ในวันที่เเม่จากไปเเล้ว มีวิธีรับมือกับความรู้สึกอยางไรครับ ปล.บวชเป็นเณรเพราะเเม่ที่สถานะทางบ้านไม่สามารถส่งเรียนได้

กระทู้คำถาม
นี่ก็ผ่านไป3เดือนแล้ว ที่แม่เสียชีวิต  ยังหยุดคิดถึงท่านไม่ได้สักที มันวนเวียนมาในหัวตลอด ผมเป็นลูกคนเดียวครับครอบครัวมี 3 คนรวมตัวผม จบป.6 ได้บวชเรียนจนถึงม.5 โดยก่อนจะบวชเรียนเเม่ได้ป่วยเป็นโรคไตครับ ฟอกไตผ่านทางช่องท้อง เเละช่วงม.5 เเม่ได้ล้มป่วยบ่อยเพราะเเผลติดเชื้อเเละเข้ารับการนอนโรงพยาบาลบ่อย จนมาถึง 18 มกราคม 2565 เเม่ได้ทรุดอย่างหนักจนกระทั่ง ไม่มีเเรง พูดเริ่มไม่เป็นคำ คือผมอยู่วัดเเละได้รับข่าวจากทางญาติ จนมาวันที่ 24 มกราคา 2565 เเม่ได้มีอาการไม่รู้สึกตัว เเละได้รับข่าวมาเเว่วๆว่าเเม่ได้สั่งเสียก่อนเเล้วว่าก่อนเเม่จะเสียขอหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ผมกับพ่อเเละญาติได้พยามจะขอไปดูใจเป็นครั้งสุดท้ายเเต่หมอก็ไม่ยอมให้เข้าเนื่องจากสถานการ์ณโควิค เเละจนสุดท้ายก็ได้เข้าเพราะหมอเห็นใจว่าเป็นสามเณร เเละได้เข้าไปเจอเเม่ที่นอน หายใจอย่างเดียวเเละไม่รู้สึกตัว เเละพี่ผุ้ชายเตียงข้างๆได้มาบอกว่า ได้ยินหมอบอกพ่อของเณรว่าเเม่คงไม่รอด เพราะเเม่ไม่รู้สึกตัวเเล้วผมก็เลยคุยกับพ่อเเละญาติจะขอเเม่ไปบ้าน เพราะด้วยอาการอยู๋ไปก็รักษาไม่ได้ เเละมานอนบ้านวันที่24 เเละได้เเต่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัว กินอะไรไมาได้เลย ทางวัดผมก็อณุญาติให้ไปนอนบ้านเพื่อดูใจเเม่   จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 วันนี้ผมไปโรงเรียน จนมีสายโทรศัพย์ หนึ่งโทรเข้ามาผมก็รับเเละเสียงที่ได้ยินคือเสียงของน้าที่พูดว่า เณรทำใจนะเเม่จากไปเเล้ว คำนี้ทำน้ำตาไหลย้อยเลยคือเข้าใจจะครับว่าทุกคนเกิดมาต้องจากกันเป็นธรรมดา เเต่ด้วยความรักที่เเม่มีให้ตลอดถึง ความรักความผูกพันธ์ที่เเม่มีให้ เเละวันวันนี้ 13 เมษายน 2565 ไร้คำว่า กินข้าวยัง หิวไหมลูก มาเที่ยวบ้านจะกินอะไรไหม เเละผมไม่กล้าที่จะอธิบายหรือระบายให้ใครฟังได้เเต่เเอบร้องไห้  .  ปล.เป็นลูกคนเดียวครับ แต่สนิทกับแม่มาก มีเรื่องหรือปัญหาอะไรจะเล่าให้แม่ก่อน แม่เป็นทุกอย่างในชีวิต เเม่เป็นห่วงผมมากด้วยพ่อเป็นคนการศึกษาไม่สูงมาก เเม่กลัวว่าเมื่อไม่มีเเม่ ผมจะใช้ชีวิตต่อไปอยางไร ตลอดตลอดการพิมพ์ของผมน้ำตาไม่เคยหยุดไหล ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบมา ณ ที่นี้ด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่