กรณีปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียกับยูเครน เป็นเหตุการณ์เขย่าโลก
นับจากวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามกฤษฎีกาสองฉบับเมื่อวันจันทร์ (21 ก.พ.) เพื่อรับรอง “สาธารณรัฐลูฮันสก์” และ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” เป็นรัฐเอกราช ต่อมาวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ปูตินประกาศ “ปฏิบัติการทางทหาร” ในยูเครน
การติดตามข่าวสารต้องระมัดระวัง เพราะดูข่าวในโซเชียล ทวิตเตอร์ ส่วนมากเอนเอียงไปกับสื่อของโลกตะวันตก ซึ่งก็ควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียอยู่ด้วย
1. ตัวละครที่สหรัฐสนับสนุน ก็จะได้รับการเชิดชู ปั่นกระแส สร้างภาพบวก ถึงขนาดเอาเฟคนิวส์มาปั่นเอง ประธานาธิบดียูเครนคนนี้ อดีตนักแสดงตลก อเมริกาหนุนเต็มที่ และที่ผ่านมาได้ดำเนินนโยบายนำยูเครนเอนเอียงเข้าทางสหรัฐและนาโตเต็มเหนี่ยวแกรัวทวีตทั้งภาษาอังกฤษและยูเครน อ้างว่า ได้ติดต่อกับผู้นำประเทศต่างๆ ว่าเขาสนับสนุนการรบ ปลุกใจเต็มเหนี่ยว โมเมว่าตุรกีห้ามเรือรบรัสเซียผ่านช่องแคบ Dardanelles และ Bosphorus Straits ตามที่ยูเครนร้องขอ ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง !! รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีต้องปฏิเสธข่าวลวงนี้หลายครั้ง ว่าตุรกีไม่สามารถห้ามเรือรบรัสเซียเข้าทะเลดำได้ เพราะจะผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ!!!!
2. กี่ครั้งแล้ว ที่สงครามนอกแผ่นดินสหรัฐ ได้พยายามวาดภาพปีศาจให้ขั้วตรงข้าม อ้างว่าใช้อาวุธเคมี ครอบครองนิวเคลียร์บ้าง ฯลฯ แต่สุดท้ายไม่จริง ล้วนแต่อาศัยเป็นข้ออ้างความชอบธรรมของฝ่ายสหรัฐและพวกแล้วหลังจากนั้น แผ่นดินที่สหรัฐหนุนให้รบ ล้วนแต่ย่อยยับ รอดู ถ้ายูเครนยังปล่อยให้ผู้นำที่เป็นอดีตนักแสดงตลกถูกชี้นำเชิดใช้โดยสหรัฐและพวกต่อไปเรื่อยๆ สภาพบ้านเมืองยูเครนจะเป็นอย่างไร?
3. เพจ Thanong Fanclub ร้อยเรียงที่มาที่ไปของเรื่องอย่างกระชับ น่าสนใจบางตอน ระบุว่า
“...เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ที่รัสเซียแสดงความกังวลใจกับการขยายสมาชิกของนาโต้เข้าไปในยุโรปตะวันออก ซึ่งเคยเป็นเขตที่รัสเซียมีอิทธิลมาก่อนในยุคสงครามเย็นจากภาพกราฟิคจะเห็นได้ว่า นาโต้รวมตัวกันเหมือนฝูงฮาญีน่าเพื่อสร้างวงล้อมรัสเซีย โปแลนด์ กลุ่มประเทศบอลติกและบอลข่านตีจากรัสเซียไปเข้าพวกกับนาโต้ ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือทางทหาร รัสเซียพยายามเจรจากับนาโต้ว่าให้หยุดขยายสมาชิกเพื่อปิดล้อมได้แล้ว ให้หันหน้ามาเจรจาเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ ยุโรปไม่มีพลังงานแต่มีเทคโนโลยีและตลาด ส่วนรัสเซียมีพลังงาน และต้องการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพราะว่าชาวรัสเซียลำบากมามากพอแล้วรัสเซียกับยุโรปสามารถที่เสริมจุดแข็งจุดอ่อนเพื่อพัฒนายุโรปให้เจริญรุ่งเรืองได้ แต่สหรัฐ อังกฤษ และนาโต้ไม่ยอมฟังเสียงปูติน เดินหน้าปิดล้อมรัสเซียไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าถือไพ่เหนือกว่า แถมปล่อยข่าวมาตลอดว่ารัสเซียเป็นภัยต่อความมั่นคงของยุโรป และของโลก ทั้งๆ ที่รัสเซียโดนกลุ่มแองโกลอเมริกันทำลายมาตลอดตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ถ้าจะว่าไปแล้ว รัสเซียโดนนาโต้รุมในสัดส่วน 30 รุม 2 รัสเซียยังมีเบลารุสที่เป็นพันธมิตรทางทหาร เท่านั้นยังไม่พอ นาโต้ต้องการดึงเอายูเครน และจอร์เจียเข้าไปเป็นสมาชิกอีกด้วย ในปี 2014 สหรัฐและอียูร่วมมือกันสนับสนุนการรัฐประหารภายในยูเครนเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองให้หันมาฝักใฝ่สหรัฐและยุโรปในทางทหารและความมั่นคง แทนที่จะอยู่กับรัสเซีย นี้คือฟางเส้นสุดท้าย เพราะว่ายูเครนเป็นเมืองหน้าด่านของรัสเซีย
ปูตินผนวกเอาไครเมียเป็นของรัสเซีย และสนับสนุนข้อเรียกร้องการปกครองตัวเองของเขตดอนบาส ซึ่งมีประชาชนเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่เป็นส่วนมากที่ไม่เห็นด้วยกับเคียฟที่ไปฝักใฝ่กับสหรัฐและอียู เกิดการสู้รบระหว่างกองกำลังของรัฐบาลเคียฟ กับกบฏแบ่งแยกดินแดนดอนบาสส์ตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มีคนเสียชีวิตไป 14,000 คน
รัสเซียพยายามเจรจากับเคียฟให้ดอนบาสมีสิทธิปกครองตัวเองในข้อตกลง Minsk Agreement แต่ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของเคียฟ แต่เคียฟไม่ยอม เพราะแรงยุจากนาโต้ที่ส่งอาวุธที่ทันสมัยให้เคียฟรบกับดอนบาส รัสเซียต้องเข้ามาให้การสนับสนุนดอนบาสเพื่อยันเคียฟเอาไว้
จะเห็นได้ว่า สหรัฐและนาโต้ใช้ยูเครนเพื่อยั่วยุให้รัสเซียก่อสงครามจะได้ตราหน้าว่ารัสเซียบ้าสงคราม และต้องการรุกรานประเทศอื่น จะได้แซงก์ชั่นและโดดเดี่ยวรัสเซีย จุดประสงค์ในท้ายที่สุดจะสกัดไม่ให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเรเซีย
วิกฤตยูเครนรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ปูตินยื่นข้อเสนอความมั่นคงต่อนาโต้ และสหรัฐ โดยมีเนื้อหาคล้ายกัน ปูตินต้องการกรอบความมั่นคงของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัสเซียกับยุโรป และสหรัฐ โดยกรอบความมั่นคงนี้ต้องได้รับการการันตีผ่านสนธิสัญญาที่จะต้องเซ็นร่วมกัน ไม่ใช่ตกลงกันแค่ลมปาก
หัวใจหลักของกรอบความมั่นคงที่ปูตินยื่นเสนอ คือ
1. นาโต้ต้องถอนกำลังทหาร รวมทั้งอาวุธมหาประลัยออกจากประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมนาโต้หลังปี1997 สมาชิกนาโต้กลุ่มนี้หมายถึงยุโรปตะวันออกที่มีโปแลนด์ กลุ่มประเทศบอลติก และกลุ่มประเทศบอลข่าน
2. สหรัฐและรัสเซียจะไม่วางกำลังพลในพื้นที่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของกันและกัน
3. ต้องไม่ส่งเครื่องบินรบ และเรือรบเข้าไปในบริเวณที่เป็นภัยต่ออีกฝ่าย
4. สหรัฐและนาโต้ต้องไม่มีการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในยุโรป
5. นาโต้ต้องไม่รับเอายูเครนและจอร์เจียเป็นสมาชิกเพิ่ม
6. สหรัฐและนาโต้ต้องไม่แทรกแซงในการเมืองของประเทศต่างๆที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต
ข้อเสนอกรอบความมั่นคงที่ปูตินเสนอปรากฏว่าถูกเพิกเฉยโดยสหรัฐ อังกฤษและนาโต้เอาหูทวนลม อ้างว่ารัสเซียไม่มีสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่ายนโยบายเปิดประตูกว้างรับประเทศใดก็ได้เป็นสมาชิก
ตัวตลกย่ามใจว่าได้รับแรงหนุนจากนาโต้ แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะทำสงครามกับดอนบาสเพื่อปราบกบฏแยกดินแดน และจะใช้กำลังทหารเพื่อเอาไครเมียคืนจากรัสเซีย สงครามดอนบาสมีความรุนแรงขึ้น ปูตินไม่ยอมที่จะให้ประชาชนเชื้อสายรัสเซียนถูกฆ่า นั่งอดทนคอยมานานถึง 7 ปี ให้ยูเครนกลับเนื้อกลับใจ แต่ยูเครนดื้อด้าน
ในที่สุดรัสเซียรับรอง Donest และ Luhansk เป็นรัฐอิสระและเมื่อรัฐอิสระทำหนังสือขอร้องให้รัสเซียยกทัพมาช่วยรบกับเคียฟปูตินจึงสั่งโจมตียูเครนแบบสายฟ้าแลบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นหนังม้วนเดียวจบ ภายในเพียงวันเดียวโครงสร้างทางทหารของยูเครนล่มสลาย โดนแฮกโดนบอมบ์ 83 จุดใหญ่ทั่วประเทศ ทำให้ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้รัสเซียได้
สหรัฐ อังกฤษและนาโต้ถึงกับช็อกไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรทางทหาร เพราะว่าปล่อยข่าวมาตลอดว่ารัสเซียจะบุกยูเครน แต่พอรัสเซียโจมตียูเครนจริง กลับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ออกมาตรการแซงก์ชั่นปูตินกับรัสเซียและเล่นข่าวโซเชียล ไม่ได้ส่งทหารมาช่วยยูเครนรบรัสเซีย ปล่อยให้ยูเครนตายเดี่ยว…”
พึงพิจารณา อย่าฟังแต่ข่าวที่สหรัฐและพวกยึดครองพื้นที่และชี้นำปั่นกระแสเต็มเหนี่ยว เพราะในสงครามที่ใช้กำลังอาวุธ อย่าลืมว่า มีสงครามข่าวสารอยู่ด้วย
Cr.สารส้ม
https://www.naewna.com/politic/columnist/50737
เห็นได้ว่า สหรัฐและนาโต้ใช้ยูเครนเพื่อยั่วยุให้รัสเซียก่อสงครามจะได้ตราหน้าว่ารัสเซียบ้าสงคราม
นับจากวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามกฤษฎีกาสองฉบับเมื่อวันจันทร์ (21 ก.พ.) เพื่อรับรอง “สาธารณรัฐลูฮันสก์” และ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” เป็นรัฐเอกราช ต่อมาวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ปูตินประกาศ “ปฏิบัติการทางทหาร” ในยูเครน
การติดตามข่าวสารต้องระมัดระวัง เพราะดูข่าวในโซเชียล ทวิตเตอร์ ส่วนมากเอนเอียงไปกับสื่อของโลกตะวันตก ซึ่งก็ควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียอยู่ด้วย
1. ตัวละครที่สหรัฐสนับสนุน ก็จะได้รับการเชิดชู ปั่นกระแส สร้างภาพบวก ถึงขนาดเอาเฟคนิวส์มาปั่นเอง ประธานาธิบดียูเครนคนนี้ อดีตนักแสดงตลก อเมริกาหนุนเต็มที่ และที่ผ่านมาได้ดำเนินนโยบายนำยูเครนเอนเอียงเข้าทางสหรัฐและนาโตเต็มเหนี่ยวแกรัวทวีตทั้งภาษาอังกฤษและยูเครน อ้างว่า ได้ติดต่อกับผู้นำประเทศต่างๆ ว่าเขาสนับสนุนการรบ ปลุกใจเต็มเหนี่ยว โมเมว่าตุรกีห้ามเรือรบรัสเซียผ่านช่องแคบ Dardanelles และ Bosphorus Straits ตามที่ยูเครนร้องขอ ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง !! รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีต้องปฏิเสธข่าวลวงนี้หลายครั้ง ว่าตุรกีไม่สามารถห้ามเรือรบรัสเซียเข้าทะเลดำได้ เพราะจะผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ!!!!
2. กี่ครั้งแล้ว ที่สงครามนอกแผ่นดินสหรัฐ ได้พยายามวาดภาพปีศาจให้ขั้วตรงข้าม อ้างว่าใช้อาวุธเคมี ครอบครองนิวเคลียร์บ้าง ฯลฯ แต่สุดท้ายไม่จริง ล้วนแต่อาศัยเป็นข้ออ้างความชอบธรรมของฝ่ายสหรัฐและพวกแล้วหลังจากนั้น แผ่นดินที่สหรัฐหนุนให้รบ ล้วนแต่ย่อยยับ รอดู ถ้ายูเครนยังปล่อยให้ผู้นำที่เป็นอดีตนักแสดงตลกถูกชี้นำเชิดใช้โดยสหรัฐและพวกต่อไปเรื่อยๆ สภาพบ้านเมืองยูเครนจะเป็นอย่างไร?
3. เพจ Thanong Fanclub ร้อยเรียงที่มาที่ไปของเรื่องอย่างกระชับ น่าสนใจบางตอน ระบุว่า
“...เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ที่รัสเซียแสดงความกังวลใจกับการขยายสมาชิกของนาโต้เข้าไปในยุโรปตะวันออก ซึ่งเคยเป็นเขตที่รัสเซียมีอิทธิลมาก่อนในยุคสงครามเย็นจากภาพกราฟิคจะเห็นได้ว่า นาโต้รวมตัวกันเหมือนฝูงฮาญีน่าเพื่อสร้างวงล้อมรัสเซีย โปแลนด์ กลุ่มประเทศบอลติกและบอลข่านตีจากรัสเซียไปเข้าพวกกับนาโต้ ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือทางทหาร รัสเซียพยายามเจรจากับนาโต้ว่าให้หยุดขยายสมาชิกเพื่อปิดล้อมได้แล้ว ให้หันหน้ามาเจรจาเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ ยุโรปไม่มีพลังงานแต่มีเทคโนโลยีและตลาด ส่วนรัสเซียมีพลังงาน และต้องการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพราะว่าชาวรัสเซียลำบากมามากพอแล้วรัสเซียกับยุโรปสามารถที่เสริมจุดแข็งจุดอ่อนเพื่อพัฒนายุโรปให้เจริญรุ่งเรืองได้ แต่สหรัฐ อังกฤษ และนาโต้ไม่ยอมฟังเสียงปูติน เดินหน้าปิดล้อมรัสเซียไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าถือไพ่เหนือกว่า แถมปล่อยข่าวมาตลอดว่ารัสเซียเป็นภัยต่อความมั่นคงของยุโรป และของโลก ทั้งๆ ที่รัสเซียโดนกลุ่มแองโกลอเมริกันทำลายมาตลอดตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ถ้าจะว่าไปแล้ว รัสเซียโดนนาโต้รุมในสัดส่วน 30 รุม 2 รัสเซียยังมีเบลารุสที่เป็นพันธมิตรทางทหาร เท่านั้นยังไม่พอ นาโต้ต้องการดึงเอายูเครน และจอร์เจียเข้าไปเป็นสมาชิกอีกด้วย ในปี 2014 สหรัฐและอียูร่วมมือกันสนับสนุนการรัฐประหารภายในยูเครนเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองให้หันมาฝักใฝ่สหรัฐและยุโรปในทางทหารและความมั่นคง แทนที่จะอยู่กับรัสเซีย นี้คือฟางเส้นสุดท้าย เพราะว่ายูเครนเป็นเมืองหน้าด่านของรัสเซีย
ปูตินผนวกเอาไครเมียเป็นของรัสเซีย และสนับสนุนข้อเรียกร้องการปกครองตัวเองของเขตดอนบาส ซึ่งมีประชาชนเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่เป็นส่วนมากที่ไม่เห็นด้วยกับเคียฟที่ไปฝักใฝ่กับสหรัฐและอียู เกิดการสู้รบระหว่างกองกำลังของรัฐบาลเคียฟ กับกบฏแบ่งแยกดินแดนดอนบาสส์ตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มีคนเสียชีวิตไป 14,000 คน
รัสเซียพยายามเจรจากับเคียฟให้ดอนบาสมีสิทธิปกครองตัวเองในข้อตกลง Minsk Agreement แต่ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของเคียฟ แต่เคียฟไม่ยอม เพราะแรงยุจากนาโต้ที่ส่งอาวุธที่ทันสมัยให้เคียฟรบกับดอนบาส รัสเซียต้องเข้ามาให้การสนับสนุนดอนบาสเพื่อยันเคียฟเอาไว้
จะเห็นได้ว่า สหรัฐและนาโต้ใช้ยูเครนเพื่อยั่วยุให้รัสเซียก่อสงครามจะได้ตราหน้าว่ารัสเซียบ้าสงคราม และต้องการรุกรานประเทศอื่น จะได้แซงก์ชั่นและโดดเดี่ยวรัสเซีย จุดประสงค์ในท้ายที่สุดจะสกัดไม่ให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเรเซีย
วิกฤตยูเครนรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ปูตินยื่นข้อเสนอความมั่นคงต่อนาโต้ และสหรัฐ โดยมีเนื้อหาคล้ายกัน ปูตินต้องการกรอบความมั่นคงของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัสเซียกับยุโรป และสหรัฐ โดยกรอบความมั่นคงนี้ต้องได้รับการการันตีผ่านสนธิสัญญาที่จะต้องเซ็นร่วมกัน ไม่ใช่ตกลงกันแค่ลมปาก
หัวใจหลักของกรอบความมั่นคงที่ปูตินยื่นเสนอ คือ
1. นาโต้ต้องถอนกำลังทหาร รวมทั้งอาวุธมหาประลัยออกจากประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมนาโต้หลังปี1997 สมาชิกนาโต้กลุ่มนี้หมายถึงยุโรปตะวันออกที่มีโปแลนด์ กลุ่มประเทศบอลติก และกลุ่มประเทศบอลข่าน
2. สหรัฐและรัสเซียจะไม่วางกำลังพลในพื้นที่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของกันและกัน
3. ต้องไม่ส่งเครื่องบินรบ และเรือรบเข้าไปในบริเวณที่เป็นภัยต่ออีกฝ่าย
4. สหรัฐและนาโต้ต้องไม่มีการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในยุโรป
5. นาโต้ต้องไม่รับเอายูเครนและจอร์เจียเป็นสมาชิกเพิ่ม
6. สหรัฐและนาโต้ต้องไม่แทรกแซงในการเมืองของประเทศต่างๆที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต
ข้อเสนอกรอบความมั่นคงที่ปูตินเสนอปรากฏว่าถูกเพิกเฉยโดยสหรัฐ อังกฤษและนาโต้เอาหูทวนลม อ้างว่ารัสเซียไม่มีสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่ายนโยบายเปิดประตูกว้างรับประเทศใดก็ได้เป็นสมาชิก
ตัวตลกย่ามใจว่าได้รับแรงหนุนจากนาโต้ แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะทำสงครามกับดอนบาสเพื่อปราบกบฏแยกดินแดน และจะใช้กำลังทหารเพื่อเอาไครเมียคืนจากรัสเซีย สงครามดอนบาสมีความรุนแรงขึ้น ปูตินไม่ยอมที่จะให้ประชาชนเชื้อสายรัสเซียนถูกฆ่า นั่งอดทนคอยมานานถึง 7 ปี ให้ยูเครนกลับเนื้อกลับใจ แต่ยูเครนดื้อด้าน
ในที่สุดรัสเซียรับรอง Donest และ Luhansk เป็นรัฐอิสระและเมื่อรัฐอิสระทำหนังสือขอร้องให้รัสเซียยกทัพมาช่วยรบกับเคียฟปูตินจึงสั่งโจมตียูเครนแบบสายฟ้าแลบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นหนังม้วนเดียวจบ ภายในเพียงวันเดียวโครงสร้างทางทหารของยูเครนล่มสลาย โดนแฮกโดนบอมบ์ 83 จุดใหญ่ทั่วประเทศ ทำให้ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้รัสเซียได้
สหรัฐ อังกฤษและนาโต้ถึงกับช็อกไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรทางทหาร เพราะว่าปล่อยข่าวมาตลอดว่ารัสเซียจะบุกยูเครน แต่พอรัสเซียโจมตียูเครนจริง กลับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ออกมาตรการแซงก์ชั่นปูตินกับรัสเซียและเล่นข่าวโซเชียล ไม่ได้ส่งทหารมาช่วยยูเครนรบรัสเซีย ปล่อยให้ยูเครนตายเดี่ยว…”
พึงพิจารณา อย่าฟังแต่ข่าวที่สหรัฐและพวกยึดครองพื้นที่และชี้นำปั่นกระแสเต็มเหนี่ยว เพราะในสงครามที่ใช้กำลังอาวุธ อย่าลืมว่า มีสงครามข่าวสารอยู่ด้วย
Cr.สารส้ม https://www.naewna.com/politic/columnist/50737