จริง ๆ ก็ไม่ได้มีเงินขนาดไปเปย์มั่วซั่ว หรือซื้อมาละลายถ้าไม่ดีก็ขายทิ้งซื้อใหม่หรอกครับ แต่องค์ประกอบทีมตอนนี้เกิดมาจาก

1. ใช้นักเตะอายุไม่มากสร้างทีม จนเกิดเป็น 11 ตัวจริงสำเร็จ และยืนระยะได้นาน 5-6 ปีได้ยาวไป
2. ค่อย ๆ เติมมาทั้งนักเตะที่คิดว่าปั้นขึ้น และผลักดันนักเตะดาวรุ่ง ลองใช้งานนักเตะที่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว และผ่านเกณฑ์การทำทีมของคล็อปป์
3. อันนี้สำคัญคือ เก็บนักเตะข้อ 1 ให้ได้ และพยายามผลักดันนักเตะข้อ 2 เข้ามาเรื่อย ๆ อย่าใช้อารมณ์นำเหตุผล ประมาณว่าเล่นไม่ดีแค่ไม่กี่เกมก็ปล่อยทิ้งแล้วหามาปั้นใหม่... เพราะนี่ล่ะคือจุดขายของคล็อปป์ที่ ทำให้ทีมมีนักเตะแน่นขึ้นมาได้ หลายคนก็ใช้เวลาปรับตัวไม่เท่ากันครับ ฟาบินโญ่ครึ่งปี หรืออย่างอาคันทาร่าก็ไม่ต่างกัน มีช่วงบาดเจ็บด้วยเลยใช้เวลานานหน่อย แต่ถ้าใจร้อนแบบที่แฟนบอลบ่น ป่านนี้คงมีข่าวลุ้นนักเตะใหม่ไม่จบ แล้วก็วบลูปไป

คือมันก็ไม่บ่อยนะที่จะเจอนักเตะที่ปรับตัวไวอย่าง ดิอาส โชต้า โคนาเต้
แต่บางคนนอกจากประเด็นเรื่องปรับตัวแล้ว ตำแหน่งยังทับตัวจริงเจ้าถิ่นอีก อย่างซิมิกาสที่ต้องไปแย่งร้อบโบ้ นี่ก็ใช้เวลาไปตั้งฤดูกาลเลย กว่าปีนี้จะเฉิดฉายขึ้นมา

ฉะนั้นแล้วประเด็นที่สงสัยว่าทำไมถึงมีคำถามลอยมาว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงมีข่าวว่าไม่มีเงิน คำตอบก็คือเพราะชอบเอาวิธีการทำทีมของลิเวอร์พูลไปเปรียบกับการทำทีมของเชลซี แมนยู แมนซิ ปารีส ซึ่งกลุ่มเหล่านั้นเขาเศรษฐีมีทุนหนาอยู่แล้ว แต่กับ FSG คือบริหารให้มีเงิน แล้วเอาเงินไปใช้ตามขั้นตอนไป จะมีช่วยบ้างก็ในเชิงปล่อยยืมให้ปรับปรุงโครงสร้างแบบไม่เก็บดอกอะไรทำนองนั้น

จากใจผมนะ ตั้งแต่เชียร์บอลมาในยุคที่มัวร์เป็นเจ้าของ แล้วพอเปิดตลาดต้นฤดูกาลต้องมาตื่นเต้นกับนักเตะอารมณ์ประมาณริดเร่ ดิยุฟ โวโรนิน หรือรอสอยสตาร์ที่โรยแล้วอย่างลิตมาเน่น แม็กซี่ โรดริเกวซเนี่ย

ผมว่าทีมในยุคนี้ยังดูมีแบบแผนกว่าเยอะเลยนะ คือไม่ต้องผู้เล่นระบบ A+ แบบซุเปอร์สตาร์ก็ได้ แต่ขอผู้เล่นประมาณซัวเรสตอนอยู่อาแจ็ก ตอเรสตอนอยู่แอตมาดริด อลองโซ่ตอนยังหนุ่ม หรือดีลอย่างมาสเคราโน่ที่เป็นตัวที่ชูรับเชี่ยนกำลังหาทีมขายแบบปั่นราคาสักหน่อย อะไรแบบนี้เข้าทีมาเป็นระยะ ๆ ผมว่าก็น่าสนใจเกินพอล่ะครับ ยิ่งสถานะทีมเราตอนนี้คือแย่งกันลงตัวจริงด้วยแล้ว ยิ่งเข้าทางดาวรุ่งรอแจ้งเกิดเลย และนี่ก็เป็นระบบที่ทีมเราทำมาในยุคคล็อปป์ด้วยครับ

ถ้าจะทุ่มซื้อคือต้องการนักเตะมาอุดตำแหน่งตัวจริงเลย ซึ่งเราผ่านโมเม้นต์นั้นมาแล้วตอนฟานไดจ์ และอลิสซอน ที่เห็นได้ชัดว่าลองมาหลายคนแล้วด้วย แต่ไม่ลงตัวสักที
ซึ่งจะผิดกับสถานการณ์ตอนนี้ที่ 11 ตัวจริงพร้อมแล้ว เพราะงัน้สำรองน่ะรอได้ครับ มีเวลาให้ทดสอบเป็นฤดูกาลโดยไม่กระทบกับทีมด้วย มันก็จะส่งผลไปถึงแนวทางการคัดนักเตะเป็นลูกโซ่ต่อไป

เอาเข้าจริงนะ คล็อปป์น่ะเป็นประเภททำทีมแบบขัดใจแฟนบอลเลยครับ สมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ก็ไม่ได้เน้นทุ่ม ซื้อเรทมีแววมาปั้น จนตอนนี้ก็ยังโมเดลนี้อยู่
และเวลาแกจะปั้นใครก็ไม่แคร์เสียงบ่นนะ มองเป็นเสียงนกเสียงกาเลย กว่าจะมีอาโนลด์ มีเฮนโด้วันนี้ได้ แกถูกด่าว่า "อีโก้เยอะ" มาตั้งไม่รู้เท่าไหร่
สุดท้ายผลลัพธ์มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์แหล่ะครับว่าตัวตนแกเป็นยังไง ชอบแนวทางไหน และมันก็สะท้อนออกมาผ่านนักเตะในทีมด้วยทั้งสไตล์การเล่น นิสัยส่วนตัว และอาจรวมไปถึงมูลค่าราคาด้วย

เห็นแบบนี้แกเป็นสายบริหารคนหนึ่งเลยนะ
หากยังจำกันได้ นักข่าวเคยปั่นแกอยู่ว่าคิดยังไงกับดีลป็อกบ้า แล้วแกก็พูดประมาณว่าไม่พร้อมจะทุ่ม100ล้านให้นักเตะคนเดียว
จนตอนหลังในฤดูกาลที่ 2017 ช็อปกระจุยไป  150m
ฤดูกาล 2018 จ่ายไปอีก 160m

จนถูกแฟนแมนยูฯ ตั้งคำถามกลับว่า อ้าวเอ็งก็ใช้เงินเยอะนี่หว่า
แต่ถ้ามาดูนักเตะเข้าแต่ละคนนี่ เยอะสุดก็คือฟานไดจ์ที่ 70m เท่านั้นล่ะครับ ที่เป็นสถิติแพงที่สุดในโลกตอนนั้น (ที่ต่อมาก็ถูกแม็กไกว์ทำลายไป)
หรืออลิสซอนที่ซื้อมา 55m (รวมแอดออนค่าตัวจะพุ่งไปที่ 64.4m) นั่นทุบสถิติผู้รักษาประตูในเวลานั้นด้วย (และไม่กี่อึดใจก็ถูกเกป้าทำลายเช่นกัน)

นั่นล่ะครับแพงสุดแล้ว ที่เหลือคือนักเตะในเรทที่เหมือนจะแพง แต่ก็ไม่เฉียดระดับร้อยล้านเลย
ไล่มาเช่น เกอิต้า 52m ฟาบินโญ่ 39m ซาล่าห์ 37m เชมเบอเลน 35m

ซึ่งถ้าไล่ดูนักเตะในยุค 1-2 ฤดูกาลหลังมานี้ก็เรทนี้กันหมดนะ คือเหมือนจะแพงแต่ก็ไม่แพง แต่จะบอกว่าถูกก็ไม่ได้เหมือนกัน อย่าง
โชต้า 41m
อาคันทาร่า 20m
โคนาเต้ 36m
ดิอาส 37m และถ้ารวมแอดออนก็น่าจะขึ้นเป็น 50m


เช่นนั้นแล้วที่แฟนบอลบ่นว่าไม่เงินซื้อเนี่ย มันก็ถูกครึ่งผิดครึ่งครับ
เพราะลิเวอร์พูลในยุคนี้ซื้อนักเตะทุกฤดูกาลครับ แค่ว่าถูกหรือแพงเท่านั้นเอง

แต่ถ้าบอกว่าลิเวอร์พูลไม่มีเงินทุ่มซื้อสตาร์ล่ะก็ อันนี้ก็จริงตามที่เขาว่าแหล่ะครับ
การเทเงินก้อนเดียวกับนักเตะคนเดียวมันไม่ใช่แนวของทีมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่งั้นคงไม่เลือกคล็อปป์ที่เป็นสายปั้นแล้วเลือกอัลเชล็อตติไปแต่แรกล่ะครับ

นี่ถึงขนาดไปทาบทามคล็อปป์ในช่วงที่พักร้อนแล้วกลับมารับงานเร็วขึ้นเลยนะนั่น ทั้งที่ตอนนั้นแกประกาศว่าออกจากดอร์ทมุนด์แล้วจะพักสักปีแท้ ๆ