ปัญหาแพลตฟอร์มต่างชาติ ไม่ต้องจ่ายภาษีให้กับประเทศไทย แต่ขนเงินกลับประเทศตัวเองอย่างเปิดเผย ค่าใช้บริการของคนไทยที่จ่ายให้กับแพลตฟอร์มเหล่านั้น ในขณะที่กรมสรรพากรไทยได้แต่มองตาปริบๆ เพราะไม่มีข้อกฏหมายรองรับในการจัดเก็บภาษี แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ได้รับความนิยมจากคนไทยเป็นจำนวนมาก หลายบริษัทเร่งพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม โฆษณา เพลง หนัง เกมส์ และอื่นๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า แพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ ที่ทำธุรกิจในประเทศไทยส่วนใหญ่กอบโกยรายได้จากคนไทยไปเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีแทบจะไม่ได้เลย ในขณะที่แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยคนไทยเองกลับโดนเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และที่สำคัญแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้
ไม่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย และไม่มีกฎหมายควบคุม ทำให้ไม่เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันควบคู่กับการคุ้มครองผู้บริโภค
เดือนๆ หนึ่ง คุณใช้จ่ายเงินให้กับผู้บริการออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างชาติไปคนละกี่บาท ?
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Netflix, Spotify และอื่นๆ และยังไม่รวมไปถึงเกมส์ออนไลน์ที่เด็กๆ นิยมเล่นกันด้วย
แล้วคนไทยทั้งประเทศที่ใช้บริการออนไลน์กับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ แต่กรมสรรพากรไม่มีความสามารถในการจัดเก็บภาษีเข้าประเทศได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเงินให้กับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้มากมายเพียงใด
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ รัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลธุรกิจดิจิทัลทั้งหลายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของ กสทช. จะเข้ามาจัดการอย่างเป็นรูปธรรมกับการเก็บภาษีดิจิทัลกับแพลตฟอร์มต่างชาติที่กำลังทำให้ประเทศไทยขาดดุลย์อย่างมาก
"ทำไมโทรผ่านไลน์ ไม่ต้องจ่ายค่าไลเซนส์
ความล้าหลังของไทย ทำให้บริฦษัทต่างชาติสามารถมาขุดทองโดยไม่จ่ายภาษี
ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้ไลน์มากกว่า AIS + True + DTAC
แต่นักการเมืองไม่กล้าแตะต่างชาติ นี่แหละช่องโหว่"
สุชาณี รุ่งเหมือนพร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"บริษัทต่างชาติ ไลน์ เฟซบุ๊ก ไม่ต้องจ่ายไลเซนส์ ไม่ถูกควบคุมใช้ข้อมูลลูกค้า
กีดกันการค้า ไม่จ่ายภาษี ปล่อยให้มีข้อมูลเท็จ หน่วยงานรัฐกำกับไม่ได้
นักวิชาการ NGO ไม่กล้าพูดถึง
คนไทย 75% ใช้เฟซบุ๊ก 80% ใช้ไลน์ ไม่มีใครบอกว่าผูกขาด"
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"เฟซบุ๊ก ผูกขาดตลาด 72%
หน่วยงานภาครัฐต้องมากำกับ "นักขุดทอง" ต่างชาติที่ไม่จ่ายภาษี
และกลไก AI กีดกันทางการค้าชัดเจน
อยากให้คนเห็นต้องจ่ายเงิน แล้วผู้บริโภคถูกยัดเยียดสินค้าและบริการ"
สารี อ๋องสมหวัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลายประเทศได้พยายามที่จะเก็บภาษีกับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ เช่น รัฐบาลอังกฤษในปี 2015 พบว่า Google เสียภาษีราวๆ 625 ล้านบาท Apple เสียภาษีราวๆ 600 ล้านบาท Amazon เสียภาษีราวๆ 500 ล้านบาท และ Facebook แสบสันเสียภาษีที่ราวๆ 2 แสนบาทเท่านั้น ทั้งๆที่ 4 ยักษ์นี้รวมกันทำรายได้เอาไว้ในประเทศอังกฤษกว่า 1 ล้านล้านบาท
รายได้ที่ประเทศไทยควรจัดเก็บได้ แต่ถูกบริษัทข้ามชาติชั้นนำเหล่านี้ โยกย้ายชื่อบริษัท ที่อยู่ในการออกบิล หรือค่าบริการให้เงินไปอยู่ที่ประเทศปลายทาง ที่มีอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต่ำมาก
รัฐจะจัดเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็คงต้องติดตามกันว่า แล้วผู้บริโภคอาจจะต้องเสียค่าบริการที่สูงขึ้นไปด้วยหรือไม่ ??
หากบริษัทต่างชาติเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีให้ประเทศไทย
เมื่อประเทศไทย เสียเอกราช ให้กับยักษ์ใหญ่ดิจิทัลต่างชาติ
แต่รู้หรือไม่ว่า แพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ ที่ทำธุรกิจในประเทศไทยส่วนใหญ่กอบโกยรายได้จากคนไทยไปเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีแทบจะไม่ได้เลย ในขณะที่แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยคนไทยเองกลับโดนเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และที่สำคัญแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ ไม่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย และไม่มีกฎหมายควบคุม ทำให้ไม่เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันควบคู่กับการคุ้มครองผู้บริโภค
เดือนๆ หนึ่ง คุณใช้จ่ายเงินให้กับผู้บริการออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างชาติไปคนละกี่บาท ?
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Netflix, Spotify และอื่นๆ และยังไม่รวมไปถึงเกมส์ออนไลน์ที่เด็กๆ นิยมเล่นกันด้วย
แล้วคนไทยทั้งประเทศที่ใช้บริการออนไลน์กับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ แต่กรมสรรพากรไม่มีความสามารถในการจัดเก็บภาษีเข้าประเทศได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเงินให้กับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้มากมายเพียงใด
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ รัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลธุรกิจดิจิทัลทั้งหลายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของ กสทช. จะเข้ามาจัดการอย่างเป็นรูปธรรมกับการเก็บภาษีดิจิทัลกับแพลตฟอร์มต่างชาติที่กำลังทำให้ประเทศไทยขาดดุลย์อย่างมาก
หลายประเทศได้พยายามที่จะเก็บภาษีกับแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ เช่น รัฐบาลอังกฤษในปี 2015 พบว่า Google เสียภาษีราวๆ 625 ล้านบาท Apple เสียภาษีราวๆ 600 ล้านบาท Amazon เสียภาษีราวๆ 500 ล้านบาท และ Facebook แสบสันเสียภาษีที่ราวๆ 2 แสนบาทเท่านั้น ทั้งๆที่ 4 ยักษ์นี้รวมกันทำรายได้เอาไว้ในประเทศอังกฤษกว่า 1 ล้านล้านบาท
รายได้ที่ประเทศไทยควรจัดเก็บได้ แต่ถูกบริษัทข้ามชาติชั้นนำเหล่านี้ โยกย้ายชื่อบริษัท ที่อยู่ในการออกบิล หรือค่าบริการให้เงินไปอยู่ที่ประเทศปลายทาง ที่มีอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต่ำมาก