ความเป็นมาของการกำเนิด Xbox นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องน่าขัน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความต้องการบุกเบิกตลาดใหม่ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจหรือความทะเยอทะยานของ Microsoft ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เหมือน Sony ที่เริ่มต้น PlayStation ด้วยความแค้นแต่ก็ยังมีส่วนของโอกาสทางธุรกิจผสมอยู่
Xbox นั้น แรกเริ่มเกิดมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ Microsoft เอง
เรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ Microsoft วางจำหน่ายระบบปฏิบัติการ Windows 95 ในเดือนสิงหาคม 1995 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก อีกทั้งทาง Microsoft ยังได้ส่ง application programming interfaces (API) ชื่อ DirectX สู่ตลาดในวันที่ 30 กันยายน ปีเดียวกัน โดย DirectX นั้นจะทำให้โปรแกรมประเภทมัลติมีเดียสามารถเรียกใช้งานหรือติดต่อกับ Hardware ได้โดยตรงผ่าน DirectX โดยไม่ต้องผ่านระบบปฏิบัติการที่ใช้เวลาและมีกระบวนการมากกว่าหรือผ่านน้อยมาก ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของโปรแกรมมัลติมีเดียต่าง ๆ รวมถึงเกมด้วยเพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งยังพัฒนาโปรแกรมได้สะดวกสบายกว่าเดิม โดยมีเกมของ Microsoft อย่าง Age of Empires ที่ออกในเดือนตุลาคม 1997 เป็นตัวอย่างว่าเกมที่ใช้ DirectX นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร นี่ทำให้ทิศทางการพัฒนาเกมบนเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เกมเริ่มถูกสร้างให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ด้วย DirectX มาตั้งแต่นั้น
เครื่องเกมคอนโซลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของ Microsoft เลยเพราะสินค้าหลักของบริษัทคือระบบปฏิบัติการ Windows และโปรแกรมทำงานอย่าง Microsoft Office เป็นคนละตลาดอย่างสิ้นเชิงและ Microsoft เองก็ไม่คิดที่จะมาเอาดีกับเกมคอมพิวเตอร์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามทาง Microsoft ก็ได้เริ่มมีการพูดคุยเรื่องของเครื่องเกมคอนโซลของตนเองเป็นกาลภายใน วงเล็ก ๆ มาตั้งแต่ปี 1998
ทว่า Microsoft เองก็เริ่มรู้สึกว่าผลประโยชน์ของบริษัทเริ่มถูกคุกคามจากการเปิดตัว PlayStation 2 ในวันที่ 2 เดือนมีนาคม 1999 ซึ่งทาง Sony ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า เครื่องเกมคอนโซลจะกลายมาเป็น Gateway ของความบันเทิงภายในบ้านและจะเข้ามาแทนที่ Computer PC ในที่สุด (เดิมที่ทาง Sony ตั้งใจให้ PS2 ติดตั้งระบบปฏิบัติการของ Computer PC อย่าง Linux ได้ และก็มีคนที่ทดลองติดตั้ง Linux บน PS2 พบว่าติดตั้งได้จริง ๆ )
สำหรับ Microsoft นี่คือลางบอกเหตุว่า Sony สามารถบุกเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของ Microsoft ได้
มันอาจจะเป็นเรื่องขำ ๆ ว่า Sony จะทำได้จริงรึแต่คนที่เคยขำอย่าง SEGA และ Nintendo ตอนนี้กลับขำไม่ออกแล้วและ Microsoft ก็ไม่อยากที่จะมีชะตากรรมร่วมไปอีกคน
ดังนั้น Microsoft จำเป็นต้อง Strikes Back
ก้าวแรกของ Microsoft คือติดต่อกับ SEGA เพื่อโน้มน้าวให้ SEGA ใช้ระบบปฏิบัติการของตนกับเครื่อง Dreamcast
ผลที่ได้คือ Windows CE เวอร์ชั่นพิเศษที่ปรับแต่งสำหรับใช้งานกับ Dreamcast โดยเฉพาะ ในเบื้องต้นทาง SEGA ก็ใช้ Dreamcast ที่ติดตั้ง Windows CE ในฐานะเครื่องสำหรับพัฒนาเกม
(อธิบาย Windows CE คือ Windows ในรูปแบบ Firmware ฝังใน ROM เป็นระบบปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่สุดของระบบ)
แต่สุดท้ายโครงการก็ล่มไปพร้อม ๆ กับ Dreamcast ตรงนี้มีข่าวลือว่าทาง Microsoft ได้แอบศึกษาเทคนิคการสร้างเครื่องเกมคอนโซลจาก SEGA ด้วยโครงการร่วมดังกล่าวเพื่อนำไปสร้างเครื่องเกมของตนเอง แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดในเรื่องนี้
ก้าวต่อมาคือขอเข้าไปมีส่วนร่วมโดยขอเสนอตัวเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมเครื่องมือสำหรับพัฒนาเกม โดยทาง Microsoft ได้เข้าไปติดต่อยื่นข้อเสนอนี้ทั้งกับทาง Sony และ Nintendo ซึ่งถูกปฏิเสธทั้งคู่
นี่จึงนำมาซึ่งมาตรการสุดท้าย สร้างเครื่องเกมคอนโซลมาสู้
การประชุมเพื่อก่อตั้งทีมพัฒนาเครื่องเกมคอนโซล จากเดิมเป็นแค่คุยกันเล่น ๆ กลายมาเป็นโปรเจคอย่างเป็นทางการในที่สุดโดยการประชุมครั้งแรกเริ่มขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 1999 หรือหลังจาก ps2 เปิดตัวได้ 28 วัน ด้วยแนวคิดการแปลงคอมพิวเตอร์ PC มาเป็นเครื่องเกมคอนโซล ปรับปรุงให้ประสิทธิภาพดีขึ้นและติดตั้งใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows รวมถึง DirectX เพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถแปลงเกมลง PC ในภายหลังหรือแปลงเกมจาก PC มาลงเครื่องได้สะดวกและง่ายดาย
โครงการมีชื่อว่า Midway มาจาก Battle of Midway ซึ่งเป็นศึกยุทธนาวีระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดศึกหนึ่งในประวัติศาสตร์ WW2
ในช่วงเริ่มต้นการพัฒนานั้นมีประเด็นการถกเถียงที่น่าสนใจคือ จะติดตั้ง Hard disk ลงในเครื่องหรือไม่
ข้อถกเถียงนี้ทำให้ทีมพัฒนาแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านรวมถึงความต้องการที่จะนำเสนอในบางจุดด้วย
เรื่องนั้นขึ้นไปถึงการประชุมใหญ่ในวันที่ 5 พฤษภาคม 1999 ที่มี Bill Gate และผู้เข้าร่วมอีก 20 คนรับฟัง โดยฝ่ายสนับสนุนนั้นมองว่าการติดตั้ง Hard disk จะทำให้เครื่องมีความแตกต่างและรองรับ Content ใหม่ ๆ เพิ่มได้ผ่าน online ส่วนฝ่ายคัดค้านก็มองว่าการใส่ Hard disk จะทำให้ราคาขายเพิ่มสูงขึ้นจนเกินเพดาน 300 USD ซึ่งเป็นราคาที่จะขายเครื่องได้ดีที่สุด
สุดท้าย Bill Gate ก็ฟันธงจากคำถามของเค้าที่ถามว่าการแปลงเกมจาก PC ลงเครื่องจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดายหรือไม่ ผลคือการออกแบบเครื่องของฝ่ายที่คัดค้านการติดตั้ง Hard disk ทำตรงนี้ได้ดีกว่าเนื่องจากระบบปฏิบัติการของฝั่งนี้อยู่บนรากฐานของ Windows 2000 และมี DirectX ช่วยขณะที่การออกแบบของอีกฝั่งใช้ Windows CE ที่ไม่มี DirectX
นี่ทำให้เครื่องเกมคอนโซลเครื่องแรกของ Microsoft ในตอนแรกจึงตั้งใจที่จะไม่ติดตั้ง Hard disk
เมื่อโปรเจคได้รับการอนุมัติ การพัฒนาต้นแบบของเครื่องเกมก็เริ่มต้นขึ้นโดย Rick Thompson และ Robert J. Bach รับหน้าที่ดูแลการออกแบบโดยซื้อชิ้นส่วนจาก Dell มาสร้าง แผนคือ Microsoft จะออกแบบแล้วร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพื่อว่าจ้างผลิตจำนวนมากให้
ทว่าระหว่างการออกแบบและด้วยคำแนะนำจาก Electronics Art ทีมก็ได้ตรัสรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างผลิตนั้นจะสูงมาก สูงเกินไป และควบคุมไม่ได้ แถมบางครั้งต้องควักเนื้อเพื่อเลี้ยงสายการผลิตอีกด้วย
ดังนั้น หากต้องการสายการผลิตที่ต้นทุนต่ำ น่าเชื่อถือและอยู่ในความควบคุม ทาง Microsoft จะต้องเป็นผู้ผลิตเสียเองถึงจะทำได้ ทำให้ต้องมีต้นทุนในการสร้างสายการผลิตเพิ่มขึ้นมา ตัวเครื่องก็ต้องมีการออกแบบใหม่ให้เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก ค่าออกแบบเพิ่มขึ้นอีก
แน่นอนว่า Bill Gate ย่อมไม่พอใจ
นี่ทำให้โครงการนี้มีชื่อเล่นว่า Coffin Box (กล่องโลงศพ) เพราะเชื่อว่าใครที่มาทำโครงการนี้น่าจะจบลงที่ถูกไล่ออก
แต่จุดที่เป็นปัญหาที่สุดคือระบบปฏิบัติการเองเพราะจะใช้ Windows ไม่ได้ เกมเมอร์ไม่ได้ต้องการ PC ที่มาทำตัวเป็นเกมคอนโซล ระบบปฏิบัติการแม้จะมีรากฐานจาก Windows ได้แต่ต้องสร้างใหม่เกือบหมด เป็น Original OS ที่นอกจากจะเพิ่มต้นทุนเข้าไปอีกยังทำให้ Bill Gate ที่มอง Windows เหมือนลูกรัก เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง หัวเสียสุด ๆ
ทั้งหมดนี้นำไปสู่เหตุการณ์ที่ Bill Gate เรียกประชุมพนักงานอาวุโสของทีมพัฒนารวม 9 คนตอนบ่าย 4 โมงเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2000 วันนั้น Bill เข้าห้องประชุมช้าประมาณ 20 นาที มาถึงก็ตะโกน ด่ากราดทีมในที่ประชุม ทุบโต๊ะอย่างแรง ทุ่มของลงกับพื้น
“This is a ing insult to everything I’ve accomplished at this company.”
“ที่เสนอมานี่
โคตรหยามกับทุกสิ่งที่กูทำในบริษัทนี้”
แม้แต่ Steve Ballmer CEO ของ Microsoft ในขณะนั้นก็โกรธมาก โดยระหว่างที่ Biil กำลังตวาด เค้าก็กดดู Slide ที่ทีมนำมาเสนอไปเรื่อย ๆ พอเห็น Power Point ที่แสดงถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ประเมินมาใหม่แล้วพบว่าสูงมหาศาลติดตัวแดง Steve ก็ตวาดด่าทีมงานต่อหลังจากที่ Bill พักการตวาดไปเพราะเหนื่อย
แล้วนี่ก็กลายเป็นการแท๊กทีม พอ Bill เหนื่อย Steve ก็เข้ามาต่อ พอ Steve เหนื่อย Bill ก็เข้ามาแทน
ความเกรียวกราดนี้ดำเนินไปหลายชั่วโมงจนถึง 1 ทุ่มแล้วก็ยังไม่จบและไม่แทบเปิดโอกาสให้ทีมได้อธิบายเลย
แน่นอนว่ามีการเสนอความเห็นในทำนองแล้วจะยกเลิกโครงการไหมหลังจากเห็นงบค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากขนาดนี้ นี่กลายเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ ความเกรียวกราดดำเนินต่อไปอีกราว ๆ 1 ชั่วโมง (เวลา ณ ตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่มแล้ว)
“Sony
จะมายึดห้องนั่งเล่นแล้ว ด้วยเครื่องเกมคอนโซล แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามันคือคอมพิวเตอร์ แล้วพวกเราจะทำยังไง”
ถึงตรงนี้ก็เกิด MVP ของการประชุมขึ้น โดยรองประธานคนหนึ่งในที่ประชุมซึ่งนั่งเงียบฟังมาโดยตลอดพูดขึ้นมาว่า
“แล้ว Sony ล่ะ”
นี่กลายเป็นคาถาที่ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบกันไปช่วงอึดใจหนึ่ง
“แล้ว Sony ล่ะ”
Bill Gate พึมพำ คิด ทำหน้าหมือนนึกขำอะไรสักอย่าง แล้วมองหน้า Steve Ballmer
Steve Ballmer ก็มองหน้า Bill Gate พูดตอบ “แล้ว Sony ล่ะ”
ความหมายของ “แล้ว Sony ล่ะ” นั้นค่อนข้างกว้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกระตุกให้ฉุกคิดว่า
“ตกลงเราจะปล่อยให้ Sony ชิงตลาดโดยไม่สู้ หรือ จะทุ่มเงินสู้ให้รู้แล้วรู้รอด”
หรือ
“แล้ว Sony ล่ะคิดยังไงกับคอมพิวเตอร์ เมื่อทางโน้นทำเครื่องเกมคอนโซลแล้วบอกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ได้ ทางเราจะทำคอมพิวเตอร์แล้วบอกว่าเป็นเครื่องเกมคอนโซลบ้างไม่ได้รึ”
ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าคนในห้องคิดยังไงกับประโยคนี้กันแน่แต่ผลของมันคือ Bill Gate และ Steve Ballmer ยอมอนุมัติแผนโครงการ
“เราจะอนุมัติแผนตามที่พวกนายเสนอ เราจะให้ทุกอย่างที่พวกนายร้องขอมา ทั้ง 500 ล้านเหรียญค่าการตลาด ทั้งการย้ายไปอาคารใหม่ที่จะไม่มีใครมารบกวน”
ห้องเย็นวัน Valentine จบลงโดยใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 4 ชั่วโมง เหตุการณ์ในวันนั้นถูกเล่าต่อ ๆ กันมาด้วยชื่อว่า Valentine's Day Massacre (สังหารหมู่วันวาเลนไทน์)
Ed Fries หัวหน้าแผนกเกมของ Microsoft ให้ความเห็นว่า “15 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นการประชุมที่พิลึกพิลั่นที่สุด”
บทความตามใจฉัน “Microsoft Xbox: The new Dragon”
Xbox นั้น แรกเริ่มเกิดมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ Microsoft เอง
เรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ Microsoft วางจำหน่ายระบบปฏิบัติการ Windows 95 ในเดือนสิงหาคม 1995 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก อีกทั้งทาง Microsoft ยังได้ส่ง application programming interfaces (API) ชื่อ DirectX สู่ตลาดในวันที่ 30 กันยายน ปีเดียวกัน โดย DirectX นั้นจะทำให้โปรแกรมประเภทมัลติมีเดียสามารถเรียกใช้งานหรือติดต่อกับ Hardware ได้โดยตรงผ่าน DirectX โดยไม่ต้องผ่านระบบปฏิบัติการที่ใช้เวลาและมีกระบวนการมากกว่าหรือผ่านน้อยมาก ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของโปรแกรมมัลติมีเดียต่าง ๆ รวมถึงเกมด้วยเพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งยังพัฒนาโปรแกรมได้สะดวกสบายกว่าเดิม โดยมีเกมของ Microsoft อย่าง Age of Empires ที่ออกในเดือนตุลาคม 1997 เป็นตัวอย่างว่าเกมที่ใช้ DirectX นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร นี่ทำให้ทิศทางการพัฒนาเกมบนเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เกมเริ่มถูกสร้างให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ด้วย DirectX มาตั้งแต่นั้น
เครื่องเกมคอนโซลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของ Microsoft เลยเพราะสินค้าหลักของบริษัทคือระบบปฏิบัติการ Windows และโปรแกรมทำงานอย่าง Microsoft Office เป็นคนละตลาดอย่างสิ้นเชิงและ Microsoft เองก็ไม่คิดที่จะมาเอาดีกับเกมคอมพิวเตอร์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามทาง Microsoft ก็ได้เริ่มมีการพูดคุยเรื่องของเครื่องเกมคอนโซลของตนเองเป็นกาลภายใน วงเล็ก ๆ มาตั้งแต่ปี 1998
ทว่า Microsoft เองก็เริ่มรู้สึกว่าผลประโยชน์ของบริษัทเริ่มถูกคุกคามจากการเปิดตัว PlayStation 2 ในวันที่ 2 เดือนมีนาคม 1999 ซึ่งทาง Sony ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า เครื่องเกมคอนโซลจะกลายมาเป็น Gateway ของความบันเทิงภายในบ้านและจะเข้ามาแทนที่ Computer PC ในที่สุด (เดิมที่ทาง Sony ตั้งใจให้ PS2 ติดตั้งระบบปฏิบัติการของ Computer PC อย่าง Linux ได้ และก็มีคนที่ทดลองติดตั้ง Linux บน PS2 พบว่าติดตั้งได้จริง ๆ )
สำหรับ Microsoft นี่คือลางบอกเหตุว่า Sony สามารถบุกเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของ Microsoft ได้
มันอาจจะเป็นเรื่องขำ ๆ ว่า Sony จะทำได้จริงรึแต่คนที่เคยขำอย่าง SEGA และ Nintendo ตอนนี้กลับขำไม่ออกแล้วและ Microsoft ก็ไม่อยากที่จะมีชะตากรรมร่วมไปอีกคน
ดังนั้น Microsoft จำเป็นต้อง Strikes Back
ก้าวแรกของ Microsoft คือติดต่อกับ SEGA เพื่อโน้มน้าวให้ SEGA ใช้ระบบปฏิบัติการของตนกับเครื่อง Dreamcast
ผลที่ได้คือ Windows CE เวอร์ชั่นพิเศษที่ปรับแต่งสำหรับใช้งานกับ Dreamcast โดยเฉพาะ ในเบื้องต้นทาง SEGA ก็ใช้ Dreamcast ที่ติดตั้ง Windows CE ในฐานะเครื่องสำหรับพัฒนาเกม
(อธิบาย Windows CE คือ Windows ในรูปแบบ Firmware ฝังใน ROM เป็นระบบปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่สุดของระบบ)
แต่สุดท้ายโครงการก็ล่มไปพร้อม ๆ กับ Dreamcast ตรงนี้มีข่าวลือว่าทาง Microsoft ได้แอบศึกษาเทคนิคการสร้างเครื่องเกมคอนโซลจาก SEGA ด้วยโครงการร่วมดังกล่าวเพื่อนำไปสร้างเครื่องเกมของตนเอง แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดในเรื่องนี้
ก้าวต่อมาคือขอเข้าไปมีส่วนร่วมโดยขอเสนอตัวเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมเครื่องมือสำหรับพัฒนาเกม โดยทาง Microsoft ได้เข้าไปติดต่อยื่นข้อเสนอนี้ทั้งกับทาง Sony และ Nintendo ซึ่งถูกปฏิเสธทั้งคู่
นี่จึงนำมาซึ่งมาตรการสุดท้าย สร้างเครื่องเกมคอนโซลมาสู้
การประชุมเพื่อก่อตั้งทีมพัฒนาเครื่องเกมคอนโซล จากเดิมเป็นแค่คุยกันเล่น ๆ กลายมาเป็นโปรเจคอย่างเป็นทางการในที่สุดโดยการประชุมครั้งแรกเริ่มขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 1999 หรือหลังจาก ps2 เปิดตัวได้ 28 วัน ด้วยแนวคิดการแปลงคอมพิวเตอร์ PC มาเป็นเครื่องเกมคอนโซล ปรับปรุงให้ประสิทธิภาพดีขึ้นและติดตั้งใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows รวมถึง DirectX เพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถแปลงเกมลง PC ในภายหลังหรือแปลงเกมจาก PC มาลงเครื่องได้สะดวกและง่ายดาย
โครงการมีชื่อว่า Midway มาจาก Battle of Midway ซึ่งเป็นศึกยุทธนาวีระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดศึกหนึ่งในประวัติศาสตร์ WW2
ในช่วงเริ่มต้นการพัฒนานั้นมีประเด็นการถกเถียงที่น่าสนใจคือ จะติดตั้ง Hard disk ลงในเครื่องหรือไม่
ข้อถกเถียงนี้ทำให้ทีมพัฒนาแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านรวมถึงความต้องการที่จะนำเสนอในบางจุดด้วย
เรื่องนั้นขึ้นไปถึงการประชุมใหญ่ในวันที่ 5 พฤษภาคม 1999 ที่มี Bill Gate และผู้เข้าร่วมอีก 20 คนรับฟัง โดยฝ่ายสนับสนุนนั้นมองว่าการติดตั้ง Hard disk จะทำให้เครื่องมีความแตกต่างและรองรับ Content ใหม่ ๆ เพิ่มได้ผ่าน online ส่วนฝ่ายคัดค้านก็มองว่าการใส่ Hard disk จะทำให้ราคาขายเพิ่มสูงขึ้นจนเกินเพดาน 300 USD ซึ่งเป็นราคาที่จะขายเครื่องได้ดีที่สุด
สุดท้าย Bill Gate ก็ฟันธงจากคำถามของเค้าที่ถามว่าการแปลงเกมจาก PC ลงเครื่องจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดายหรือไม่ ผลคือการออกแบบเครื่องของฝ่ายที่คัดค้านการติดตั้ง Hard disk ทำตรงนี้ได้ดีกว่าเนื่องจากระบบปฏิบัติการของฝั่งนี้อยู่บนรากฐานของ Windows 2000 และมี DirectX ช่วยขณะที่การออกแบบของอีกฝั่งใช้ Windows CE ที่ไม่มี DirectX
นี่ทำให้เครื่องเกมคอนโซลเครื่องแรกของ Microsoft ในตอนแรกจึงตั้งใจที่จะไม่ติดตั้ง Hard disk
เมื่อโปรเจคได้รับการอนุมัติ การพัฒนาต้นแบบของเครื่องเกมก็เริ่มต้นขึ้นโดย Rick Thompson และ Robert J. Bach รับหน้าที่ดูแลการออกแบบโดยซื้อชิ้นส่วนจาก Dell มาสร้าง แผนคือ Microsoft จะออกแบบแล้วร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพื่อว่าจ้างผลิตจำนวนมากให้
ทว่าระหว่างการออกแบบและด้วยคำแนะนำจาก Electronics Art ทีมก็ได้ตรัสรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างผลิตนั้นจะสูงมาก สูงเกินไป และควบคุมไม่ได้ แถมบางครั้งต้องควักเนื้อเพื่อเลี้ยงสายการผลิตอีกด้วย
ดังนั้น หากต้องการสายการผลิตที่ต้นทุนต่ำ น่าเชื่อถือและอยู่ในความควบคุม ทาง Microsoft จะต้องเป็นผู้ผลิตเสียเองถึงจะทำได้ ทำให้ต้องมีต้นทุนในการสร้างสายการผลิตเพิ่มขึ้นมา ตัวเครื่องก็ต้องมีการออกแบบใหม่ให้เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก ค่าออกแบบเพิ่มขึ้นอีก
แน่นอนว่า Bill Gate ย่อมไม่พอใจ
นี่ทำให้โครงการนี้มีชื่อเล่นว่า Coffin Box (กล่องโลงศพ) เพราะเชื่อว่าใครที่มาทำโครงการนี้น่าจะจบลงที่ถูกไล่ออก
แต่จุดที่เป็นปัญหาที่สุดคือระบบปฏิบัติการเองเพราะจะใช้ Windows ไม่ได้ เกมเมอร์ไม่ได้ต้องการ PC ที่มาทำตัวเป็นเกมคอนโซล ระบบปฏิบัติการแม้จะมีรากฐานจาก Windows ได้แต่ต้องสร้างใหม่เกือบหมด เป็น Original OS ที่นอกจากจะเพิ่มต้นทุนเข้าไปอีกยังทำให้ Bill Gate ที่มอง Windows เหมือนลูกรัก เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง หัวเสียสุด ๆ
ทั้งหมดนี้นำไปสู่เหตุการณ์ที่ Bill Gate เรียกประชุมพนักงานอาวุโสของทีมพัฒนารวม 9 คนตอนบ่าย 4 โมงเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2000 วันนั้น Bill เข้าห้องประชุมช้าประมาณ 20 นาที มาถึงก็ตะโกน ด่ากราดทีมในที่ประชุม ทุบโต๊ะอย่างแรง ทุ่มของลงกับพื้น
“This is a ing insult to everything I’ve accomplished at this company.”
“ที่เสนอมานี่โคตรหยามกับทุกสิ่งที่กูทำในบริษัทนี้”
แม้แต่ Steve Ballmer CEO ของ Microsoft ในขณะนั้นก็โกรธมาก โดยระหว่างที่ Biil กำลังตวาด เค้าก็กดดู Slide ที่ทีมนำมาเสนอไปเรื่อย ๆ พอเห็น Power Point ที่แสดงถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ประเมินมาใหม่แล้วพบว่าสูงมหาศาลติดตัวแดง Steve ก็ตวาดด่าทีมงานต่อหลังจากที่ Bill พักการตวาดไปเพราะเหนื่อย
แล้วนี่ก็กลายเป็นการแท๊กทีม พอ Bill เหนื่อย Steve ก็เข้ามาต่อ พอ Steve เหนื่อย Bill ก็เข้ามาแทน
ความเกรียวกราดนี้ดำเนินไปหลายชั่วโมงจนถึง 1 ทุ่มแล้วก็ยังไม่จบและไม่แทบเปิดโอกาสให้ทีมได้อธิบายเลย
แน่นอนว่ามีการเสนอความเห็นในทำนองแล้วจะยกเลิกโครงการไหมหลังจากเห็นงบค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากขนาดนี้ นี่กลายเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ ความเกรียวกราดดำเนินต่อไปอีกราว ๆ 1 ชั่วโมง (เวลา ณ ตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่มแล้ว)
“Sony จะมายึดห้องนั่งเล่นแล้ว ด้วยเครื่องเกมคอนโซล แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามันคือคอมพิวเตอร์ แล้วพวกเราจะทำยังไง”
ถึงตรงนี้ก็เกิด MVP ของการประชุมขึ้น โดยรองประธานคนหนึ่งในที่ประชุมซึ่งนั่งเงียบฟังมาโดยตลอดพูดขึ้นมาว่า
“แล้ว Sony ล่ะ”
นี่กลายเป็นคาถาที่ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบกันไปช่วงอึดใจหนึ่ง
“แล้ว Sony ล่ะ”
Bill Gate พึมพำ คิด ทำหน้าหมือนนึกขำอะไรสักอย่าง แล้วมองหน้า Steve Ballmer
Steve Ballmer ก็มองหน้า Bill Gate พูดตอบ “แล้ว Sony ล่ะ”
ความหมายของ “แล้ว Sony ล่ะ” นั้นค่อนข้างกว้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกระตุกให้ฉุกคิดว่า
“ตกลงเราจะปล่อยให้ Sony ชิงตลาดโดยไม่สู้ หรือ จะทุ่มเงินสู้ให้รู้แล้วรู้รอด”
หรือ
“แล้ว Sony ล่ะคิดยังไงกับคอมพิวเตอร์ เมื่อทางโน้นทำเครื่องเกมคอนโซลแล้วบอกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ได้ ทางเราจะทำคอมพิวเตอร์แล้วบอกว่าเป็นเครื่องเกมคอนโซลบ้างไม่ได้รึ”
ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าคนในห้องคิดยังไงกับประโยคนี้กันแน่แต่ผลของมันคือ Bill Gate และ Steve Ballmer ยอมอนุมัติแผนโครงการ
“เราจะอนุมัติแผนตามที่พวกนายเสนอ เราจะให้ทุกอย่างที่พวกนายร้องขอมา ทั้ง 500 ล้านเหรียญค่าการตลาด ทั้งการย้ายไปอาคารใหม่ที่จะไม่มีใครมารบกวน”
ห้องเย็นวัน Valentine จบลงโดยใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 4 ชั่วโมง เหตุการณ์ในวันนั้นถูกเล่าต่อ ๆ กันมาด้วยชื่อว่า Valentine's Day Massacre (สังหารหมู่วันวาเลนไทน์)
Ed Fries หัวหน้าแผนกเกมของ Microsoft ให้ความเห็นว่า “15 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นการประชุมที่พิลึกพิลั่นที่สุด”