สื่อไทยในต่างแดนแฉพฤติกรรมลูกบิ๊กการเมืองไทยเคยมีข่าวฉาวในอังกฤษ
https://www.nationtv.tv/news/378870040
สื่อไทยในต่างประเทศแฉพฤติกรรมลูกบิ๊กการเมืองไทยสมัยพำนักเมืองนอก ก่อเหตุฉาวมาแล้ว 2 ครั้งแต่เรื่องเงียบ ขณะที่แหล่งข่าวชี้เรื่องเกิดสมัยเรียนจบแล้ว ส่วนซีกการเมืองมองหวังผลเลือกตั้งผู้ว่ากทม
14 เมษายน 2565 กลายเป็นประเด็นที่บรรดาคอการเมืองต่างหันมาโฟกัส หลัง ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ถึงประเด็นหญิงสาววัย 18 ปี อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจากรองหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรชายของนักการเมืองดัง อีกทั้ง ยังมีชื่อเสียงระดับโลก โดยเตรียมแจ้งความดำเนินคดีนั้น
โดย "
ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ตรวจสอบพบว่า เมื่อปี ค.ศ.2003 ได้มีสื่อไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ รายงานพฤติกรรมของบุตรชายนักการเมืองดังของประเทศไทย เหตุเกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งข่าวอ้างว่าลูกชายนักการเมืองดังรายนี้ พาหญิงสาววัย 18 ปี ไม่ระบุสัญชาติ ขึ้นห้องพักในแฟลตส่วนตัวย่านลอนดอนตะวันตก และอีกแห่งในย่านเวสต์มินสเตอร์ ก่อนมีข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศตามมา
อย่างไรก็ดี ข่าวนี้มีเพียงรายงานในสื่อสังคมออนไลน์ของคนไทยในประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่ปรากฏเป็นข่าวในประเทศไทย หรือสื่อกระแสหลักในอังกฤษแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ข่าวยังระบุว่า บิดาของผู้ถูกกล่าวหา เป็นนักการเมืองใหญ่ของไทย มีตำแหน่งในรัฐบาลในอดีต และโด่งดังมากในองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากเคยรับตำแหน่งสำคัญในองค์กรระหว่างประเทศ ส่วนกรณีการกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศของลูกชายนักการเมืองรายนี้ สมัยพำนักอยู่ในอังกฤษนั้น เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง กับหญิงไม่ระบุสัญชาติ อายุ 27 ปี กับ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซึ่งเป็นนักเรียนอังกฤษ และคนไทยที่เคยพำนักอยู่ในอังกฤษช่วงปี 2003 ให้ข้อมูลกับ "
เนชั่นทีวี" ว่า ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหา ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ร่วมรัฐบาล
ส่วนที่ทนาย
ษิทรา ระบุว่า เรียนไม่จบนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนักการเมืองหนุ่มรายนี้ เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ ส่วนเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหา เกิดขึ้นช่วงที่ทำงานในบริษัทวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ
แต่ก็มีข่าวอีกกระแสหนึ่งว่า เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องการเมือง เพราะกำลังมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยพรรคการเมืองของรองหัวหน้าพรรครายนี้ ก็ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย ขณะที่ตัวรองหัวหน้าพรรครายนี้ ยืนยันกับคนใกล้ชิดและผู้สื่อข่าวที่ติดต่อเข้าไปว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง และเขาพร้อมชี้แจง แต่ยังไม่มีการแถลงข่าวในขณะนี้
ภรรยาไฮโซแจ้งความ ‘รอง หน.พรรค’ ลวงไปขืนใจ แฉผู้ก่อเหตุพูดเชิงโอ้อวดให้ยำเกรง
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3289702
ทนายตั้มพาภรรยาไฮโซแจ้งความเอาผิด รอง หน.พรรคการเมืองใหญ่ หลังถูกลวงไปข่มขืนอีกราย
จากกรณีที่ นาย
ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก
ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุถึงกรณีมีผู้เสียหายถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งทำการลวนลามโดยไม่สมยอม โดยหลอกลวงว่าจะพาผู้เสียหายไปพูดคุยเรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่กลับพูดคุยเรื่องเพศ เรื่องลามกอนาจาร รวมถึงก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับหญิงไทย อายุ 18 ปี 2 คน ในประเทศอังกฤษ โดยมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 14 เมษายน ที่ สน.ลุมพินี นาง
ซี (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ภรรยาของไฮโซรายหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.
พงศักดิ์ การรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าวเพิ่มเติม
นาง
ซีเปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อต้นปี 2564 โดยผู้ก่อเหตุได้นัดตนคุยเรื่องงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าของ ผู้ก่อเหตุบอกตนว่ามีออฟฟิศอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 3 เมื่อตนเข้าไปก็ถูกผู้ก่อเหตุข่มขืน ซี่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนไม่สามารถสู้แรงได้
นาง
ซีกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเพิ่งเสียน้องชายไปและเพิ่งเลิกรากับแฟนที่วางแผนจะแต่งงานกัน จึงอยากเริ่มอะไรใหม่ๆ ผู้ก่อเหตุก็เข้ามาหลอกล่อเรื่องธุรกิจ ให้ลองมาพูดคุยกัน โดยบอกว่าตนมีศักยภาพ สาเหตุที่ตนหลงเชื่อ เป็นเพราะได้พบกันในงานรวมตัวของนักธุรกิจ
นาง
ซีกล่าวต่อว่า การที่ตนเปิดเผยตัวตนในวันนี้ เพื่อให้เหยื่อรายอื่นกล้าที่จะออกมา ช่วงแรกรู้สึกว่าตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเยอะจึงต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากผู้ก่อเหตุไม่มีเส้นสายตนก็คงไปแจ้งความตั้งแต่แรกแล้ว โดยหลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุไม่มีการข่มขู่ แต่ได้พูดเชิงโอ้อวดให้ตนรู้สึกยำเกรง
ต่อมาเวลา 19.20 น. นาย
ที (นามสมมุติ) คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายวัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยาน
นาย
ทีเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมออกมาเรียกให้ตนเข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟาย ร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนจะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ อย่างไรก็ตาม การออกมาเป็นพยานของตนก็รู้สึกกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัย แต่เนื่องจากสงสารผู้เสียหาย และตนเห็นว่าเป็นเพศแม่ จึงตัดสินใจออกมาให้ปากคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 เมษายน) นาย
ษิทราจะเปิดเผยหลักฐานที่ สน.ลุมพินี แต่ไม่ระบุว่าเวลาใด บอกเพียงให้คอยติดตามความเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง
ซีอีโอ พร็อพเพอร์ตี้ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาก รัฐบาลอยู่นาน ทำคนไม่มีหวัง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3289006
‘บิ๊กอสังหา’ ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาก ชี้รัฐบาลอยู่นาน ทำให้คนไม่มีความหวัง
นาย
ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส2 ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังเผชิญกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูครน ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าราคาแพง และรัฐบาลไม่มีมาตรการอะไรออกมาชัดเจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะกรุงเทพฯที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศ
“รัฐต้องใช้มาตรการการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยนำเม็ดเงินใหม่ๆปล่อยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ให้ธุรกิจรายกลางรายย่อยมีเงินหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่อง ให้เกิดการจ้างงาน ให้คนมีงานทำ เพราะปัจจุบันคนว่างงานจำนวนมาก น่าจะได้ผลกว่าการที่รัฐกู้เงินมาแจกผ่านโครงการคนละครึ่ง”
นายศ
านิตกล่าว
นาย
ศานิตยังเสนอแนะว่า ต้องมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากการที่รัฐบาลอยู่นานไป ทำให้คนไม่มีความหวัง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่มีมาตรการที่ออกมาแล้วมาช่วยแก้ปัญหาได้จริงและจะเริ่มยากขึ้นในการใช้เงิน ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคโควิด-19 และจากการที่นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา
ห้างจำกัดการซื้อน้ำมันปาล์ม-ซอสปรุงรส
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_322991/
ห้างยังมีสินค้าวางขายตามปกติของไม่ขาดแต่จำกัดการซื้อ เนื้อหมูกก.ละ 181 บาท น้ำมันปาล์มขวดละ 67 บาท ไข่ไก่คละถาด 118 บาท
จากการสำรวจการจำหน่ายสินค้าภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ย่านลาดพร้าว หลังจากมีกระแสข่าวการปรับขึ้นราคาในส่วนของซอสปรุงรส สินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ แต่ทางกรมการค้าภายในได้ออกมาย้ำว่ายังไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นราคานั้น พบว่า สินค้าซอสปรุงรสต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ยังคงมีวางจำหน่ายในปริมาณปกติ แต่ทางห้างได้มีการปิดป้ายจำกัดปริมาณการซื้อ ทั้งนี้เพื่อให้กระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึงไม่มีการซื้อไปกักตุน
โดยน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมีราคาตั้งแต่ขวดละ 61-65 บาท จำกัดการซื้อ 6 ชิ้น น้ำมันถั่วเหลืองราคาขวดละ63-67 บาท จำกัดซื้อ 3 ขวด ผลิตภัณฑ์ปรุงรสต่างๆ มีการจำกัดไม่เกินครอบครัวละ 6 ชิ้น ไข่ไก่คละมีการจัดโปรโมชั่นราคาถาดละ 118 บาท มะนาวใบละ 8 บาท สะโพกและน่องไก่ราคากก.ละ 78 บาท อกไก่ กก.ละ 88 บาท ไก่ติดสะโพกกก.ละ 77 บาท หมูเนื้อแดง กก.ละ 181 บาท หมูสามชั้น กก.ละ 199 บาท และ สันคอหมูกก.ละ 236 บาท
JJNY : 5in1 แฉพฤติกรรมลูกบิ๊ก│ภรรยาไฮโซแจ้งความ│ซีอีโอประเมินศก.ฟื้นยาก│ห้างจำกัดการซื้อน้ำมันปาล์ม-ซอส│4ชาติเยือนเคียฟ
https://www.nationtv.tv/news/378870040
สื่อไทยในต่างประเทศแฉพฤติกรรมลูกบิ๊กการเมืองไทยสมัยพำนักเมืองนอก ก่อเหตุฉาวมาแล้ว 2 ครั้งแต่เรื่องเงียบ ขณะที่แหล่งข่าวชี้เรื่องเกิดสมัยเรียนจบแล้ว ส่วนซีกการเมืองมองหวังผลเลือกตั้งผู้ว่ากทม
14 เมษายน 2565 กลายเป็นประเด็นที่บรรดาคอการเมืองต่างหันมาโฟกัส หลัง ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ถึงประเด็นหญิงสาววัย 18 ปี อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจากรองหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรชายของนักการเมืองดัง อีกทั้ง ยังมีชื่อเสียงระดับโลก โดยเตรียมแจ้งความดำเนินคดีนั้น
โดย "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ตรวจสอบพบว่า เมื่อปี ค.ศ.2003 ได้มีสื่อไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ รายงานพฤติกรรมของบุตรชายนักการเมืองดังของประเทศไทย เหตุเกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งข่าวอ้างว่าลูกชายนักการเมืองดังรายนี้ พาหญิงสาววัย 18 ปี ไม่ระบุสัญชาติ ขึ้นห้องพักในแฟลตส่วนตัวย่านลอนดอนตะวันตก และอีกแห่งในย่านเวสต์มินสเตอร์ ก่อนมีข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศตามมา
อย่างไรก็ดี ข่าวนี้มีเพียงรายงานในสื่อสังคมออนไลน์ของคนไทยในประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่ปรากฏเป็นข่าวในประเทศไทย หรือสื่อกระแสหลักในอังกฤษแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ข่าวยังระบุว่า บิดาของผู้ถูกกล่าวหา เป็นนักการเมืองใหญ่ของไทย มีตำแหน่งในรัฐบาลในอดีต และโด่งดังมากในองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากเคยรับตำแหน่งสำคัญในองค์กรระหว่างประเทศ ส่วนกรณีการกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศของลูกชายนักการเมืองรายนี้ สมัยพำนักอยู่ในอังกฤษนั้น เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง กับหญิงไม่ระบุสัญชาติ อายุ 27 ปี กับ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซึ่งเป็นนักเรียนอังกฤษ และคนไทยที่เคยพำนักอยู่ในอังกฤษช่วงปี 2003 ให้ข้อมูลกับ "เนชั่นทีวี" ว่า ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหา ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ร่วมรัฐบาล
ส่วนที่ทนายษิทรา ระบุว่า เรียนไม่จบนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนักการเมืองหนุ่มรายนี้ เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ ส่วนเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหา เกิดขึ้นช่วงที่ทำงานในบริษัทวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ
แต่ก็มีข่าวอีกกระแสหนึ่งว่า เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องการเมือง เพราะกำลังมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยพรรคการเมืองของรองหัวหน้าพรรครายนี้ ก็ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย ขณะที่ตัวรองหัวหน้าพรรครายนี้ ยืนยันกับคนใกล้ชิดและผู้สื่อข่าวที่ติดต่อเข้าไปว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง และเขาพร้อมชี้แจง แต่ยังไม่มีการแถลงข่าวในขณะนี้
ภรรยาไฮโซแจ้งความ ‘รอง หน.พรรค’ ลวงไปขืนใจ แฉผู้ก่อเหตุพูดเชิงโอ้อวดให้ยำเกรง
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3289702
ทนายตั้มพาภรรยาไฮโซแจ้งความเอาผิด รอง หน.พรรคการเมืองใหญ่ หลังถูกลวงไปข่มขืนอีกราย
จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุถึงกรณีมีผู้เสียหายถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งทำการลวนลามโดยไม่สมยอม โดยหลอกลวงว่าจะพาผู้เสียหายไปพูดคุยเรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่กลับพูดคุยเรื่องเพศ เรื่องลามกอนาจาร รวมถึงก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับหญิงไทย อายุ 18 ปี 2 คน ในประเทศอังกฤษ โดยมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 14 เมษายน ที่ สน.ลุมพินี นางซี (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ภรรยาของไฮโซรายหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงศักดิ์ การรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าวเพิ่มเติม
นางซีเปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อต้นปี 2564 โดยผู้ก่อเหตุได้นัดตนคุยเรื่องงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าของ ผู้ก่อเหตุบอกตนว่ามีออฟฟิศอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 3 เมื่อตนเข้าไปก็ถูกผู้ก่อเหตุข่มขืน ซี่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนไม่สามารถสู้แรงได้
นางซีกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเพิ่งเสียน้องชายไปและเพิ่งเลิกรากับแฟนที่วางแผนจะแต่งงานกัน จึงอยากเริ่มอะไรใหม่ๆ ผู้ก่อเหตุก็เข้ามาหลอกล่อเรื่องธุรกิจ ให้ลองมาพูดคุยกัน โดยบอกว่าตนมีศักยภาพ สาเหตุที่ตนหลงเชื่อ เป็นเพราะได้พบกันในงานรวมตัวของนักธุรกิจ
นางซีกล่าวต่อว่า การที่ตนเปิดเผยตัวตนในวันนี้ เพื่อให้เหยื่อรายอื่นกล้าที่จะออกมา ช่วงแรกรู้สึกว่าตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเยอะจึงต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากผู้ก่อเหตุไม่มีเส้นสายตนก็คงไปแจ้งความตั้งแต่แรกแล้ว โดยหลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุไม่มีการข่มขู่ แต่ได้พูดเชิงโอ้อวดให้ตนรู้สึกยำเกรง
ต่อมาเวลา 19.20 น. นายที (นามสมมุติ) คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายวัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยาน
นายทีเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมออกมาเรียกให้ตนเข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟาย ร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนจะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ อย่างไรก็ตาม การออกมาเป็นพยานของตนก็รู้สึกกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัย แต่เนื่องจากสงสารผู้เสียหาย และตนเห็นว่าเป็นเพศแม่ จึงตัดสินใจออกมาให้ปากคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 เมษายน) นายษิทราจะเปิดเผยหลักฐานที่ สน.ลุมพินี แต่ไม่ระบุว่าเวลาใด บอกเพียงให้คอยติดตามความเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง
ซีอีโอ พร็อพเพอร์ตี้ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาก รัฐบาลอยู่นาน ทำคนไม่มีหวัง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3289006
‘บิ๊กอสังหา’ ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาก ชี้รัฐบาลอยู่นาน ทำให้คนไม่มีความหวัง
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส2 ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังเผชิญกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูครน ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าราคาแพง และรัฐบาลไม่มีมาตรการอะไรออกมาชัดเจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะกรุงเทพฯที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศ
“รัฐต้องใช้มาตรการการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยนำเม็ดเงินใหม่ๆปล่อยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ให้ธุรกิจรายกลางรายย่อยมีเงินหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่อง ให้เกิดการจ้างงาน ให้คนมีงานทำ เพราะปัจจุบันคนว่างงานจำนวนมาก น่าจะได้ผลกว่าการที่รัฐกู้เงินมาแจกผ่านโครงการคนละครึ่ง”
นายศานิตกล่าว
นายศานิตยังเสนอแนะว่า ต้องมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากการที่รัฐบาลอยู่นานไป ทำให้คนไม่มีความหวัง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่มีมาตรการที่ออกมาแล้วมาช่วยแก้ปัญหาได้จริงและจะเริ่มยากขึ้นในการใช้เงิน ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคโควิด-19 และจากการที่นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา
ห้างจำกัดการซื้อน้ำมันปาล์ม-ซอสปรุงรส
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_322991/
ห้างยังมีสินค้าวางขายตามปกติของไม่ขาดแต่จำกัดการซื้อ เนื้อหมูกก.ละ 181 บาท น้ำมันปาล์มขวดละ 67 บาท ไข่ไก่คละถาด 118 บาท
จากการสำรวจการจำหน่ายสินค้าภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ย่านลาดพร้าว หลังจากมีกระแสข่าวการปรับขึ้นราคาในส่วนของซอสปรุงรส สินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ แต่ทางกรมการค้าภายในได้ออกมาย้ำว่ายังไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นราคานั้น พบว่า สินค้าซอสปรุงรสต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ยังคงมีวางจำหน่ายในปริมาณปกติ แต่ทางห้างได้มีการปิดป้ายจำกัดปริมาณการซื้อ ทั้งนี้เพื่อให้กระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึงไม่มีการซื้อไปกักตุน
โดยน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมีราคาตั้งแต่ขวดละ 61-65 บาท จำกัดการซื้อ 6 ชิ้น น้ำมันถั่วเหลืองราคาขวดละ63-67 บาท จำกัดซื้อ 3 ขวด ผลิตภัณฑ์ปรุงรสต่างๆ มีการจำกัดไม่เกินครอบครัวละ 6 ชิ้น ไข่ไก่คละมีการจัดโปรโมชั่นราคาถาดละ 118 บาท มะนาวใบละ 8 บาท สะโพกและน่องไก่ราคากก.ละ 78 บาท อกไก่ กก.ละ 88 บาท ไก่ติดสะโพกกก.ละ 77 บาท หมูเนื้อแดง กก.ละ 181 บาท หมูสามชั้น กก.ละ 199 บาท และ สันคอหมูกก.ละ 236 บาท