โทนี่ แนะ รบ.-ครอบครัว ผุดซอฟต์เพาเวอร์ จากดีเอ็นเอไทย แก้ปัญหายากจนยั่งยืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3310865
โทนี่ แนะ รบ.-ครอบครัว ผุดซอฟต์พาวเวอร์ จากดีเอ็นเอไทย แก้ปัญหายากจนยั่งยืน
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 เมษายน เฟซบุ๊ก
CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ
โทนี่ วู้ดซัม หรือ นาย
ทักษิณ ชินวัตร ในหัวข้อ
ซอฟต์เพาเวอร์ไทย : ฝันให้ไกล ไปให้ปัง!
โดย ‘
โทนี่’ ระบุว่า บุคคลที่มีเพาเวอร์มากที่สุดในโลกวันนี้ ในฐานะที่เป็นปัจเจกบุคคล ส่วนตัวยกให้
อีลอน มัสก์ ไม่ใช่เฉพาะความร่ำรวย แต่มีความคิดที่ล้ำสมัย อย่างที่หลายคนทราบว่า ล่าสุด เขาได้ซื้อทวิตเตอร์ที่มูลค่า 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเขาบอกเลยว่า ต้องการเห็น Freedom of speech คือ เสรีภาพในการพูดคุย ซึ่งเป็นฐานสำคัญของประชาธิปไตย และจากนี้จะเปิด อัลกอริทึม หรือขั้นตอนหรือลำดับการประมวลผล ให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจ
ส่วนตัวคิดว่า การที่
อีลอน มัสก์ ซื้อทวิตเตอร์นี้ เพราะต้องการข้อมูลหรือดาต้า จากผู้ใช้งานที่ใช้เสรีภาพในการพูดคุยในทุกด้าน เพราะปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ทั้งหมด เพื่อวิเคราะห์ว่าคนในโลกนี้คิดอะไร คนอายุเท่านี้คิดอะไร และนำมาประกอบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ไทยจะต้องเตรียมตั้งรับให้ดีว่า ทุกคนมีเสรีภาพในการพูด และเป็นการบังคับให้ทุกคนในโลกนี้ ต้องยอมรับประชาธิปไตย
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ เขาจะดาวน์โหลดความจำในสมองเรา รวมถึง Prosperity เข้าไปที่หุ่นยนต์ หรือโรบอตที่มีลักษณะคล้ายคน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างมาก และคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกไม่นานเพราะปัจจุบันเอไอพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงมองว่าการเข้าหารือกับ
อีลอน มัสก์ จะมีประโยชน์มากกว่า การหารือกับประธานาธิบดี
โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลไทยตื่นเต้นอย่างมาก แต่เชื่อว่าไม่มีประโยชน์
เรื่องซอฟต์เพาเวอร์ เกิดขึ้นจาก
โจเซฟ เนย์ (Joseph S. Nye) นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งตอนหลังมาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหม โดยเขียนขึ้นเมื่อปี 2004 ความทันสมัยยังไม่เท่าทุกวันนี้ เป็นเรื่องของการสร้างความดึงดูดใจ เชื้อเชิญ หรือเย้ายวนใจคน ให้ผู้อื่นตอบสนองตามความต้องการ โดยกรอบใหญ่เริ่มต้นที่รัฐบาล ซึ่งมีสมบัติคือวัฒนธรรมที่มีมาช้านาน อีกทั้งรัฐบาลจะต้องมีค่านิยมทางการเมืองที่ส่งเสริมให้คนมาเชื่อ และชื่นชอบในสิ่งที่มีอยู่
ถัดมาคือ นโยบายการต่างประเทศ อาทิ หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ประเทศเกาหลีใต้มีความพยายามผลักดันการสร้างภาพยนตร์ ซีรีส์เกาหลี โดยระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค เมื่อปี 2001 มีการเชิญชวนประเทศในอาเซียนเข้าร่วม จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีซอฟต์เพาเวอร์เป็นอันดับ 11 ของโลก ขณะที่อันดับ 1 เป็นของสหรัฐอเมริกา
การสร้างซอฟต์เพาเวอร์จะต้องทำตั้งแต่ระดับบน โดยระดับร่างเป็นตัวบุคคลที่จะขับเคลื่อน เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนและสร้างสิ่งที่มีอยู่ให้เข้มแข็งไปสู่ที่ประทับใจของโลก อย่างทุกวันนี้ เรามีซอฟต์เพาเวอร์ตัวหนึ่งแน่นอน คือความเป็นคนไทย ที่มีนิสัยต้อนรับแขก ส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยว
“
ทำอย่างไรถึงให้แต่ละครอบครัว เชื่อว่าในหนึ่งคนจะต้องมีความสามารถสักหนึ่งอย่าง และนำมาพัฒนา แทนที่จะให้คนไทยทุกคนไปอยู่ในเซ็กเตอร์ของการใช้แรงงาน ทั้งที่คนไทยมีความสามารถด้านทักษะ เห็นได้จากสินค้าโอท็อปที่มีความก้าวหน้า ดังนั้น จึงควรใช้วิธีการค้นหา โดยให้ทุกครอบครัวสร้างให้ได้อย่างน้อย 1 คน และใน 1 คนนั้นจะเป็นผู้ที่มีรายได้สูงกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้สามารถดูแลครอบครัวได้ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่คนอื่นจะได้รับการพัฒนาไปด้วย เพิ่มรายได้ให้กับคนกลุ่มดังกล่าวได้ อย่างน้อย 1 ล้านครอบครัว ก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งซอฟต์เพาเวอร์ดังกล่าวจะเป็นลักษณะที่ลงไปยังฐานราก เพื่อเอาประชากร อาศัยทักษะจากวัฒนธรรม หรือดีเอ็นเอ ที่ฝากไว้ในประเทศไทย มาเจียระไนใหม่ให้เกิดเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก อย่าง มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล และ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล แม้จะอยู่ภายใต้ซอฟต์เพาเวอร์ของเกาหลีใต้ก็ตาม” โทนี่กล่าว
“ทีมศก.เพื่อไทย”พบ“เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้”แลกเปลี่ยนแนวทางSoft power
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1001250
“ทีมศก.เพื่อไทย”พบ“เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้”แลกเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ ศึกษา Soft power ส่งเสริมการค้า การลงทุนจากเกาหลีใต้ หลังการเลือกตั้ง
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เข้าพบและร่วมรับประทานอาหารค่ำตามคำเชิญ กับ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย
H.E. Moon Seoung Hyun พร้อมคณะประกอบด้วย Mr.
Wonil Noh อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ Ms.
Yeongim Kim ฝ่ายเศรษฐกิจและการเงิน
Ms. Joengju Lee ฝ่ายการค้า Ms.
Leem Ha Lam เลขาทูตโท ที่ทำเนียบทูต
โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจและทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเกาหลีใต้และประเทศไทย ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจของไทยได้ขอความเห็น ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในเรื่อง Soft Power ที่ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และประเทศไทยน่าจะดูบทเรียนและเดินตามแบบอย่างของประเทศเกาหลีใต้ โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาทางด้านนี้ จากอาหารไทยที่เป็นที่นิยมทั่วโลก และวัฒนธรรมหลายด้านที่เป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลก
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้พูดถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยีของประเทศเกาหลีใต้ที่พัฒนาได้รวดเร็ว และก้าวหน้ามากจนกลายมาเป็นประเทศแถวหน้าของโลก แต่การลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้มาในประทศไทยยังอยู่ในอันดับท้ายๆ ของกลุ่มประเทศในอาเซียน
ดังนั้นประเทศไทยควรจะร่วมมือกับประเทศเกาหลีใต้ในการพัฒนาประเทศไปด้วยกันให้มากขึ้น โดยเน้นเรื่องการสร้าง Supply chain ในประเทศไทย เช่น เรื่องการผลิตแบตเตอรี่ และ ไมโครชิพ ที่เป็นอุปกรณ์หลักของสินค้าเทคโนโลยีในอนาคต ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย อีกทั้งความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนในอนาคต
“การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยหวังว่าหากหลังการเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล ประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้จะมีความร่วมมือกันทางด้านการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น”
‘สมชัย’ จ่อยื่นถามกกต.ศุกร์นี้ หลังพบกรรมการ 1 คนขาดประชุม วาระแจกใบส้ม “สุรพล”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3311273
‘สมชัย’ จ่อยื่นถามกกต.ศุกร์นี้ หลังพบกรรมการ 1 คนขาดประชุม วาระแจกใบส้ม “สุรพล”
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน เวลา 10.30 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริงว่าการประชุมกกต.ที่มีมติแจกใบส้มให้กับนาย
สุรพล เกียรติไชยากร อดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) มีกรรมการกกต. 1 คนขาดการประชุมจริงหรือไม่ ด้วยเหตุผลใด และเป็นเหตุผลอันควรหรือไม่
โดยการสอบถามดังกล่าวประสงค์ต้องการให้ทางกกต.ตอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะตอบหรือไม่ตอบ ตนจะใช้เป็นเอกสารในการยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประเด็นการปฏิบัติงานที่ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทั้งนี้ หากกกต.ตอบและเห็นว่ามีเหตุผลสำคัญ อาจจะไม่ยื่นป.ป.ช. แต่ถ้าตอบแล้วเป็นเหตุผลที่ไม่สำคัญและไม่สมควร จะดำเนินการยื่นป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไป และถ้าไม่ตอบเลยเท่ากับว่าแสดงถึงการละเลยของกกต.ทั้งชุด
JJNY : โทนี่แนะรบ.แก้ยากจนยั่งยืน│“ทีมศก.เพื่อไทย”พบ“เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้”│สมชัยจ่อยื่นถามกกต.│ผู้ค้าชี้แก้หวยแพงยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3310865
โทนี่ แนะ รบ.-ครอบครัว ผุดซอฟต์พาวเวอร์ จากดีเอ็นเอไทย แก้ปัญหายากจนยั่งยืน
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 เมษายน เฟซบุ๊ก CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ในหัวข้อ ซอฟต์เพาเวอร์ไทย : ฝันให้ไกล ไปให้ปัง!
โดย ‘โทนี่’ ระบุว่า บุคคลที่มีเพาเวอร์มากที่สุดในโลกวันนี้ ในฐานะที่เป็นปัจเจกบุคคล ส่วนตัวยกให้ อีลอน มัสก์ ไม่ใช่เฉพาะความร่ำรวย แต่มีความคิดที่ล้ำสมัย อย่างที่หลายคนทราบว่า ล่าสุด เขาได้ซื้อทวิตเตอร์ที่มูลค่า 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเขาบอกเลยว่า ต้องการเห็น Freedom of speech คือ เสรีภาพในการพูดคุย ซึ่งเป็นฐานสำคัญของประชาธิปไตย และจากนี้จะเปิด อัลกอริทึม หรือขั้นตอนหรือลำดับการประมวลผล ให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจ
ส่วนตัวคิดว่า การที่ อีลอน มัสก์ ซื้อทวิตเตอร์นี้ เพราะต้องการข้อมูลหรือดาต้า จากผู้ใช้งานที่ใช้เสรีภาพในการพูดคุยในทุกด้าน เพราะปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ทั้งหมด เพื่อวิเคราะห์ว่าคนในโลกนี้คิดอะไร คนอายุเท่านี้คิดอะไร และนำมาประกอบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ไทยจะต้องเตรียมตั้งรับให้ดีว่า ทุกคนมีเสรีภาพในการพูด และเป็นการบังคับให้ทุกคนในโลกนี้ ต้องยอมรับประชาธิปไตย
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ เขาจะดาวน์โหลดความจำในสมองเรา รวมถึง Prosperity เข้าไปที่หุ่นยนต์ หรือโรบอตที่มีลักษณะคล้ายคน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างมาก และคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกไม่นานเพราะปัจจุบันเอไอพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงมองว่าการเข้าหารือกับ อีลอน มัสก์ จะมีประโยชน์มากกว่า การหารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลไทยตื่นเต้นอย่างมาก แต่เชื่อว่าไม่มีประโยชน์
เรื่องซอฟต์เพาเวอร์ เกิดขึ้นจาก โจเซฟ เนย์ (Joseph S. Nye) นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งตอนหลังมาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหม โดยเขียนขึ้นเมื่อปี 2004 ความทันสมัยยังไม่เท่าทุกวันนี้ เป็นเรื่องของการสร้างความดึงดูดใจ เชื้อเชิญ หรือเย้ายวนใจคน ให้ผู้อื่นตอบสนองตามความต้องการ โดยกรอบใหญ่เริ่มต้นที่รัฐบาล ซึ่งมีสมบัติคือวัฒนธรรมที่มีมาช้านาน อีกทั้งรัฐบาลจะต้องมีค่านิยมทางการเมืองที่ส่งเสริมให้คนมาเชื่อ และชื่นชอบในสิ่งที่มีอยู่
ถัดมาคือ นโยบายการต่างประเทศ อาทิ หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ประเทศเกาหลีใต้มีความพยายามผลักดันการสร้างภาพยนตร์ ซีรีส์เกาหลี โดยระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค เมื่อปี 2001 มีการเชิญชวนประเทศในอาเซียนเข้าร่วม จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีซอฟต์เพาเวอร์เป็นอันดับ 11 ของโลก ขณะที่อันดับ 1 เป็นของสหรัฐอเมริกา
การสร้างซอฟต์เพาเวอร์จะต้องทำตั้งแต่ระดับบน โดยระดับร่างเป็นตัวบุคคลที่จะขับเคลื่อน เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนและสร้างสิ่งที่มีอยู่ให้เข้มแข็งไปสู่ที่ประทับใจของโลก อย่างทุกวันนี้ เรามีซอฟต์เพาเวอร์ตัวหนึ่งแน่นอน คือความเป็นคนไทย ที่มีนิสัยต้อนรับแขก ส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยว
“ทำอย่างไรถึงให้แต่ละครอบครัว เชื่อว่าในหนึ่งคนจะต้องมีความสามารถสักหนึ่งอย่าง และนำมาพัฒนา แทนที่จะให้คนไทยทุกคนไปอยู่ในเซ็กเตอร์ของการใช้แรงงาน ทั้งที่คนไทยมีความสามารถด้านทักษะ เห็นได้จากสินค้าโอท็อปที่มีความก้าวหน้า ดังนั้น จึงควรใช้วิธีการค้นหา โดยให้ทุกครอบครัวสร้างให้ได้อย่างน้อย 1 คน และใน 1 คนนั้นจะเป็นผู้ที่มีรายได้สูงกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้สามารถดูแลครอบครัวได้ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่คนอื่นจะได้รับการพัฒนาไปด้วย เพิ่มรายได้ให้กับคนกลุ่มดังกล่าวได้ อย่างน้อย 1 ล้านครอบครัว ก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งซอฟต์เพาเวอร์ดังกล่าวจะเป็นลักษณะที่ลงไปยังฐานราก เพื่อเอาประชากร อาศัยทักษะจากวัฒนธรรม หรือดีเอ็นเอ ที่ฝากไว้ในประเทศไทย มาเจียระไนใหม่ให้เกิดเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก อย่าง มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล และ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล แม้จะอยู่ภายใต้ซอฟต์เพาเวอร์ของเกาหลีใต้ก็ตาม” โทนี่กล่าว
“ทีมศก.เพื่อไทย”พบ“เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้”แลกเปลี่ยนแนวทางSoft power
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1001250
“ทีมศก.เพื่อไทย”พบ“เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้”แลกเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ ศึกษา Soft power ส่งเสริมการค้า การลงทุนจากเกาหลีใต้ หลังการเลือกตั้ง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เข้าพบและร่วมรับประทานอาหารค่ำตามคำเชิญ กับ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย H.E. Moon Seoung Hyun พร้อมคณะประกอบด้วย Mr. Wonil Noh อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ Ms. Yeongim Kim ฝ่ายเศรษฐกิจและการเงิน Ms. Joengju Lee ฝ่ายการค้า Ms. Leem Ha Lam เลขาทูตโท ที่ทำเนียบทูต
โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจและทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเกาหลีใต้และประเทศไทย ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจของไทยได้ขอความเห็น ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในเรื่อง Soft Power ที่ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และประเทศไทยน่าจะดูบทเรียนและเดินตามแบบอย่างของประเทศเกาหลีใต้ โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาทางด้านนี้ จากอาหารไทยที่เป็นที่นิยมทั่วโลก และวัฒนธรรมหลายด้านที่เป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลก
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้พูดถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยีของประเทศเกาหลีใต้ที่พัฒนาได้รวดเร็ว และก้าวหน้ามากจนกลายมาเป็นประเทศแถวหน้าของโลก แต่การลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้มาในประทศไทยยังอยู่ในอันดับท้ายๆ ของกลุ่มประเทศในอาเซียน
ดังนั้นประเทศไทยควรจะร่วมมือกับประเทศเกาหลีใต้ในการพัฒนาประเทศไปด้วยกันให้มากขึ้น โดยเน้นเรื่องการสร้าง Supply chain ในประเทศไทย เช่น เรื่องการผลิตแบตเตอรี่ และ ไมโครชิพ ที่เป็นอุปกรณ์หลักของสินค้าเทคโนโลยีในอนาคต ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย อีกทั้งความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนในอนาคต
“การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยหวังว่าหากหลังการเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล ประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้จะมีความร่วมมือกันทางด้านการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น”
‘สมชัย’ จ่อยื่นถามกกต.ศุกร์นี้ หลังพบกรรมการ 1 คนขาดประชุม วาระแจกใบส้ม “สุรพล”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3311273
‘สมชัย’ จ่อยื่นถามกกต.ศุกร์นี้ หลังพบกรรมการ 1 คนขาดประชุม วาระแจกใบส้ม “สุรพล”
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน เวลา 10.30 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริงว่าการประชุมกกต.ที่มีมติแจกใบส้มให้กับนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) มีกรรมการกกต. 1 คนขาดการประชุมจริงหรือไม่ ด้วยเหตุผลใด และเป็นเหตุผลอันควรหรือไม่
โดยการสอบถามดังกล่าวประสงค์ต้องการให้ทางกกต.ตอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะตอบหรือไม่ตอบ ตนจะใช้เป็นเอกสารในการยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประเด็นการปฏิบัติงานที่ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทั้งนี้ หากกกต.ตอบและเห็นว่ามีเหตุผลสำคัญ อาจจะไม่ยื่นป.ป.ช. แต่ถ้าตอบแล้วเป็นเหตุผลที่ไม่สำคัญและไม่สมควร จะดำเนินการยื่นป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไป และถ้าไม่ตอบเลยเท่ากับว่าแสดงถึงการละเลยของกกต.ทั้งชุด