สวัสดีค่ะ เรามีปัญหากับปัญหาครอบครัวและเจอแต่สังคมToxic คือตั้งแต่เด็กเราจะแต่ภาวะกดดัน เหมือนอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม
อย่างเช่น เมื่อปี 2557เราจะขึ้นมา ม.4 เราอยากเรียนสายจีนเพราะเรารู้สึกว่าภาษาจีนมันเป็นภาษาที่ต้องใช้อนาคต (อยากไปอยู่ที่ประจีนกับญาติด้วยค่ะ) ซึ่งเอาจริงๆ ณ ปัจจุบันภาษาจีนสำคัญจริงๆ แต่ทางครอบครัวเห็นพ้องกันว่าเรียนสายวิทย์-คณิตนี่ละดีที่สุด เขาบังคับให้เรียนเภสัชต่อ ความรู้สึกตอนนั้นจำได้ว่าทำไมไม่มีใครเข้าใจเราเลยสักคน แต่พยายามคิดในแง่บวกเค้าเป็นอยากให้มีการงานที่ดีในอนาคต จนเราก็เรียนจนจบ ม.6 ไม่รู้ตัวเองว่าจะเรียนไรต่อ เราตัดสินใจว่าจะไปอยากด้านทำอาหาร อยากเป็นแม่ครัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่ามันไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนราชการ ซึ่งทางบ้านเราส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกือบทุกคน เลยโดนปลูกฝังแต่เด็กให้เป็นข้าราชการ เขาเลยแนะนำให้เราเรียนนิติศาสตร์ ในขณะที่เรียนก็ไม่ได้มีความสุขมากมายนัก ตัดสินใจจะซิ่วหลายรอบ เขาบอกแค่ว่าถ้าซิ่วกูไม่ส่งเรียนแล้วนะ เลยจำใจต้องเรียนให้จบ มีช่วงปี3 เราโทรไปหาเขาว่าเครียดมากเลย รู้สึกไม่มีความสุขเลย เขาก็โมโหมาว่าใครให้เรียนคณะนี้ล่ะ เลือกเองนี่ มันทำให้เจ็บฝังมาก โกธรมากแต่เกลียดไม่ลง เราอธิบายความรู้สึกไม่ถูก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีความอยากกลับบ้านแม้แต่ครั้งเดียว แต่เราต้องจำใจเพราะตอนนี้เราพึ่งด้วยเงินเขาล้วนๆ พยายามหารายได้ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ขาดทุน (ไม่ค่อยมีความรู้ด้านค้าขายเท่าไหร่) อีกอย่างเราเสียการเรียนด้วย ตัดสินใจเรียนให้จบๆแล้วไปทำงานเริ่มต้นด้วยตัวเอง พอเราเรียนจบจริงๆสรุปคือ งานไม่ได้ สัมภาษณ์ก้หลายที่ไม่มีที่ไหนรับ พอมีบางที่เขาเรียกสัมภาษณ์ให้ไปทำงานได้เลย แต่ทางครอบห้ามเพราะมันอยู่ในเขตปริมฆท เขากลัวว่าเราจะอยู่ไม่รอด ค่าครองชีพมันสูงอีกอย่างเป็นลุกจ้าง ซึ่งเราอยากไปมากแต่ไปไม่ได้เพราะไม่มีคนสนับสนุน เงินมันก็สำคัญเดือนแรก ค่าอยู่ ค่ากิน ทางที่บ้านบอกว่าถ้าออกไปทำอย่ามายุ่งกันอีก บ่นต่างๆนาๆ อยู่ไม่รอดบ้าง ทำให้เขาเดือดร้อนบ้าง (เราก็แอบคิดอยู่เฉยๆมันไม่น่าเดือดร้อนกว่าหรอ) เขาใช้คำพูดดูถูกลูกจ้างมาตลอด (เป็นลูกจ้างเขามันไม่รุ่งหรอก) เราก็คิดนะว่าข้าราชการมันก็เป็นลูกจ้างของรัฐเปล่าว่ะ แต่ทำได้แค่คิด ใจเขาอยากให้สอบ กพ ก่อนค่อยไปทำงาน กพ ที่นี่คือต้องสอบผ่านรอบแรกเท่านั้น ณ ตอนนี้เราอยู่บ้านเรียนอย่างเดียว ที่บ้านก็ชอบเอาเรื่องคนอื่นนินทาบ้าง ด่าคนในบ้านกันเอง จนทำให้เรารับแต่พลังด้านลบ กลัวตัวเองไปทำงานแล้วมีแต่พลังด้านลบ เลยไม่กล้าจะออกไปไหนไปให้พลังด้านลบกับคนอื่น แต่ก็อยากหลุดพ้นจากบ้าน เราเข้าใจเลยว่าที่บ้านไม่ใช่ความสบายใจตลอด จริงๆเราอยากขอกำลังใจแค่นั้น เราเคยพูดตรงๆกับเขา เขาก็จะเก้บความพูดเราไปคิดนะ แต่โทษตัวเองว่าเลี้ยงไม่ดี แล้วเอาเปรียบเทียบว่าน่าจะไปเกิดแบบครอบครัวไม่มีจะกินเนอะ กูเลี้ยงมาสะดวกสบายไม่ชอบ เชื่อไหมว่าทุกวันนี้เราไม่อยากมองหน้าพ่อแม่ ไม่อยากได้ยินเสียง เห็นแล้วมันอึดอัด ทุกๆกลางคืนเรานอนน้ำตาไหลมาเองบ้าง นอนกัดฟันบ้าง เรารักเขานะ แต่เรารู้สึกมันทรมานตัวเองมาก เราเจอสังคมก้ไม่กล้าคุยด้วย กลัวจะไปtoxicกับคนอื่น บางทีก็อยากอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ พยายามไม่เก็บคำพูดมาคิดแต่ก็เจอทุกวัน พูดทุกวันสอบ กพ ให้ผ่านนะเอาข้าราชการมาให้ได้ ก้คิดมาเสมอทำไมเราต้องทำตามเขาด้วย ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ เราไม่ทำอยากที่เขาให้เป็นก็ด่า พูดตัดพ่อลุกมั่ง มันต้องขนาดไหน เราต้องทุกข์ไปอีกนานแค่ไหน รอยยิ้มกับความสุขคืออะไร เราเก็บกดมาหลายปี จะทำยังไงให้หลุดพ้น
จะทำยังไงให้หลุกจากโลกToxic
อย่างเช่น เมื่อปี 2557เราจะขึ้นมา ม.4 เราอยากเรียนสายจีนเพราะเรารู้สึกว่าภาษาจีนมันเป็นภาษาที่ต้องใช้อนาคต (อยากไปอยู่ที่ประจีนกับญาติด้วยค่ะ) ซึ่งเอาจริงๆ ณ ปัจจุบันภาษาจีนสำคัญจริงๆ แต่ทางครอบครัวเห็นพ้องกันว่าเรียนสายวิทย์-คณิตนี่ละดีที่สุด เขาบังคับให้เรียนเภสัชต่อ ความรู้สึกตอนนั้นจำได้ว่าทำไมไม่มีใครเข้าใจเราเลยสักคน แต่พยายามคิดในแง่บวกเค้าเป็นอยากให้มีการงานที่ดีในอนาคต จนเราก็เรียนจนจบ ม.6 ไม่รู้ตัวเองว่าจะเรียนไรต่อ เราตัดสินใจว่าจะไปอยากด้านทำอาหาร อยากเป็นแม่ครัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่ามันไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนราชการ ซึ่งทางบ้านเราส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกือบทุกคน เลยโดนปลูกฝังแต่เด็กให้เป็นข้าราชการ เขาเลยแนะนำให้เราเรียนนิติศาสตร์ ในขณะที่เรียนก็ไม่ได้มีความสุขมากมายนัก ตัดสินใจจะซิ่วหลายรอบ เขาบอกแค่ว่าถ้าซิ่วกูไม่ส่งเรียนแล้วนะ เลยจำใจต้องเรียนให้จบ มีช่วงปี3 เราโทรไปหาเขาว่าเครียดมากเลย รู้สึกไม่มีความสุขเลย เขาก็โมโหมาว่าใครให้เรียนคณะนี้ล่ะ เลือกเองนี่ มันทำให้เจ็บฝังมาก โกธรมากแต่เกลียดไม่ลง เราอธิบายความรู้สึกไม่ถูก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีความอยากกลับบ้านแม้แต่ครั้งเดียว แต่เราต้องจำใจเพราะตอนนี้เราพึ่งด้วยเงินเขาล้วนๆ พยายามหารายได้ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ขาดทุน (ไม่ค่อยมีความรู้ด้านค้าขายเท่าไหร่) อีกอย่างเราเสียการเรียนด้วย ตัดสินใจเรียนให้จบๆแล้วไปทำงานเริ่มต้นด้วยตัวเอง พอเราเรียนจบจริงๆสรุปคือ งานไม่ได้ สัมภาษณ์ก้หลายที่ไม่มีที่ไหนรับ พอมีบางที่เขาเรียกสัมภาษณ์ให้ไปทำงานได้เลย แต่ทางครอบห้ามเพราะมันอยู่ในเขตปริมฆท เขากลัวว่าเราจะอยู่ไม่รอด ค่าครองชีพมันสูงอีกอย่างเป็นลุกจ้าง ซึ่งเราอยากไปมากแต่ไปไม่ได้เพราะไม่มีคนสนับสนุน เงินมันก็สำคัญเดือนแรก ค่าอยู่ ค่ากิน ทางที่บ้านบอกว่าถ้าออกไปทำอย่ามายุ่งกันอีก บ่นต่างๆนาๆ อยู่ไม่รอดบ้าง ทำให้เขาเดือดร้อนบ้าง (เราก็แอบคิดอยู่เฉยๆมันไม่น่าเดือดร้อนกว่าหรอ) เขาใช้คำพูดดูถูกลูกจ้างมาตลอด (เป็นลูกจ้างเขามันไม่รุ่งหรอก) เราก็คิดนะว่าข้าราชการมันก็เป็นลูกจ้างของรัฐเปล่าว่ะ แต่ทำได้แค่คิด ใจเขาอยากให้สอบ กพ ก่อนค่อยไปทำงาน กพ ที่นี่คือต้องสอบผ่านรอบแรกเท่านั้น ณ ตอนนี้เราอยู่บ้านเรียนอย่างเดียว ที่บ้านก็ชอบเอาเรื่องคนอื่นนินทาบ้าง ด่าคนในบ้านกันเอง จนทำให้เรารับแต่พลังด้านลบ กลัวตัวเองไปทำงานแล้วมีแต่พลังด้านลบ เลยไม่กล้าจะออกไปไหนไปให้พลังด้านลบกับคนอื่น แต่ก็อยากหลุดพ้นจากบ้าน เราเข้าใจเลยว่าที่บ้านไม่ใช่ความสบายใจตลอด จริงๆเราอยากขอกำลังใจแค่นั้น เราเคยพูดตรงๆกับเขา เขาก็จะเก้บความพูดเราไปคิดนะ แต่โทษตัวเองว่าเลี้ยงไม่ดี แล้วเอาเปรียบเทียบว่าน่าจะไปเกิดแบบครอบครัวไม่มีจะกินเนอะ กูเลี้ยงมาสะดวกสบายไม่ชอบ เชื่อไหมว่าทุกวันนี้เราไม่อยากมองหน้าพ่อแม่ ไม่อยากได้ยินเสียง เห็นแล้วมันอึดอัด ทุกๆกลางคืนเรานอนน้ำตาไหลมาเองบ้าง นอนกัดฟันบ้าง เรารักเขานะ แต่เรารู้สึกมันทรมานตัวเองมาก เราเจอสังคมก้ไม่กล้าคุยด้วย กลัวจะไปtoxicกับคนอื่น บางทีก็อยากอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ พยายามไม่เก็บคำพูดมาคิดแต่ก็เจอทุกวัน พูดทุกวันสอบ กพ ให้ผ่านนะเอาข้าราชการมาให้ได้ ก้คิดมาเสมอทำไมเราต้องทำตามเขาด้วย ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ เราไม่ทำอยากที่เขาให้เป็นก็ด่า พูดตัดพ่อลุกมั่ง มันต้องขนาดไหน เราต้องทุกข์ไปอีกนานแค่ไหน รอยยิ้มกับความสุขคืออะไร เราเก็บกดมาหลายปี จะทำยังไงให้หลุดพ้น