎼
หนังมันออกจะเดินเรื่องเรียบๆ ไปเรื่อยๆ แต่มันก็เหมือนมีสิ่งที่มาคอยตรึงตราตรึงใจให้คนดูติดอยู่กับเรื่องราวที่ดำเนินไปอยู่ตลอด ซึ่งในความเป็นตัวละครที่มีความผิดปกติอยู่แล้วทั้งครอบครัว มันทำให้เห็นว่า ชีวิตปกติที่ไม่ปกติ เมื่อมีความปกติเข้ามาทำให้ความปกติที่ไม่ปกติมันเกิดอยากมีความเป็นปกติ (งงมั๊ย 555) การตัดสินใจของตัวละครทุกคนจึงมีผลกระทบอย่างยิ่งกับการดำเนินความเป็นครอบครัวต่อไป ซึ่งการตัดสินใจนั้นก็จะมีผลทำให้การกระทำของตัวละครแต่ละคนก็จะเกี่ยวโยงกันไปเป็นทอดๆ และหนังก็เอาความสัมพันธ์ของการกระทำเหล่านั้นมาสรุปจบได้ดีเอามากๆ
🎼🎼🎼
ซีนร้องเพลงเป็นซีนที่มีพลังมากๆ ในหนังเรื่องนี้ แต่ซีนที่ผมชอบที่สุดกลับเป็นซีนที่ พ่อของรูบี้ เข้าไปดูคอนเสิร์ทของ รูบี้ แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความเงียบที่หนังทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นตัวละครหูหนวก ในขณะที่ทุกคนรอบๆ ตัว อิ่มเอมไปด้วยพลังหารแสดงของลูกสาวตัวเอง ฉากนี้แหละที่ผมรู้สึกว่า พลังของการใช้หัวใจฟังเสียงอะไรสักอย่าง มันทำให้เราเข้าถึงสิ่งนั้นโดยไม่ต้องฟังเสียงเลยก็เป็นได้ อาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่หนังมันทำให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ของตัวละครตัวนั้นได้เป็นอย่างดี
🎼🎼🎼
หนังเรื่องนี้อบอุ่นมากครับ ดูแล้วเราจะได้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักความเขข้าใจของคนในครอบครัว หรือจะเป็นเรื่องการเปิดใจรับฟังผู้อื่น หรือหลักๆ เลยก็คือการใช้หัวใจฟังใครบางคนเพื่อเข้าใจถึงแก่นแท้ในตัวของเขาคนนั้น หนังดีมากครับ เหมาะแล้วสำหรับรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีของ OSCAR
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง - เพลงที่ไม่ใช้เสียง แต่ใช้ใจในการฟัง
🎼🎼🎼
ตอนประกาศรางวัลออสการ์ในปีในปีนี้ ผมเห็นชื่อหนังเรื่อง CODA เข้าชิง และได้รางวัล มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเซอร์ไพร์สมาก เพราะนี่คือหนังฟอร์มเล็กมากๆ ที่แทบจะม่มีกระแสอะไรเลยด้วยซ้ำ ดูตัวอย่างหนังก็เหมือนเป็นหนัง Feel Good ธรรมดา เรื่องหนึ่ง แต่ทำไมถึงประกาศศักดาได้ขนาดนั้น จนได้มีโอกาสมาดูนี่แหละถึงได้รู้ว่า หนังมันมีดี และดีพอที่เหมาะสมกับรางวัลในปีนี้ด้วย
🎼🎼🎼
หนังจะพาไปติดตามเรื่องราวของ รูบี้ เด็กสาวที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่พ่อ แม่ และพี่ชาย ต่างเป็นคนหูหนวก เธอจึงต้องเป็นล่ามประจำบ้าน และต้องคอยช่วยเหลือการทำประมงของครอบครัวอยู่ตลอดเวลา และช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดคือการได้ร้องเพลงเพียงลำพัง กระทั่งวันหนึ่งรูบี้ได้ตัดสินใจสมัครเข้าชมรมร้องประสานเสียง เพื่อหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับ ไมลส์ ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ ก่อนที่การตัดสินใจครั้งนี้จะพาเธอมาพบกับ เบอร์นาโด วิลลาโลโบส ครูสอนดนตรีที่มองเห็นในความสามารถของเธอ เบอร์นาโดจึงเสนอให้เธอลองสอบชิงทุนที่สถาบันดนตรีเบิร์กลีย์ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าเธอจะเลือกทำตามความฝัน หรือเลือกที่จะอยู่บ้านเกิดเพื่อคอยช่วยเหลือครอบครัวหูหนวกต่อไป
🎼🎼🎼
เรื่องราวของหนังไม่ได้ฉีกแปลกแหวกแนวอะไรมากมาย แถมยังดูได้อย่างสบายๆ เข้าใจได้ ย่อยง่ายโดยไม่ต้องคิดเยอะ เพียงแต่หนังมีพลังในการดึงดูดให้คนดูติดตามได้ทั้งเรื่อง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครกับคนดูที่ทำให้คนดูรู้จักและลึกซึ้งถึงสิ่งที่ตัวละครแต่ละคนเป็นอยู่และรู้สึก ชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้ที่ดูเหมือนจะแสนน่าเบื่อ แต่มันกลับทำให้คนดูเข้าใจลึกซึ้งถึงความเป็นครอบครัวที่ผิดปกติ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี
🎼🎼🎼
หนังมันออกจะเดินเรื่องเรียบๆ ไปเรื่อยๆ แต่มันก็เหมือนมีสิ่งที่มาคอยตรึงตราตรึงใจให้คนดูติดอยู่กับเรื่องราวที่ดำเนินไปอยู่ตลอด ซึ่งในความเป็นตัวละครที่มีความผิดปกติอยู่แล้วทั้งครอบครัว มันทำให้เห็นว่า ชีวิตปกติที่ไม่ปกติ เมื่อมีความปกติเข้ามาทำให้ความปกติที่ไม่ปกติมันเกิดอยากมีความเป็นปกติ (งงมั๊ย 555) การตัดสินใจของตัวละครทุกคนจึงมีผลกระทบอย่างยิ่งกับการดำเนินความเป็นครอบครัวต่อไป ซึ่งการตัดสินใจนั้นก็จะมีผลทำให้การกระทำของตัวละครแต่ละคนก็จะเกี่ยวโยงกันไปเป็นทอดๆ และหนังก็เอาความสัมพันธ์ของการกระทำเหล่านั้นมาสรุปจบได้ดีเอามากๆ
🎼🎼🎼
ซีนร้องเพลงเป็นซีนที่มีพลังมากๆ ในหนังเรื่องนี้ แต่ซีนที่ผมชอบที่สุดกลับเป็นซีนที่ พ่อของรูบี้ เข้าไปดูคอนเสิร์ทของ รูบี้ แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความเงียบที่หนังทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นตัวละครหูหนวก ในขณะที่ทุกคนรอบๆ ตัว อิ่มเอมไปด้วยพลังหารแสดงของลูกสาวตัวเอง ฉากนี้แหละที่ผมรู้สึกว่า พลังของการใช้หัวใจฟังเสียงอะไรสักอย่าง มันทำให้เราเข้าถึงสิ่งนั้นโดยไม่ต้องฟังเสียงเลยก็เป็นได้ อาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่หนังมันทำให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ของตัวละครตัวนั้นได้เป็นอย่างดี
🎼🎼🎼
หนังเรื่องนี้อบอุ่นมากครับ ดูแล้วเราจะได้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักความเขข้าใจของคนในครอบครัว หรือจะเป็นเรื่องการเปิดใจรับฟังผู้อื่น หรือหลักๆ เลยก็คือการใช้หัวใจฟังใครบางคนเพื่อเข้าใจถึงแก่นแท้ในตัวของเขาคนนั้น หนังดีมากครับ เหมาะแล้วสำหรับรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีของ OSCAR
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้