เรื่อง "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" เป็นซีรีส์วายเรื่องแรกที่เราดู เพราะว่าชอบเคมีของพีพีกับบิวกิ้น เลยเล็งว่าจะดูผลงานของน้องๆ หน่อย พอไลน์ทีวีมีให้ดูก็เลยนั่งดูในวันหยุดรวดเดียวจบ แถมยังไล่ดู Documentary ต่อจนครบหมดทุก ep.
หลังดูจบรู้สึกอึนแปลกๆ เลยลองไปหารีวิวอื่นๆ ดูต่อ เพราะเราชอบอ่านคอมเมนต์ของคนอื่น เหมือนมีคนมาร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องที่เราสนใจด้วยกัน ไม่ว่าความเห็นจะไปทางไหนก็อยากอ่าน... และทำให้ได้รู้ว่า อ้อ เข้าใจละว่าทำไมชั้นถึงอึน และทำไมแฟนๆ ซีรีส์ถึงได้เคยดราม่ากันจนตั้งแฮชแท็ก
"แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ทั้ง 2 พาร์ท มันมีความไม่เชื่อมต่อ ลักลั่น ไม่ continue กันอยู่หลายๆ อย่าง มันทำให้คนดูอย่างเราที่ใจฟูตอนจบพาร์ท 1 และอยากรอดูการเติบโตของเต๋กับโอ้เอ๋วต่อไป เหมือนถูกประทัดระเบิดใส่รัวๆ ไม่หยุด แล้วกระชากลงมาเหยียบซ้ำตอนกลางพาร์ท 2 จนถึงจะเก็บกลับมาปัดฝุ่นใหม่ในตอนจบ มันก็บอบช้ำจนได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็มีมุมดีอยู่บ้าง เรารู้สึกติดค้างอยู่ในใจจนอยากจะเขียนสรุปสิ่งที่คิดได้หลังจากดู โดยแบ่งเป็นแต่ละด้านดังนี้
การก้าวสู่พื้นที่ใหม่ของตัวละคร
ทั้ง "เต๋" กับ "โอ้เอ๋ว" ต่างตื่นเต้นที่จะได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แม้ความตื่นเต้นนั้นจะเป็นคนละแบบ แต่ทั้งคู่ก็เฝ้ารอที่จะมาเจอโลกใบใหม่ อยากรู้อยากเห็นว่าชีวิตจะเจออะไรต่อไป
เต๋ตื่นเต้นที่จะได้มาเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบมาตลอด แม้ว่าจะไม่ใช่มหาลัยที่ฝันไว้ แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะลองเรียนดู ส่วนโอ้เอ๋ว อาจจะไม่ได้โฟกัสที่เรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง แต่การต้องขึ้นมาใช้ชีวิตกรุงเทพฯ ตัวคนเดียว จากคุณหนูลูกเจ้าของรีสอร์ทที่มีทั้งแม่บ้าน พ่อแม่ คอยดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก็น่าจะทำให้เขาหวั่นๆ อยู่ในใจไม่น้อย
พอเข้ามาถึง บทก็ส่งให้เต๋กับโอ้เอ๋วเจออุปสรรคด่านแรกทันที คือการที่มหาลัยอยู่ไกลกัน เลยทำให้เต๋ต้องเดินทางไป-กลับเหนื่อย แถมปีแรกก็เป็นปีที่ต้องทำกิจกรรมเยอะตามปกติของมหาลัยไทยทั่วไป แต่บทไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เต๋เลือกไปเข้าชมรมละครด้วยตัวเอง เลือกที่จะทำกิจกรรมนี้เอง ซึ่งก็โอเค เป็นเรื่องปกติที่เต๋ผู้ซึ่งมี passion เรื่องการเป็นนักแสดงแรงกล้าเลือกจะทำ
แต่เราขัดใจนิดหน่อยว่า เต๋ไม่น่าจะต้องทำให้ลำบากด้วยการไป-กลับคอนโดโอ้เอ๋วทุกวันแม้จะเลิกดึกและต้องตื่นเช้าเลย อยู่หอวันธรรมดา ค่อยเจอกันสุดสัปดาห์ก็ได้ หรือ 2-3 วันเจอกันทีก็ได้ วิดีโอคอลทุกวันก็ยังได้ ที่ผ่านมาโอ้เอ๋วดูไม่น่าจะเป็นคนติดแฟนขนาดนั้น ขอแค่บอกว่าอยู่ไหน ทำอะไร ซึ่งตอนแรกทั้งคู่ก็เข้ามาในเงื่อนไขว่า โอ้เอ๋วอยู่คอนโดตัวเอง เต๋อยู่หอมหาลัยมาแต่แรกแล้ว โอ้เอ๋วไม่ได้ขอให้เต๋มาอยู่ด้วย เต๋เสนอตัวเอง แต่บททำให้พอเต๋มาไม่ได้แค่คืนสองคืน โอ้เอ๋วถึงกับต้องนั่งกอดเข่าเหงา ส่วนเต๋ก็แบบแสดงท่าทีเหนื่อยเหลือเกิน แต่ก็ยั๊งพยายามฝืน (ดูจากค่าแท็กซี่ สองมหาลัยนี้ต้องอยู่ห่างกันแบบใจกลางกรุงเทพฯ กับเกือบๆ ชานเมือง) เรารู้สึกว่าตรงนี้บทตั้งใจจะรีบทำให้คู่นี้เริ่มมีปัญหาสะสมเหมือนต้องตัวติดกัน ซึ่งมันไม่น่าใช่ปัญหาของตัวละครคู่นี้ ที่กำลังเข้ามาเจอโลกใหม่ในมหาลัยที่มันมีอะไรหลายอย่างมากๆ ให้ต้องโฟกัสมากกว่า
บุคลิกนิสัยที่จางหาย
ตอนพาร์ท 1 โอ้เอ๋วมีเพื่อนค่อนข้างเยอะ นิสัยค่อนข้างเปิดเผย แถมเป็นดาว IG ที่คนตามเยอะมาก แต่พอเข้ากรุงมา กลายเป็นคนเข้าหาคนไม่เก่งไปซะอย่างนั้น โอเค ในเรื่องใส่บทมาว่าพวกเด็กกรุงเทพฯ เขามาเป็นกลุ่มอยู่แล้ว เด็กตจว.เลยหาเพื่อนยาก แต่บุคลิกโอ้เอ๋วมันเป็นคนที่ค่อนข้างดึงดูดคน ไม่งั้นคงไม่มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น แล้วดูจากตอนมัธยมก็คุยกับเพื่อนหลากหลาย เข้าหาบาสที่เงียบๆ เองอีก ปกติคนแบบนี้ถ้าโผล่มาในกลุ่มเด็กปี 1 มักจะเป็นคนที่คนอื่นเข้าหาก่อนด้วยซ้ำ มันเลยทำให้เรามองว่าผกก.อยากใส่ความอ่อนแอให้กับตัวละครนี้ ทั้งๆ เดิมทีเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ออกจะแกร่งและชัดเจนกับตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะไม่ใช่คนแรง แต่เป็นคนเข้มแข็งกว่าภายนอก
ในขณะที่เต๋ผู้ซึ่งตอนมัธยมปลาย ขลุกอยู่แต่กับเพื่อนเก่าต่างโรงเรียน เพื่อนในโรงเรียนแค่คุยๆ ไม่ถึงกับสนิท เอาจริง ดูเป็นคนที่เปิดใจรับคนใหม่ๆ ยากระดับนึง พอเข้ามหาลัย ก็มาสนิทกับรุ่นพี่จนถึงขั้นเรียกกูกันได้ คบแต่กับรุ่นพี่ในชมรม จนเพื่อนในรุ่นเดียวกันไม่พูดถึงเลย จนถึงตอนที่มีฉากว่าเหลือแต่รูมเมท (ที่นิสัยไม่ค่อยเข้ากัน) ที่คุยได้อยู่คนเดียว จริงๆ อันนี้ถือว่าก็ต่อเนื่องกับนิสัยเดิมของเต๋แหละ เหมือนจะเฟรนลี่ แต่ไม่ได้มีเพื่อนเยอะ ที่มีเพื่อนได้ก็เพราะสถานการณ์พาไป แต่มันก็ยิ่งเน้นย้ำว่าเต๋ไม่ได้เติบโตขึ้นเลยเรื่องความสัมพันธ์ มุ่งแต่วิ่งหาความฝันหรือสิ่งที่โฟกัสจนไม่ได้สนใจสังคมรอบข้าง คบแต่ถับคนที่เป็นตัวผลักดันความฝันตัวเองได้ (อาจจะโดยไม่รู้ตัวแหละ แต่เป็นอย่างนั้น) แถมเพื่อนที่มีอยู่หยิบมือนั้น ก็ยังไปทำร้ายน้ำใจเค้าด้วยคำพูดอีก เหมือนเอาตัวละครเต๋มาฆ่าแทบทุกด้านอะพาร์ท 2 นี้
ความรักที่หายไปกับรักใหม่ที่สับสน
แน่นอนว่า ประเด็นหลักของพาร์ท 2 ที่ทำร้ายจิตใจคนดูหลายคนมากๆ ก็คือการนอกใจของเต๋ เราเป็นคนดูหนังอ่านการ์ตูนที่ไม่ใช่สายสุขนิยมอยู่แล้วนะ เพราะงั้นไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องราวมันจะสวยงามหรือโรแมนติกอะไร แต่คิดว่าบทยังปูรายละเอียดที่ทำให้เต๋ทำอย่างนั้นไม่มากพอ ถ้าจะให้อธิบายเท่าที่ซีรีส์นำเสนอคือ เต๋
โคตรจะเห็นแก่ตัวและอ่อนไหวง่ายมากๆ ก็อย่างที่บอกว่าเอาตัวละครมาฆ่าอย่างแท้จริง
การศรัทธาคนใดคนนึงมากๆ หรือการปลื้มคนเก่ง มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงขั้นอยากก้าวข้ามเส้นไอดอลไปเป็นคนรัก โดยที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่ทนโท่ มันคือแรงปรารถนาส่วนตัวที่ไม่รู้ว่าจะให้โอ้เอ๋วให้อภัยได้ยังไง
ฉากที่เจ็บที่สุดสำหรับเราก็คือ sex scene คืนนั้นที่ดูแล้วขมในใจมาก ใครที่บอกว่าสาววายรอดูแต่ฉากเสิร์ฟจิ้น คิดว่าไม่จริงนะ เท่าที่ไล่อ่านแท็กแทบไม่มีใครกรี๊ดกับฉากนี้เลย เพราะมันเป็นฉากที่น่าสงสารตัวละครโอ้เอ๋วมาก มีความสุขกับโมเมนต์นั้นโดยไม่รู้เลยว่าแฟนเรานอกใจเราไปแล้ว กับอีกฉากที่เลี้ยงปิดโปร โอโห เจ็บจนไม่รู้จะยังไง โอ้เอ๋วคือทำใจแข็งฝืนยิ้มไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบละ แต่เต๋คือบ้าบอ เหมือนคนโดนยาเสน่ห์ ก็สมควรโดนฟาดไปจ้ะ
ในความสัมพันธ์นี้ โอ้เอ๋วคือฝ่ายที่อดทนมาตลอด ไม่ได้ตามเช็กตามจิก หรือโวยวายงี่เง่าไปก่อน ทั้งๆ ที่ใจมันค่อยๆ รู้แล้วว่าอีกฝ่ายห่างเหิน คงเพราะความรักความผูกพันที่มีกันมา เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งแฟน เลยพยายามอยู่กันด้วยความเข้าใจ แต่ผกก.ก็เลือกทำร้ายตัวละครที่อุตส่าห์ทำดีมาตลอดแบบนี้ ต้องการจะบอกว่าทำดีแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะแฟนจะไม่นอกใจหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แถมตอนจบโอ้เอ๋วก็เป็นฝ่ายยอมถอย เพื่อจะได้ก้าวต่อไปตามหัวใจตัวเอง แต่คิดดูว่าถ้าพรหมลิขิตไม่ได้ชักนำกลับมาเจออีกครั้ง เต๋ก็คงไม่ได้หวนกลับมา
ในขณะที่โอ้เอ๋วโตขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น มีความสุขกับตัวตนของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เต๋กลับเข้าไปอยู่ในวังวนการวิ่งหาความฝันแบบหน้ามืดตามัว ยึดติดกับความฝันทั้งของตัวเองกับคนอื่น สุดท้ายก็สูญเสียคนที่หวังดีกับตัวเองไปทีละคน กลายเป็นถอยหลังลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละ ชีวิตจริงมันก็มีคนที่ย่ำอยู่กับที่ (ในด้านความสัมพันธ์) แบบนี้ถมไปนี่นะ
องค์ประกอบความสัมพันธ์
พาร์ท 2 นี้เราชอบการเติบโตของโอ้เอ๋ว ถือว่าทำได้ดีมาต่อเนื่องจากพาร์ท 1 จริงๆ ที่ผ่านมาเราก็คงเห็นแล้วว่าโอ้เอ๋วเป็นคนมีความพยายาม แม้ไม่ได้มีความฝันชัดเจน แต่ไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่ตั้งใจไว้ง่ายๆ มาพาร์ทนี้ยิ่งเห็นชัด เขารู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรได้เร็ว และพร้อมก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เสียดายกับสิ่งที่เคยทำมา ต้องเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีระดับนึงเลยถึงตัดสินใจแบบนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีแก๊งค์เพื่อนของโอ้เอ๋ว ที่ดูเป็นเด็กชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ตอนแรกก็ดูอยู่ว่าแก๊งค์นี้จะพาโอ้เอ๋วหลงสีเสียงจนเสียการเรียนไหม เหมือนอย่างที่ละครหลายเรื่องชอบทำให้กลุ่มเด็กรวยต้องทำตัวเหลวแหลก แต่เรื่องนี้เป็นเพื่อนที่พาไปในทางดีหมด ความสัมพันธ์ไม่ toxic เลย ดีใจกับโอ้เอ๋วที่ได้เจอเพื่อนดีๆ แบบนี้ เห็นไหม ว่าบุคลิกโอ้เอ๋วคือดึงดูดให้คนเข้าหาง่ายมากนะ จูนกันติดไวมาก
กับตอนท้ายที่ยังพาแก๊งโม๋เราอยู่หลกมา มีตัวละครนึงที่เคยพูดสำเนียงใต้ ตอนนี้ไม่พูดแล้ว เหมือนเด็กที่พูดภาษาถิ่นหลายคนที่พอเข้าเมืองแล้วจะปรับสำเนียงเป็นภาษากลางจนชิน ชอบที่เขาใส่รายละเอียดตรงนี้มา
ส่วนข้อมูลทางเทคนิคเรื่องการเรียนในคณะ การแสดง การทำงาน เราค่อนข้างชอบนะ ทำให้คนดูได้เรียนรู้ไปด้วย ถ้าหากใส่มาแล้วเกลี่ยบทกับพาร์ทความสัมพันธ์ของคู่เอกได้มากขึ้นก็จะดีกว่านี้
>> สรุปว่า "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ทั้ง 2 พาร์ท มีความดีไปคนละแบบ แต่ให้คะแนนพาร์ท 1 มากกว่า พาร์ท 2 มันให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง และทำร้ายตัวละครโดยไม่จำเป็น มันทำให้สารที่ซีรีส์อยากสื่อมันลดทอนคุณค่าลงไป ทั้งเรื่องการยึดติดกับความฝัน การตามหาตัวเอง และอื่นๆ หรือถ้าอยากหักใจคนดูด้วยการทำให้จบแบบ bad end ไปเลยก็ได้ เพราะแนว coming of age ที่เป็นแก่นหลักของเรื่อง มันไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวละครคู่กัน
แต่ถามว่าจบแบบนี้ดีไหม มันก็ดีอยู่สำหรับคนที่รักคู่นี้และอยากให้เต๋กับโอ้เอ๋วได้สมหวัง และการโพสต์ IG ของเต๋ก็เหมือนเป็นการแก้ตัวแล้วในระดับหนึ่ง เพราะถ้าตามเรื่อง ต่อไปเต๋ต้องเจอปัญหาอีกหลายอย่างแน่ แต่น่าจะต้องเกลี่ยบทช่วง conflict ของเรื่องให้มันเข้าใจตัวละครได้มากกว่านี้ แล้วคนดูก็น่าจะตกผลึกสิ่งสำคัญของเรื่องนี้ได้ดีขึ้นค่ะ
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่า <3
[CR] ตกผลึกหลังดู "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" จบ 2 พาร์ทรวดเดียว
หลังดูจบรู้สึกอึนแปลกๆ เลยลองไปหารีวิวอื่นๆ ดูต่อ เพราะเราชอบอ่านคอมเมนต์ของคนอื่น เหมือนมีคนมาร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องที่เราสนใจด้วยกัน ไม่ว่าความเห็นจะไปทางไหนก็อยากอ่าน... และทำให้ได้รู้ว่า อ้อ เข้าใจละว่าทำไมชั้นถึงอึน และทำไมแฟนๆ ซีรีส์ถึงได้เคยดราม่ากันจนตั้งแฮชแท็ก
"แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ทั้ง 2 พาร์ท มันมีความไม่เชื่อมต่อ ลักลั่น ไม่ continue กันอยู่หลายๆ อย่าง มันทำให้คนดูอย่างเราที่ใจฟูตอนจบพาร์ท 1 และอยากรอดูการเติบโตของเต๋กับโอ้เอ๋วต่อไป เหมือนถูกประทัดระเบิดใส่รัวๆ ไม่หยุด แล้วกระชากลงมาเหยียบซ้ำตอนกลางพาร์ท 2 จนถึงจะเก็บกลับมาปัดฝุ่นใหม่ในตอนจบ มันก็บอบช้ำจนได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็มีมุมดีอยู่บ้าง เรารู้สึกติดค้างอยู่ในใจจนอยากจะเขียนสรุปสิ่งที่คิดได้หลังจากดู โดยแบ่งเป็นแต่ละด้านดังนี้
การก้าวสู่พื้นที่ใหม่ของตัวละคร
ทั้ง "เต๋" กับ "โอ้เอ๋ว" ต่างตื่นเต้นที่จะได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แม้ความตื่นเต้นนั้นจะเป็นคนละแบบ แต่ทั้งคู่ก็เฝ้ารอที่จะมาเจอโลกใบใหม่ อยากรู้อยากเห็นว่าชีวิตจะเจออะไรต่อไป
เต๋ตื่นเต้นที่จะได้มาเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบมาตลอด แม้ว่าจะไม่ใช่มหาลัยที่ฝันไว้ แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะลองเรียนดู ส่วนโอ้เอ๋ว อาจจะไม่ได้โฟกัสที่เรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง แต่การต้องขึ้นมาใช้ชีวิตกรุงเทพฯ ตัวคนเดียว จากคุณหนูลูกเจ้าของรีสอร์ทที่มีทั้งแม่บ้าน พ่อแม่ คอยดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก็น่าจะทำให้เขาหวั่นๆ อยู่ในใจไม่น้อย
พอเข้ามาถึง บทก็ส่งให้เต๋กับโอ้เอ๋วเจออุปสรรคด่านแรกทันที คือการที่มหาลัยอยู่ไกลกัน เลยทำให้เต๋ต้องเดินทางไป-กลับเหนื่อย แถมปีแรกก็เป็นปีที่ต้องทำกิจกรรมเยอะตามปกติของมหาลัยไทยทั่วไป แต่บทไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เต๋เลือกไปเข้าชมรมละครด้วยตัวเอง เลือกที่จะทำกิจกรรมนี้เอง ซึ่งก็โอเค เป็นเรื่องปกติที่เต๋ผู้ซึ่งมี passion เรื่องการเป็นนักแสดงแรงกล้าเลือกจะทำ
แต่เราขัดใจนิดหน่อยว่า เต๋ไม่น่าจะต้องทำให้ลำบากด้วยการไป-กลับคอนโดโอ้เอ๋วทุกวันแม้จะเลิกดึกและต้องตื่นเช้าเลย อยู่หอวันธรรมดา ค่อยเจอกันสุดสัปดาห์ก็ได้ หรือ 2-3 วันเจอกันทีก็ได้ วิดีโอคอลทุกวันก็ยังได้ ที่ผ่านมาโอ้เอ๋วดูไม่น่าจะเป็นคนติดแฟนขนาดนั้น ขอแค่บอกว่าอยู่ไหน ทำอะไร ซึ่งตอนแรกทั้งคู่ก็เข้ามาในเงื่อนไขว่า โอ้เอ๋วอยู่คอนโดตัวเอง เต๋อยู่หอมหาลัยมาแต่แรกแล้ว โอ้เอ๋วไม่ได้ขอให้เต๋มาอยู่ด้วย เต๋เสนอตัวเอง แต่บททำให้พอเต๋มาไม่ได้แค่คืนสองคืน โอ้เอ๋วถึงกับต้องนั่งกอดเข่าเหงา ส่วนเต๋ก็แบบแสดงท่าทีเหนื่อยเหลือเกิน แต่ก็ยั๊งพยายามฝืน (ดูจากค่าแท็กซี่ สองมหาลัยนี้ต้องอยู่ห่างกันแบบใจกลางกรุงเทพฯ กับเกือบๆ ชานเมือง) เรารู้สึกว่าตรงนี้บทตั้งใจจะรีบทำให้คู่นี้เริ่มมีปัญหาสะสมเหมือนต้องตัวติดกัน ซึ่งมันไม่น่าใช่ปัญหาของตัวละครคู่นี้ ที่กำลังเข้ามาเจอโลกใหม่ในมหาลัยที่มันมีอะไรหลายอย่างมากๆ ให้ต้องโฟกัสมากกว่า
บุคลิกนิสัยที่จางหาย
ตอนพาร์ท 1 โอ้เอ๋วมีเพื่อนค่อนข้างเยอะ นิสัยค่อนข้างเปิดเผย แถมเป็นดาว IG ที่คนตามเยอะมาก แต่พอเข้ากรุงมา กลายเป็นคนเข้าหาคนไม่เก่งไปซะอย่างนั้น โอเค ในเรื่องใส่บทมาว่าพวกเด็กกรุงเทพฯ เขามาเป็นกลุ่มอยู่แล้ว เด็กตจว.เลยหาเพื่อนยาก แต่บุคลิกโอ้เอ๋วมันเป็นคนที่ค่อนข้างดึงดูดคน ไม่งั้นคงไม่มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น แล้วดูจากตอนมัธยมก็คุยกับเพื่อนหลากหลาย เข้าหาบาสที่เงียบๆ เองอีก ปกติคนแบบนี้ถ้าโผล่มาในกลุ่มเด็กปี 1 มักจะเป็นคนที่คนอื่นเข้าหาก่อนด้วยซ้ำ มันเลยทำให้เรามองว่าผกก.อยากใส่ความอ่อนแอให้กับตัวละครนี้ ทั้งๆ เดิมทีเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ออกจะแกร่งและชัดเจนกับตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะไม่ใช่คนแรง แต่เป็นคนเข้มแข็งกว่าภายนอก
ในขณะที่เต๋ผู้ซึ่งตอนมัธยมปลาย ขลุกอยู่แต่กับเพื่อนเก่าต่างโรงเรียน เพื่อนในโรงเรียนแค่คุยๆ ไม่ถึงกับสนิท เอาจริง ดูเป็นคนที่เปิดใจรับคนใหม่ๆ ยากระดับนึง พอเข้ามหาลัย ก็มาสนิทกับรุ่นพี่จนถึงขั้นเรียกกูกันได้ คบแต่กับรุ่นพี่ในชมรม จนเพื่อนในรุ่นเดียวกันไม่พูดถึงเลย จนถึงตอนที่มีฉากว่าเหลือแต่รูมเมท (ที่นิสัยไม่ค่อยเข้ากัน) ที่คุยได้อยู่คนเดียว จริงๆ อันนี้ถือว่าก็ต่อเนื่องกับนิสัยเดิมของเต๋แหละ เหมือนจะเฟรนลี่ แต่ไม่ได้มีเพื่อนเยอะ ที่มีเพื่อนได้ก็เพราะสถานการณ์พาไป แต่มันก็ยิ่งเน้นย้ำว่าเต๋ไม่ได้เติบโตขึ้นเลยเรื่องความสัมพันธ์ มุ่งแต่วิ่งหาความฝันหรือสิ่งที่โฟกัสจนไม่ได้สนใจสังคมรอบข้าง คบแต่ถับคนที่เป็นตัวผลักดันความฝันตัวเองได้ (อาจจะโดยไม่รู้ตัวแหละ แต่เป็นอย่างนั้น) แถมเพื่อนที่มีอยู่หยิบมือนั้น ก็ยังไปทำร้ายน้ำใจเค้าด้วยคำพูดอีก เหมือนเอาตัวละครเต๋มาฆ่าแทบทุกด้านอะพาร์ท 2 นี้
ความรักที่หายไปกับรักใหม่ที่สับสน
แน่นอนว่า ประเด็นหลักของพาร์ท 2 ที่ทำร้ายจิตใจคนดูหลายคนมากๆ ก็คือการนอกใจของเต๋ เราเป็นคนดูหนังอ่านการ์ตูนที่ไม่ใช่สายสุขนิยมอยู่แล้วนะ เพราะงั้นไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องราวมันจะสวยงามหรือโรแมนติกอะไร แต่คิดว่าบทยังปูรายละเอียดที่ทำให้เต๋ทำอย่างนั้นไม่มากพอ ถ้าจะให้อธิบายเท่าที่ซีรีส์นำเสนอคือ เต๋โคตรจะเห็นแก่ตัวและอ่อนไหวง่ายมากๆ ก็อย่างที่บอกว่าเอาตัวละครมาฆ่าอย่างแท้จริง
การศรัทธาคนใดคนนึงมากๆ หรือการปลื้มคนเก่ง มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงขั้นอยากก้าวข้ามเส้นไอดอลไปเป็นคนรัก โดยที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่ทนโท่ มันคือแรงปรารถนาส่วนตัวที่ไม่รู้ว่าจะให้โอ้เอ๋วให้อภัยได้ยังไง
ฉากที่เจ็บที่สุดสำหรับเราก็คือ sex scene คืนนั้นที่ดูแล้วขมในใจมาก ใครที่บอกว่าสาววายรอดูแต่ฉากเสิร์ฟจิ้น คิดว่าไม่จริงนะ เท่าที่ไล่อ่านแท็กแทบไม่มีใครกรี๊ดกับฉากนี้เลย เพราะมันเป็นฉากที่น่าสงสารตัวละครโอ้เอ๋วมาก มีความสุขกับโมเมนต์นั้นโดยไม่รู้เลยว่าแฟนเรานอกใจเราไปแล้ว กับอีกฉากที่เลี้ยงปิดโปร โอโห เจ็บจนไม่รู้จะยังไง โอ้เอ๋วคือทำใจแข็งฝืนยิ้มไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบละ แต่เต๋คือบ้าบอ เหมือนคนโดนยาเสน่ห์ ก็สมควรโดนฟาดไปจ้ะ
ในความสัมพันธ์นี้ โอ้เอ๋วคือฝ่ายที่อดทนมาตลอด ไม่ได้ตามเช็กตามจิก หรือโวยวายงี่เง่าไปก่อน ทั้งๆ ที่ใจมันค่อยๆ รู้แล้วว่าอีกฝ่ายห่างเหิน คงเพราะความรักความผูกพันที่มีกันมา เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งแฟน เลยพยายามอยู่กันด้วยความเข้าใจ แต่ผกก.ก็เลือกทำร้ายตัวละครที่อุตส่าห์ทำดีมาตลอดแบบนี้ ต้องการจะบอกว่าทำดีแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะแฟนจะไม่นอกใจหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในขณะที่โอ้เอ๋วโตขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น มีความสุขกับตัวตนของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เต๋กลับเข้าไปอยู่ในวังวนการวิ่งหาความฝันแบบหน้ามืดตามัว ยึดติดกับความฝันทั้งของตัวเองกับคนอื่น สุดท้ายก็สูญเสียคนที่หวังดีกับตัวเองไปทีละคน กลายเป็นถอยหลังลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละ ชีวิตจริงมันก็มีคนที่ย่ำอยู่กับที่ (ในด้านความสัมพันธ์) แบบนี้ถมไปนี่นะ
องค์ประกอบความสัมพันธ์
พาร์ท 2 นี้เราชอบการเติบโตของโอ้เอ๋ว ถือว่าทำได้ดีมาต่อเนื่องจากพาร์ท 1 จริงๆ ที่ผ่านมาเราก็คงเห็นแล้วว่าโอ้เอ๋วเป็นคนมีความพยายาม แม้ไม่ได้มีความฝันชัดเจน แต่ไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่ตั้งใจไว้ง่ายๆ มาพาร์ทนี้ยิ่งเห็นชัด เขารู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรได้เร็ว และพร้อมก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เสียดายกับสิ่งที่เคยทำมา ต้องเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีระดับนึงเลยถึงตัดสินใจแบบนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีแก๊งค์เพื่อนของโอ้เอ๋ว ที่ดูเป็นเด็กชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ตอนแรกก็ดูอยู่ว่าแก๊งค์นี้จะพาโอ้เอ๋วหลงสีเสียงจนเสียการเรียนไหม เหมือนอย่างที่ละครหลายเรื่องชอบทำให้กลุ่มเด็กรวยต้องทำตัวเหลวแหลก แต่เรื่องนี้เป็นเพื่อนที่พาไปในทางดีหมด ความสัมพันธ์ไม่ toxic เลย ดีใจกับโอ้เอ๋วที่ได้เจอเพื่อนดีๆ แบบนี้ เห็นไหม ว่าบุคลิกโอ้เอ๋วคือดึงดูดให้คนเข้าหาง่ายมากนะ จูนกันติดไวมาก
กับตอนท้ายที่ยังพาแก๊งโม๋เราอยู่หลกมา มีตัวละครนึงที่เคยพูดสำเนียงใต้ ตอนนี้ไม่พูดแล้ว เหมือนเด็กที่พูดภาษาถิ่นหลายคนที่พอเข้าเมืองแล้วจะปรับสำเนียงเป็นภาษากลางจนชิน ชอบที่เขาใส่รายละเอียดตรงนี้มา
ส่วนข้อมูลทางเทคนิคเรื่องการเรียนในคณะ การแสดง การทำงาน เราค่อนข้างชอบนะ ทำให้คนดูได้เรียนรู้ไปด้วย ถ้าหากใส่มาแล้วเกลี่ยบทกับพาร์ทความสัมพันธ์ของคู่เอกได้มากขึ้นก็จะดีกว่านี้
>> สรุปว่า "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ทั้ง 2 พาร์ท มีความดีไปคนละแบบ แต่ให้คะแนนพาร์ท 1 มากกว่า พาร์ท 2 มันให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง และทำร้ายตัวละครโดยไม่จำเป็น มันทำให้สารที่ซีรีส์อยากสื่อมันลดทอนคุณค่าลงไป ทั้งเรื่องการยึดติดกับความฝัน การตามหาตัวเอง และอื่นๆ หรือถ้าอยากหักใจคนดูด้วยการทำให้จบแบบ bad end ไปเลยก็ได้ เพราะแนว coming of age ที่เป็นแก่นหลักของเรื่อง มันไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวละครคู่กัน
แต่ถามว่าจบแบบนี้ดีไหม มันก็ดีอยู่สำหรับคนที่รักคู่นี้และอยากให้เต๋กับโอ้เอ๋วได้สมหวัง และการโพสต์ IG ของเต๋ก็เหมือนเป็นการแก้ตัวแล้วในระดับหนึ่ง เพราะถ้าตามเรื่อง ต่อไปเต๋ต้องเจอปัญหาอีกหลายอย่างแน่ แต่น่าจะต้องเกลี่ยบทช่วง conflict ของเรื่องให้มันเข้าใจตัวละครได้มากกว่านี้ แล้วคนดูก็น่าจะตกผลึกสิ่งสำคัญของเรื่องนี้ได้ดีขึ้นค่ะ
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่า <3
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้