คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ที่เรียกว่า "อรหัตๆ" นั้น เพราะอรรถว่าเป็นผู้ไม่ทำชั่วในที่ลับ
แล้วที่เร้นลับ หลีกเร้นยิ่งไปกว่าใจของคนเราไม่มี
แต่ใจ ไม่ว่าจะเป็นใจของปุถุชน หรือ ใจของพระอรหันต์ขีณาสวะ
ต่างก็เป็นสังขตธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดติดถือมั่นว่านั้นเรา / นั้นของเรา / นั้นตัวตนของเรา ทั้งนั้น ดังนี้
**************
ส่วนนิพพาน ก็คือจาคะ แต่จาคะนี้ไม่ใช่การสละวัตถุทาน
แต่เป็นความสละความยึดติดถือมั่นใจและสิ่งที่เนื่องด้วยใจ
ก็จาคะนี้ คือความสละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นจาคะอันประเสริฐยิ่ง
**************
ท่านผู้มีปัญญาคมกล้าย่อมไม่พอใจด้วยจาคะนั้น(อากิญนัญจายตนะ) ด้วยเล็งเห็นว่า
เมื่อยังมั่นหมายซึ่งจาคะนั้นด้วยอำนาจแห่งมนสิการ จิตเจตสิกย่อมดำเนินไป
แต่การไม่มั่นหมายซึ่งจาคะนั้น สงบระงับประณีตอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเว้นมนสิการแล้ว
จิตเจตสิกอันเป็นทุกข์สัจย่อมถึงความดับสนิท
ถาม เนวสัญญานาสัญญายตนะ มีหรือไม่มีจิตเจตสิก?
ขอตอบด้วยการอุปมา เหมือนกับว่ามีสามเณรน้อย ไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
แล้วมาบอกพระหลวงตาว่า หลวงตาๆในอากาศมีน้ำ(H2O)ด้วยขอรับ
พระหลวงตาได้ฟังเช่นนั้น ก็บอกสามเณรว่างั้นเธอเอาน้ำในอากาศนั้นมาให้เราหน่อย
สามเณรก็บอกว่าในอากาศไม่มีน้ำขอรับ
ส่วนสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือ นิโรธสัญญาสมาบัติ จะไม่มีจิตเจตสิกใดเลยๆ ดังนี้
แต่สัญญาเวทยิตนิโรธ ก็ไม่ใช่นิพพานโดยตรงอยู่ดี เพราะเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่อธิษฐานไว้จิตเจตสิกก็ยังเกิดขึ้นอีก
ส่วนนิพพานที่เป็นนัยโดยตรงนั้น ก็คือ อชาตธรรม หรือ ธรรมที่ปราศจากความเกิด
ซึ่งอชาตธรรมนี้สามารถสัมผัสรับรู้ได้ด้วยมัคคจิต ผลจิต และวิมุตติญาณทัสสนะ (ปัญญา)
แล้วที่เร้นลับ หลีกเร้นยิ่งไปกว่าใจของคนเราไม่มี
แต่ใจ ไม่ว่าจะเป็นใจของปุถุชน หรือ ใจของพระอรหันต์ขีณาสวะ
ต่างก็เป็นสังขตธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดติดถือมั่นว่านั้นเรา / นั้นของเรา / นั้นตัวตนของเรา ทั้งนั้น ดังนี้
**************
ส่วนนิพพาน ก็คือจาคะ แต่จาคะนี้ไม่ใช่การสละวัตถุทาน
แต่เป็นความสละความยึดติดถือมั่นใจและสิ่งที่เนื่องด้วยใจ
ก็จาคะนี้ คือความสละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นจาคะอันประเสริฐยิ่ง
**************
ท่านผู้มีปัญญาคมกล้าย่อมไม่พอใจด้วยจาคะนั้น(อากิญนัญจายตนะ) ด้วยเล็งเห็นว่า
เมื่อยังมั่นหมายซึ่งจาคะนั้นด้วยอำนาจแห่งมนสิการ จิตเจตสิกย่อมดำเนินไป
แต่การไม่มั่นหมายซึ่งจาคะนั้น สงบระงับประณีตอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเว้นมนสิการแล้ว
จิตเจตสิกอันเป็นทุกข์สัจย่อมถึงความดับสนิท
ถาม เนวสัญญานาสัญญายตนะ มีหรือไม่มีจิตเจตสิก?
ขอตอบด้วยการอุปมา เหมือนกับว่ามีสามเณรน้อย ไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
แล้วมาบอกพระหลวงตาว่า หลวงตาๆในอากาศมีน้ำ(H2O)ด้วยขอรับ
พระหลวงตาได้ฟังเช่นนั้น ก็บอกสามเณรว่างั้นเธอเอาน้ำในอากาศนั้นมาให้เราหน่อย
สามเณรก็บอกว่าในอากาศไม่มีน้ำขอรับ
ส่วนสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือ นิโรธสัญญาสมาบัติ จะไม่มีจิตเจตสิกใดเลยๆ ดังนี้
แต่สัญญาเวทยิตนิโรธ ก็ไม่ใช่นิพพานโดยตรงอยู่ดี เพราะเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่อธิษฐานไว้จิตเจตสิกก็ยังเกิดขึ้นอีก
ส่วนนิพพานที่เป็นนัยโดยตรงนั้น ก็คือ อชาตธรรม หรือ ธรรมที่ปราศจากความเกิด
ซึ่งอชาตธรรมนี้สามารถสัมผัสรับรู้ได้ด้วยมัคคจิต ผลจิต และวิมุตติญาณทัสสนะ (ปัญญา)
แสดงความคิดเห็น
พระอรหันต์ ที่สิ้นชีพแล้ว จะมีลักษณะอายตนะนิพพานใช่หรือไหม ยังรับรู้ ด้วยธรรมตัวอื่นเป็นอสังขตะหรือไม่ หรือ หายไปดับสูญ
2.พระอรหันต์ที่สิ้นชีพแล้ว ท่านยังรับรู้ความว่างสงบด้วยธรรมตัวอื่นที่เป็นอสังขตะหรือไม่ หรือ หายไปดับสูญเป็นไม่รับรู้อะไรอีก
3.วิมุติญาณทัสนะ เป็นองค์ธรรมตัวรู้ ในอายตนะนิพพาน ให้พระอรหันท่านยังรู้ ถึง ความว่างถึงสันติ ใช่หรือไม่