หนูคบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้เราทั้งคู่เรียนจบแล้วและครอบครัวกำลังวางแผนว่าจะหมั้นหมายและหนูจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟนแบบเป็นหลักแหล่ง หนูกับแฟนเลยตกลงกันว่าต่อจากนี้หนูและแฟนจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านเองทั้งหมด (คนละครึ่ง) รวม ๆแล้วค่าใช้จ่ายในบ้านก็จะเป็นพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าwifi ค่าน้ำมันรถ(มอเตอร์ไซค์) ค่าอาหารและของใช้แมว ค่ากับข้าว ค่าของใช้ภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งที่บ้านมีแค่แม่แฟน (พ่อกับแม่ของแฟนเลิกกันนานแล้ว) แต่หนูมาคิดหนักตรงที่ทุกวันนี้แม่ไม่ได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวตัวเองอย่างเดียว แต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้น้องสาว (น้า) ด้วย ซึ่งบ้านของน้าอยู่ติดกันกับบ้านแฟนค่ะ ตอนนี้น้าไม่ได้ทำงานแล้ว มีรายได้แค่ค่าจ้างเลี้ยงหลานของน้าอีกคนน่าจะได้เดือนละไม่ถึงหมื่น น้ามีลูก 2 คน คนโตเรียนจบมีงานทำแล้ว คนเล็กยังไม่จบ (เรียนมหาฯลัย) ซึ่งบางครั้งน้าไม่มีเงินจะให้ลูกคนเล็กกินข้าว ลูกเขาเลยต้องมาขอเงินจากแม่แฟน ไม่ก็ขอจากพี่คนโต ซึ่งก่อนโควิดลูกคนโตของน้าแพลนจะไปเรียนโทที่เมืองนอก แต่ไม่มีเงิน แม่แฟนเลยออกเงินให้ น่าจะ 4-5 แสน จำยอดเงินที่แน่ชัดไม่ได้ wifi ใช้จากบ้านแฟน น้ำดื่มมากรอกจากบ้านแฟนไปกิน บางครั้งเอาถัง ไม่ก็เอาเหยือกมากรอกมอเตอร์ไซค์ยืมของแม่แฟนไปใช้ ขับไปถึงไหนต่อไหน ไปกลับบ้าง ไปค้างคืนบ้าง บางครั้งที่บ้านไม่มีใครอยู่ เขาก็เปิดประตูมานอนตากแอร์กันในบ้าน มาเอาอาหารแมว ทรายแมวจากบ้านแม่ไปใช้ เวลาแม่ แฟน และหนูจะออกไปกินข้าวข้างนอกต้องแอบ ๆ เขาไป ไม่งั้นเขาจะงอน เพราะไม่ชวน แต่ถึงไปด้วยกันแม่แฟนก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ทีแรกหนูไม่คิดอะไรมาก แต่สังเกตมาตั้งแต่คบกับแฟนแรก ๆ แต่ตอนนี้หนูจะเข้ามาอยู่ในบ้านแฟน จะมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายร่วมกันแล้ว หนูเองก็รู้สึกตงิดใจที่ต้องมีน้าและคนในบ้านของน้ามาใช้อะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ซึ่งน้าไม่ยอมทำงาน หาเงินเอง มีช่วงหนึ่งเคยเปิดร้านขายกับข้าว แม่แฟนและแฟนหนูก็ต้องไปช่วย โดยที่ไม่ได้มีส่วนแบ่ง ถ้าวันไหนไม่ช่วยก็จะโดนงอน แต่เปิดได้ไม่ถึง 3 เดือนก็หยุด แม่แฟนชวนมาทำงานด้วยกัน ก็ไม่ทำ ถ้าเขาลำบากหนูก็พอช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่แบบนี้ไม่น่าเรียกลำบาก น่าจะเรียกเห็นแก่ตัว ตอนนี้ได้คุยกับแฟนไปบ้างแล้ว แต่แฟนเป็นคนใจดี ใจอ่อน และไม่ค่อยโต้ตอบใคร กลัวว่ามันจะเป็นปัญหาเรื้อรังไปจนแก่ ควรทำยังไงดีคะ