จขกท. เป็นคนภาคอีสานค่ะ
เมื่อก่อนญาติเจ็บไข้ได้ป่วย จะเชิญพราหมณ์มาทำกระทงสะเดาะเคราะห์ให้ที่บ้าน
และบังเอิญว่าครั้งนั้น ตอนที่ จขกท. เป็นเด็กอยู่
เลยโดนถูกถามแบบหว่านแห ว่า มีไฝ ขี้แมงวัน หรือปานในที่ลับ ตั้งแต่ใต้ราวนมมามั้ย
เนื่องจากการมีตำหนิ พวกไฝ ขี้แมงวัน หรือปาน ในบริเวณดังกล่าวข้างต้น
พราหมณ์เล่าว่า จะส่งผลให้รักง่ายหน่ายเร็ว มีคนเข้ามาให้รักพอเอาเข้าจริงๆก็มีเหตุให้เลิกรา หรือ
อาจจะทำให้คนรัก หรือบุตรในอนาคต พลักพรากล้มหายตายจากกันในอนาคตค่ะ
ซึ่งแน่นอนว่า ใน 100 คน ถ้าถามแบบนี้ โอกาสจะเจอสักเกินครึ่งนึงมันมีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ
และแม่ จขกท. เอง ดันเป็นคนที่เชื่อจนปักใจมากๆ เลยเชื่อตั้งแต่นั้นมาว่าพอโตแล้วถ้ามีโอกาสจะให้พราหมณ์คนที่เคยทักทำพิธีแก้ให้ค่ะ
สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มันมีเหตุการณ์ที่ จขกท. มีเหตุให้ต้องเลิกรากับแฟนบ่อยมากๆ แม่เลยเก็บเอาเรื่องนี้มาพูดอีกค่ะ
และเป็นเหตุให้เกิดการคะยั้นคะยอให้ไปทำพิธี ซึ่ง จขกท. เคยพูดกับแม่ตรงๆแล้ว แต่แม่ไม่รับฟังค่ะ และยังคงคะยั้นคะยอต่อ
เลยทำให้ตกลงไปเพราะอยากให้มันจบๆ
แต่เมื่อถึงคราวประกอบพิธีเราไม่ทราบมาก่อนค่ะว่าขั้นตอนเป็นยังไง
มีวิธีการยังไง มีการถูกเนื้อต้องตัว สัมผัสจุดที่ไม่ควรสัมผัมมั้ย เพราะพราหมณ์รุ่นราวคราวคุณตา เป็นคนดำเนินการทั้งหมดค่ะ
และไม่ได้บอกอะไรเลย ก่อนจะเริ่มพิธีเราจำได้ว่าแม่เป็นคนถามแล้วว่า ต้องเปิดตำหนิให้ดูมั้ย
พราหณ์ก็ไม่ได้ตอบค่ะ พูดไปเรื่องอื่น
สิ่งแรกที่ทำให้เริ่มตะหงิดใจคือ เขาใช้ใบต้นรำเพย มาปัดเป่าให้ โดยไล่ลากยาวมาตั้งแต่ ศีรษะ-คอ-หน้าอก-ใต้ราวนม-ไปจนถึงเท้าค่ะ
ทำอยู่ข้างละ 3 รอบ ซึ่งครั้งที่ 2-3 ของฝั่งแรกที่ทำ จากที่จับตรงก้านยาวๆของใบไม้เพื่อปัดเป่า
ตอนนี้เริ่มขยับมาที่ใบไม้ และเริ่มมีบริเวณนิ้วมือมาสัมผัสกับหน้าอกเราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นเราชักสีหน้าและมองไปที่แม่แล้วว่าไม่โอเค แต่แม่เราก็ยังนั่งนิ่งเฉยอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ
อาจจะเพราะแม่นั่งอยู่ด้านหลังเรา เลยมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อมาพิธียังไม่จบค่ะ มีการนำมือหยิบข้าวเหนียวมาใช้ปัดเป่าต่อ ทำอยู่ข้างละ 3 รอบ
และมากกว่านั้นคือ ตรงช่วงที่ผ่านหน้าอกคือ ใช้มือที่หยิบข้าวเหนียวอยู่ ลากยาวบนหน้าอกและยัด พร้อมดันที่ใต้ราวนมขึ้นมา
แบบที่ไม่ใช่แค่ข้าวเหนียวที่โดนหน้าอกเราค่ะ แต่คือนิ้วมือที่หยิบข้าวเหนียว ดันแบบสุดแรง
เราแบบเห้ยไม่ใช่ละ คือตอนนั้นตกใจมากๆ พยายามเอามือผลักออก แต่ไม่เป็นผลค่ะ ถูกผลักมือออกเพื่อที่จะทำต่อ
เราเลยมองหน้าแบบชักสีหน้า แต่รู้มั้ยคะ พราหมณ์แจ้นไปให้เหตุผลกับแม่ว่า มันต้องปัดเป่าออกให้หมดเพราะบางทีมันซ่อนอยู่ใต้ราวนม
แล้วเขาก็ทำต่อจนครบ ในหัวตอนนั้นคือสับสนไปหมด ทำไมแม่ถึงไม่สั่งให้หยุด
*ปล. ขณะที่ทำสวมเสื้ออยู่ค่ะ
และยังมีต่ออีก ทีนี้คือ ให้นั่งเผชิญหน้ากัน
อยู่ๆ บอกเราว่าให้รื้อดึงเสื้อขึ้น เราก็ฮะ ไม่ได้ทำทันทีนะคะ คืองงอยู่ว่าทำไมต้องเปิดให้ดู ถึงจะเป็นอยู่ที่หน้าท้องแต่มันคือใต้ร่มผ้า
แต่แม่เราก็คะยั้นคะยออีกบอกว่า เปิดให้พรามหณ์ดูตำแหน่งให้ เราดันไปเชื่อแม่เลยเปิด
แต่พอเปิดแล้วไม่จบค่ะ พราหมณ์บอกว่าให้รื้อขึ้นอีกถึงหน้าอก เราจนร้องฮะ แบบตกใจ
พร้อมกับทำสีหน้างงบวกกับไม่พอใจ คือทำไมต้องเปิดให้ดู แม่เราก็คะยั้นคะยออีกเราก็เปิด
แต่ด้านในคือสวมเสื้อชั้นในอยู่นะคะ
พราหมณ์ก็เอาปากกาเคมีมาเขียน น่าจะสัญลักษณ์ อุณาโลม
บริเวณตำหนิที่ท้อง กับมาเขียนตรงกลางอก
แต่ยังไม่จบ
พราหมณ์บอกว่าให้เปิดเสื้อให้เห็น nippl*e (ฝั่งที่มีตำหนิ) คือแบบเราชะงัก คือทำไมต้องขนาดนั้น มันมากเกินไปแล้ว
เขาบอกว่ามันอาจจะมีอยู่ที่ใต้ราวนม
เราแบบหน้าเหวอมาก แม่เราก็ยังไม่ห้ามให้หยุดนะคะ ยังคะยั้นคะยอต่อ
เราเลยแค่เปิดแค่ด้านใต้จริงๆ แต่เปล่าประโยชน์คะ สุดท้ายคือก็ต้องเปิดจนถึงจุดนั้น
และแม่เรายังมาช่วยจับมือเราในการรื้อเสื้อ
คือตอนนั้นทั้งสับสน ทั้งงงไปหมด ทำไมแม่เราถึงงมงายขนาดนั้น
และไม่คิดที่จะพิทักษ์สิทธิ์ของเราเลย จุดที่ไม่ควรสัมผัส ไม่ควรเปิดเผย แต่ทำไมยังอือๆนอๆไปตามที่เขาบอก
ทั้งๆที่สีหน้าเรา และท่าทางเราไม่ได้โอเคกับสิ่งที่อยากให้ทำมากๆ
แต่ยังให้ทำและสนับสนุนไปกับเขาอีก
ตอนนี้คือเราเสียใจมากๆ และเราได้นำเรื่องราวแต่ไม่ได้ละเอียดขนาดในพันทิป ไปเตือนเป็นอุทาหรณ์ในเฟส
เกี่ยวกับความเชื่อโบราณที่เสี่ยงจะถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ
สรุปคือพ่อเราเห็นโพสนั้น เเละนำไปให้แม่เราดูค่ะ และแม่มาบอกเราว่าให้ลบออก เรายิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมอีก
ตั้งแต่เสร็จพิธีมาจนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้ยินคำขอโทษหรือแสดงว่ายอมรับผิดจากแม่เราเลยค่ะ
และพอเราพูดเปิดใจเรื่องที่อัดอั้นระหว่างทางกลับบ้าน เรากลับได้ยินแต่คำว่าไม่เป็นไรหรอกและเขาเข้าข้างฝั่งนั้น
และพูดเปลี่ยนเรื่องอื่น โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกเราเลยค่ะ ตอนนี้คือเรารู้สึกแย่มากๆ และร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้จะผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ยังไง
18+ มีใครเคยประกอบพิธี "แก้ซวง" (หญิงที่มีไฝ ขี้แมงวัน ปาน ใต้ราวนมลงมา) มั้ยคะ เรามาขอระบายสิ่งที่อัดอั้นค่ะ
เมื่อก่อนญาติเจ็บไข้ได้ป่วย จะเชิญพราหมณ์มาทำกระทงสะเดาะเคราะห์ให้ที่บ้าน
และบังเอิญว่าครั้งนั้น ตอนที่ จขกท. เป็นเด็กอยู่
เลยโดนถูกถามแบบหว่านแห ว่า มีไฝ ขี้แมงวัน หรือปานในที่ลับ ตั้งแต่ใต้ราวนมมามั้ย
เนื่องจากการมีตำหนิ พวกไฝ ขี้แมงวัน หรือปาน ในบริเวณดังกล่าวข้างต้น
พราหมณ์เล่าว่า จะส่งผลให้รักง่ายหน่ายเร็ว มีคนเข้ามาให้รักพอเอาเข้าจริงๆก็มีเหตุให้เลิกรา หรือ
อาจจะทำให้คนรัก หรือบุตรในอนาคต พลักพรากล้มหายตายจากกันในอนาคตค่ะ
ซึ่งแน่นอนว่า ใน 100 คน ถ้าถามแบบนี้ โอกาสจะเจอสักเกินครึ่งนึงมันมีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ
และแม่ จขกท. เอง ดันเป็นคนที่เชื่อจนปักใจมากๆ เลยเชื่อตั้งแต่นั้นมาว่าพอโตแล้วถ้ามีโอกาสจะให้พราหมณ์คนที่เคยทักทำพิธีแก้ให้ค่ะ
สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มันมีเหตุการณ์ที่ จขกท. มีเหตุให้ต้องเลิกรากับแฟนบ่อยมากๆ แม่เลยเก็บเอาเรื่องนี้มาพูดอีกค่ะ
และเป็นเหตุให้เกิดการคะยั้นคะยอให้ไปทำพิธี ซึ่ง จขกท. เคยพูดกับแม่ตรงๆแล้ว แต่แม่ไม่รับฟังค่ะ และยังคงคะยั้นคะยอต่อ
เลยทำให้ตกลงไปเพราะอยากให้มันจบๆ
แต่เมื่อถึงคราวประกอบพิธีเราไม่ทราบมาก่อนค่ะว่าขั้นตอนเป็นยังไง
มีวิธีการยังไง มีการถูกเนื้อต้องตัว สัมผัสจุดที่ไม่ควรสัมผัมมั้ย เพราะพราหมณ์รุ่นราวคราวคุณตา เป็นคนดำเนินการทั้งหมดค่ะ
และไม่ได้บอกอะไรเลย ก่อนจะเริ่มพิธีเราจำได้ว่าแม่เป็นคนถามแล้วว่า ต้องเปิดตำหนิให้ดูมั้ย
พราหณ์ก็ไม่ได้ตอบค่ะ พูดไปเรื่องอื่น
สิ่งแรกที่ทำให้เริ่มตะหงิดใจคือ เขาใช้ใบต้นรำเพย มาปัดเป่าให้ โดยไล่ลากยาวมาตั้งแต่ ศีรษะ-คอ-หน้าอก-ใต้ราวนม-ไปจนถึงเท้าค่ะ
ทำอยู่ข้างละ 3 รอบ ซึ่งครั้งที่ 2-3 ของฝั่งแรกที่ทำ จากที่จับตรงก้านยาวๆของใบไม้เพื่อปัดเป่า
ตอนนี้เริ่มขยับมาที่ใบไม้ และเริ่มมีบริเวณนิ้วมือมาสัมผัสกับหน้าอกเราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นเราชักสีหน้าและมองไปที่แม่แล้วว่าไม่โอเค แต่แม่เราก็ยังนั่งนิ่งเฉยอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ
อาจจะเพราะแม่นั่งอยู่ด้านหลังเรา เลยมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อมาพิธียังไม่จบค่ะ มีการนำมือหยิบข้าวเหนียวมาใช้ปัดเป่าต่อ ทำอยู่ข้างละ 3 รอบ
และมากกว่านั้นคือ ตรงช่วงที่ผ่านหน้าอกคือ ใช้มือที่หยิบข้าวเหนียวอยู่ ลากยาวบนหน้าอกและยัด พร้อมดันที่ใต้ราวนมขึ้นมา
แบบที่ไม่ใช่แค่ข้าวเหนียวที่โดนหน้าอกเราค่ะ แต่คือนิ้วมือที่หยิบข้าวเหนียว ดันแบบสุดแรง
เราแบบเห้ยไม่ใช่ละ คือตอนนั้นตกใจมากๆ พยายามเอามือผลักออก แต่ไม่เป็นผลค่ะ ถูกผลักมือออกเพื่อที่จะทำต่อ
เราเลยมองหน้าแบบชักสีหน้า แต่รู้มั้ยคะ พราหมณ์แจ้นไปให้เหตุผลกับแม่ว่า มันต้องปัดเป่าออกให้หมดเพราะบางทีมันซ่อนอยู่ใต้ราวนม
แล้วเขาก็ทำต่อจนครบ ในหัวตอนนั้นคือสับสนไปหมด ทำไมแม่ถึงไม่สั่งให้หยุด
*ปล. ขณะที่ทำสวมเสื้ออยู่ค่ะ
และยังมีต่ออีก ทีนี้คือ ให้นั่งเผชิญหน้ากัน
อยู่ๆ บอกเราว่าให้รื้อดึงเสื้อขึ้น เราก็ฮะ ไม่ได้ทำทันทีนะคะ คืองงอยู่ว่าทำไมต้องเปิดให้ดู ถึงจะเป็นอยู่ที่หน้าท้องแต่มันคือใต้ร่มผ้า
แต่แม่เราก็คะยั้นคะยออีกบอกว่า เปิดให้พรามหณ์ดูตำแหน่งให้ เราดันไปเชื่อแม่เลยเปิด
แต่พอเปิดแล้วไม่จบค่ะ พราหมณ์บอกว่าให้รื้อขึ้นอีกถึงหน้าอก เราจนร้องฮะ แบบตกใจ
พร้อมกับทำสีหน้างงบวกกับไม่พอใจ คือทำไมต้องเปิดให้ดู แม่เราก็คะยั้นคะยออีกเราก็เปิด
แต่ด้านในคือสวมเสื้อชั้นในอยู่นะคะ
พราหมณ์ก็เอาปากกาเคมีมาเขียน น่าจะสัญลักษณ์ อุณาโลม
บริเวณตำหนิที่ท้อง กับมาเขียนตรงกลางอก
แต่ยังไม่จบ
พราหมณ์บอกว่าให้เปิดเสื้อให้เห็น nippl*e (ฝั่งที่มีตำหนิ) คือแบบเราชะงัก คือทำไมต้องขนาดนั้น มันมากเกินไปแล้ว
เขาบอกว่ามันอาจจะมีอยู่ที่ใต้ราวนม
เราแบบหน้าเหวอมาก แม่เราก็ยังไม่ห้ามให้หยุดนะคะ ยังคะยั้นคะยอต่อ
เราเลยแค่เปิดแค่ด้านใต้จริงๆ แต่เปล่าประโยชน์คะ สุดท้ายคือก็ต้องเปิดจนถึงจุดนั้น
และแม่เรายังมาช่วยจับมือเราในการรื้อเสื้อ
คือตอนนั้นทั้งสับสน ทั้งงงไปหมด ทำไมแม่เราถึงงมงายขนาดนั้น
และไม่คิดที่จะพิทักษ์สิทธิ์ของเราเลย จุดที่ไม่ควรสัมผัส ไม่ควรเปิดเผย แต่ทำไมยังอือๆนอๆไปตามที่เขาบอก
ทั้งๆที่สีหน้าเรา และท่าทางเราไม่ได้โอเคกับสิ่งที่อยากให้ทำมากๆ
แต่ยังให้ทำและสนับสนุนไปกับเขาอีก
ตอนนี้คือเราเสียใจมากๆ และเราได้นำเรื่องราวแต่ไม่ได้ละเอียดขนาดในพันทิป ไปเตือนเป็นอุทาหรณ์ในเฟส
เกี่ยวกับความเชื่อโบราณที่เสี่ยงจะถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ
สรุปคือพ่อเราเห็นโพสนั้น เเละนำไปให้แม่เราดูค่ะ และแม่มาบอกเราว่าให้ลบออก เรายิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมอีก
ตั้งแต่เสร็จพิธีมาจนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้ยินคำขอโทษหรือแสดงว่ายอมรับผิดจากแม่เราเลยค่ะ
และพอเราพูดเปิดใจเรื่องที่อัดอั้นระหว่างทางกลับบ้าน เรากลับได้ยินแต่คำว่าไม่เป็นไรหรอกและเขาเข้าข้างฝั่งนั้น
และพูดเปลี่ยนเรื่องอื่น โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกเราเลยค่ะ ตอนนี้คือเรารู้สึกแย่มากๆ และร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้จะผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ยังไง