คันยุบยิบตามผิวหนัง เรื่องเล็กๆ ที่ควรใส่ใจ

คันยุบยิบตามผิวหนัง เรื่องเล็กๆ ที่ควรใส่ใจ
 
     อาการคันเป็นอาการที่พบได้บ่อย สามารถเกิดขึ้นได้ตามผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย อาจคันเพียงบริเวณเล็กๆ หรือคันทั่วร่างกาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการอื่นๆ  เช่น ผิวแห้ง ผิวแตก เป็นขุย มีผื่นแดง ผื่นนูน หรือตุ่ม แผลพุพอง แม้ว่าการเกาจะช่วยบรรเทาอาการคันได้บ้าง แต่ถ้าเกาต่อเนื่องรุนแรงก็อาจส่งผลให้ผิวหนังระคายเคือง เป็นแผล และติดเชื้อได้ การหาสาเหตุจะช่วยแก้ปัญหาอาการ “คัน” ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด วันนี้พี่หมอจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับกับอาการคันเพิ่มเติมนะครับ 👇🏻
 
สาเหตุ 
อาการคันตามผิวหนังอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ครับ
     · โรคทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ กลาก เกลื้อน เริม  สะเก็ดเงิน หิด หัด อีสุกอีใส ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ภาวะผิวแห้ง โรคผื่นระคายสัมผัส เป็นต้น
     · โรคทางระบบประสาท เช่น โรคเบาหวาน  โรคงูสวัด  โรคเส้นประสาทอักเสบ เป็นต้น
     · โรคหรือภาวะเจ็บป่วยบางชนิด  เช่น โรคตับอักเสบเรื้อรัง ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ  ไตวายเรื้อรัง  โลหิตจาง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง  หรือการมีพยาธิบางชนิดในร่างกาย
     · โรคทางจิตเวช เช่น  โรคซึมเศร้า  โรคย้ำคิดย้ำทำ  
     · ระคายเคืองจากแมลงสัตว์กัดต่อย
     · ระคายเคืองจากภูมิแพ้ เช่น แพ้สารเคมี แพ้สารประกอบในสบู่ ผงซักฟอก และเครื่องสำอาง  
     · ผลจากการใช้ยาบางชนิด เช่น  ยาปฏิชีวนะ  ยากันชัก ยาแก้ปวดบางชนิด 
     · การตั้งครรภ์ อาการคันมักเกิดบริเวณหน้าท้องหรือต้นขา กรณีผู้ป่วยโรคผิวหนัง อาจส่งผลให้อาการคันแย่ลงในช่วงตั้งครรภ์ 
จะเห็นได้ว่าอาการคันมีหลายสาเหตุเลยนะครับ แต่มีอาการคันบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายได้ เช่นอาการต่อไปนี้ครับ
อาการคันที่ควรพบแพทย์ 👨‍⚕️
     · คันทั่วทั้งร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ  
     · อาการคันไม่ดีขึ้นนานกว่า 2 สัปดาห์  
     · คันมากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  
     · พบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด 
     · มีประวัติสัมผัสสารที่อาจทำให้แพ้ เช่น กินอาหารทะเล ยาบางชนิด แมลงสัตว์กัดต่อย และมีอาการคันร่วมกับหายใจไม่สะดวก วูบ หน้ามืด ใจสั่น แน่นหน้าอก
ถ้าเพื่อน ๆ มีอาการดังที่กล่าวมา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องนะครับ
 
การวินิจฉัยและการรักษา 🩺
     การวินิจฉัยภาวะคัน แพทย์จะเริ่มจากการตรวจร่างกายและซักประวัติเพื่อหาสาเหตุและสาเหตุร่วมด้านอื่นๆ ก่อน เช่น การมีผื่นแดงนูนร่วมด้วย จากนั้นอาจมีการส่งตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจภูมิแพ้ผิวหนัง หรือตรวจการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ    
     การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ  ถ้าอาการคันไม่รุนแรง เพื่อน ๆ สามารถดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการคันได้ ดังนี้ครับ
     · กดหรือตบเบาๆ บริเวณที่มีอาการคันแทนการเกา
     · ประคบเย็น บริเวณที่มีอาการคัน 
     · รับประทานยาแก้แพ้  
     · ทายาบรรเทาอาการคัน   
 
การป้องกัน 🛡️
     อย่างที่พี่หมอเสนอไปแล้วว่าภาวะคันอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางสาเหตุสามารถป้องกันได้ และบางสาเหตุเกิดจากผลกระทบของโรคและความเจ็บป่วย ซึ่งต้องพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี  
     สำหรับอาการคันที่ไม่ได้เกิดจากโรคหรือความเจ็บป่วยร้ายแรง อาจป้องกันได้ดังนี้ครับ
    ✅ สังเกตและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการคัน เช่น สารเคมี สบู่หรือผงซักฟอกบางชนิด  
    ✅ ไม่อาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้ง
    ✅ ทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
    ✅ พยายามหลีกเลี่ยงการเกา เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังถลอกหรือเกิดการติดเชื้อ 
    ✅ หากเพื่อน ๆ มีโรคประจำตัว ควรรับประทานยาและปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำ
 
ภาวะคันจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง 
     โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง  (Atopic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังที่พบในผู้ใหญ่ 2-5% และเด็กมากถึง 10-20% ทั่วโลก เป็นภาวะเรื้อรัง โดยมีลักษณะเฉพาะเริ่มจากผิวแห้ง เป็นขุย ระคายเคือง และมักเป็นแผลเป็น แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอจะสามารถปกป้องผิวได้และลดความรุนแรงของอาการได้นะครับ
 
อาการ
     โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง  เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ส่งผลต่อผิวหนังบนใบหน้าและร่างกายของคนทุกวัย ทั้งทารก เด็ก และผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กวัยก่อน 5 ปี และอาจคงอยู่ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ 
     อาการคันจากภาวะผื่นภูมิแพ้ผิวหนังนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยทั่วไปคืออาการผิวแห้ง เป็นขุย และระคายเคือง บางรายอาจมีอาการเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ หรืออาจหายไปหลายปีแล้วกลับมาเป็นอีกก็ได้ครับ
     นอกจากนี้ อาจพบอาการอื่น ๆ ได้อีก ดังนี้ครับ
     · สีผิวเข้มขึ้นหรืออ่อนลงกว่าปกติ
     · ผิวบาง เมื่อเกาจะบวมแดง
     · ผิวเป็นสะเก็ด  หรือตุ่มพองขนาดเล็ก อาจมีการติดเชื้อรอบแผล  
     · คันตามผิวหนัง โดยเฉพาะช่วงกลางคืน
     · ทารกต่ำกว่า 1 ปี มักเป็นผื่นบริเวณแก้ม แขน  ขา  และในบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม  
     · เด็กวัยหัดเดินและก่อนวัยเรียน ส่วนใหญ่มีผื่นขึ้นบริเวณข้อต่อกระดูก เช่น ข้อมือ ข้อศอก หัวเข่า ข้อเท้า รวมถึงอวัยวะเพศ อาจมีลักษณะแข็ง หนา หยาบ และทำให้รู้สึกไม่สบายตัว    
     · เด็กวัยเรียน มักปรากฏผื่นหนาบริเวณข้อศอกและหัวเข่า รวมถึงเปลือกตา ใบหู และศีรษะ มักพบรอยเกา ซึ่งผื่นผิวหนังในช่วงวัยเรียนอาจหายได้เองเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น  
     · ผู้ใหญ่ พบผื่นผิวหนังหลายรูปแบบ อาจเกิดขึ้นเฉพาะส่วนหรือทุกส่วนพร้อมกัน ส่วนใหญ่เป็นผื่นแห้ง หนา และแข็ง 
 
สาเหตุของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
     ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ครับ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด และภูมิแพ้อากาศ โดยมีปัจจัยร่วม เช่น ภูมิต้านทานโรคต่ำ หรือภาวะร่างกายขาดโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนังกักเก็บน้ำ จนเกิดผิวหนังแห้ง แดง คัน ระคายเคือง และทำให้เกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในที่สุด  
     ทั้งนี้ อาการคันและผื่นแดงอาจถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ได้ครับ
     · สารเคมีในโลชั่นหรือสบู่
     · สารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร เชื้อรา และขนสัตว์
     · อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อากาศแห้ง
     · การอาบน้ำร้อน ทำให้ผิวแห้ง คัน และระคายเคือง 
     · อาหารบางชนิด เช่น ไข่ ถั่วลิสง นม เป็นต้น
     · ความเครียด
 
การป้องกันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง 🛡️
    ✅ ทาครีมบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้นผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป  
    ✅ เลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีน้ำหอม (No Perfumed) ไม่ใส่สาร Preservative หรือมีคำว่า No Preservative/For Sensitive Skin
    ✅ เมื่อกลับจากนอกบ้าน ควรอาบน้ำล้างเหงื่อหรือฝุ่นออก เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ 
    ✅ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น  
    ✅ ใส่เสื้อผ้าที่นุ่มสบาย ไม่รัดรูปจนเกินไป  
    ✅ ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ และปิดบริเวณที่เป็นผื่นด้วยผ้าพันแผล  รวมถึงสวมถุงมือก่อนนอน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการเผลอเกาขณะนอนหลับ
    ✅ หลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้อาการแย่ลง
    ✅ ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดอาจส่งผลให้อาการแย่ลง
    ✅ ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นภายในบ้าน
    ✅ หากพบอาการไม่ทุเลาลง  ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับการรักษา  
 
     อาการคันสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การนอน ซึ่งการเกาอาจช่วยบรรเทาอาการคันได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้าเกาอย่างรุนแรงหรือเกาเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง รวมถึงอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพได้ ดังนั้น หากเพื่อน ๆ รู้สึกคันโดยไม่ทราบสาเหตุ และลองแก้ไขเบื้องต้นแล้วแต่ไม่ได้ผล ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรซื้อยารับประทานเองเด็ดขาดนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่