คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
นิกายหลักของศาสนาคริสต์ที่ทั่วโลกยอมรับมี 3 นิกาย ได้แก่
1. โรมันคาทอลิก (Roman Catholic) หรือเรียกชื่อย่อว่า "คาทอลิก" มีนักบวช สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าวัด
เช่น วัดพระมหาไถ่ วัดพระแม่มหาการุณย์ วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ เป็นต้น มักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์มีรูปเคารพ เช่น รูปปั้นหรือภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระจิต" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง" หรือ "คาทอลิก"
ในบางครั้งจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐผ่านทางพระแม่มารีหรือนักบุญต่างๆ
2. ออร์ทอดอกซ์ (Orthodox) เป็นนิกายที่เก่าแก่เท่ากับนิกายคาทอลิก มีนักบวช และมักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ภายในโบสถ์จะมีรูปเคารพ เช่น ภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ นิกายนี้แพร่หลายในประเทศรัสเซีย
ในเมืองไทยเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว
3. โปรเตสแตนต์ (Protestant) แยกตัวออกมาจากนิกายคาทอลิก เป็นนิกายเดียวที่ไม่มีนักบวช (ยกเว้นคณะแองกลิกัน)
เวลาประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำอาจแต่งกายด้วยชุดคลุมสวมทับชุดปกติ สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าคริสตจักร
เช่น คริสตจักรสะพานเหลือง คริสตจักรสร้างสรรค์กรุงเทพ คริสตจักรใจสมาน เป็นต้น อาคารคริสตจักร (โบสถ์)
มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบธรรมดาโดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัย หรือแบบหรูหราสง่างามก็มี โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบอาคาร
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ไม่มีรูปเคารพ นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือ
นิกายนี้ว่า "คริสเตียน"
ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน
แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน
นั่นคือ พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้
ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ" โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์ และจะนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์
คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล
1. อิสยาห์ 55:6-7
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้ จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง
2. มัทธิว 11:28-30 พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและมีภาระหนักจงมาหาเรา แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม แล้วจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเรารับภาระของท่านได้ทุกอย่าง และภาระของเราก็เบา
***ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์ โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า
หลักความเชื่อของศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ในเบื้องต้น
1. เรียบง่าย มีพิธีกรรมเพียงเล็กน้อย เช่น พิธีมหาสนิทในวันอาทิตย์ โดยรับประทานขนมปังและน้ำองุ่น เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าผู้ประเสริฐ
ที่พระองค์ได้ไถ่บาปให้แก่เรา โดยพระองค์ได้เปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม เมื่อเราตายไปแล้ว เราก็จะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
และพิธีบัพติศมา โดยจุ่มตัวลงในน้ำหรือพรมด้วยน้ำ สำหรับผู้เชื่อใหม่ที่มีจิตวิญญาณเข้มแข็งแล้ว เป็นการประกาศตัวต่อหน้าพี่น้องในคริสตจักร
ว่าตนเองมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตในทางชอบธรรมของพระเจ้า และมีความวางใจให้พระเยซูคริสต์มานำชีวิตตน
2. รับประทานอาหารได้ทุกอย่างที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี หากรับประทานเพียงคนเดียวก็สามารถรับประทานอาหารได้ทุกอย่าง
3. ไม่มีรูปเคารพ มีเพียงไม้กางเขนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้นึกถึงพระเยซูคริสต์ จากการที่พระองค์ยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์
และไม่กราบไหว้บูชารูปเคารพทุกชนิด เช่น รูปปั้น ภาพวาด วัตถุสิ่งของ สัตว์ ต้นไม้ และคนตาย เป็นต้น (ไหว้พระสงฆ์ได้ แต่ไม่กราบ)
โดยเชื่อตามคัมภีร์ไบเบิลที่บันทึกไว้ว่า พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงห้ามมนุษย์สร้างและนับถือรูปเคารพ ดังนี้
(1) อพยพ 20:4-5 (เป็นข้อหนึ่งในบัญญัติ 10 ประการ)
ห้ามสร้างรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน
ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน
ให้โทษของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน
(2) เลวีนิติ 19:4
อย่าหันไปนับถือรูปเคารพ และห้ามหล่อรูปเคารพไว้สำหรับตน เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
(3) 1 ยอห์น 5:21
ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงระวังรักษาตัว อย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ
4. ไม่มีนักบวช ไม่นับถือนักบุญต่างๆ และไม่นับถือพระแม่มารี โดยมองว่าเป็นสุภาพสตรีที่มีความประพฤติดีมาก และเป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
โดยเชื่อว่านักบุญต่างๆ และพระแม่มารี เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์ใดๆทั้งสิ้น และวิญญาณของพวกท่านกำลังพักสงบ
อยู่ในแดนมรณา เพื่อรอวันพิพากษาในวาระสุดท้ายของโลกเหมือนกับคนทั่วไป
5. ไม่มีการสวดมนต์ หรือสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า
6. อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า (พระเยซูคริสต์) แต่เพียงผู้เดียว ได้ทั้งเป็นการส่วนตัวและขอในที่ประชุม (ทุกสถานที่ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
โดยปกติคริสเตียนจะอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นประจำทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาเช้า แต่มีคริสเตียนบางคนอธิษฐานตอนก่อนนอนเพิ่มเติมด้วย
7. สารภาพบาปเป็นการส่วนตัวกับพระเจ้า (พระเยซูคริสต์) ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ และไม่มีคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญคือ จะต้องสำนึกผิดที่ได้ทำบาปมา และเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง มิฉะนั้นแล้วพระเจ้าจะไม่ยกโทษบาปให้
8. ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยตนเองและจากการเรียนที่คริสตจักร ส่วนใหญ่เป็นเวลาเช้าก่อนนมัสการพระเจ้า
9. นมัสการพระเจ้าด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ โดยมีเนื้อเพลงภาษาไทย และส่วนใหญ่จะฉายโปรเจ็คเตอร์ประกอบ
10. เสริมสร้างจิตวิญญาณให้เติบโตและเข้มแข็ง ด้วยการฟังคำเทศนาจากผู้รับใช้พระเจ้า
11. หากมีเวลาน้อย ก็ใช้เวลาที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ประมาณ 2 ชั่วโมง (โดยทั่วไป 10.00-12.00 น.) ส่วนช่วงบ่ายส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมกลุ่มย่อย
12. พิธีศพเลือกได้ทั้งฝังหรือเผา หากญาติพี่น้องนับถือศาสนาพุทธจะทำพิธีแบบพุทธก็ได้ เนื่องจากเราได้ตายไปแล้ว จึงไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
13. ข้อนี้สำคัญมาก มีหลายคนไม่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนก็มีสาเหตุมาจากข้อนี้ คือ การถวายเงินให้คริสตจักรเพื่อนำไปใช้จ่ายในงานของพระเจ้า
โดยในคัมภีร์ไบเบิลมีหลายตอนได้ระบุให้คริสเตียนถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้ จึงกลายเป็นหน้าที่ของคริสเตียนที่จะต้องทำ
หากไม่ทำก็ถือว่าไม่ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนคริสเตียนไม่แพร่หลายมากเท่าที่ควร
ผมจึงเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นภาระหนักสำหรับคริสเตียน จนกระทั่งเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
***ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ดูท่าทีในการถวายเงิน มากกว่าดูจำนวนเงินที่ถวาย***
ดังนั้นถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้ด้วยความศรัทธา ก็ถือว่าผู้นั้นได้กระทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
แต่ถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักรไม่ถึง 1 ใน 10 ของรายได้ แต่ถวายด้วยความศรัทธาและเต็มกำลังแล้ว ก็ถือว่าผู้นั้นเป็นคริสเตียนที่ดีเช่นกัน
การถวายเงินให้คริสตจักร เป็นการถวายโดยไม่ระบุชื่อและจำนวนเงิน เช่น ใส่ถุงถวายที่ส่งต่อกันมาในขณะที่นั่งประชุม และใส่ตู้รับถวาย เป็นต้น
14. ศรัทธาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ และวางใจพระองค์ ดังนี้
(1) ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ ชึ่งสรุปเป็นข้อเดียวคือ รักทุกคน ประกอบด้วย ช่วยเหลือคนอื่น เสียสละให้แก่คนอื่น
ยอมให้คนอื่นทำไม่ดีต่อเราได้ และให้อภัยแก่คนที่ทำไม่ดีต่อเรา
(2) ทำตามน้ำพระทัย (พระประสงค์) ของพระเจ้าผู้ประเสริฐ โดยเชื่อว่าน้ำพระทัยของพระองค์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
15. ผู้ที่ต้องการรับเชื่อพระเจ้าผู้ประเสริฐเพื่อเป็นคริสเตียน จะต้องกระทำดังนี้ (ต่อหน้าคริสเตียนอย่างน้อย 1 คน เพื่อเป็นพยานในการรับเชื่อ)
(1) สำนึกผิดและยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป (มนุษย์ได้ทำบาปมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยเริ่มตั้งแต่มีการสำนึกในความดีและความชั่ว)
(2) ต้องการหลุดพ้นจากการเป็นคนบาป (มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนบาปได้ด้วยตนเอง)
(3) ขอให้พระเจ้าผู้ประเสริฐยกโทษบาปทั้งหมดให้แก่เรา แล้วพระองค์ก็จะยกโทษบาปและชำระบาปทั้งหมดให้แก่เรา
และเปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม แล้วพระองค์จะรับเราเป็นลูกของพระองค์
(4) ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามานำชีวิตของเรา เราก็จะเป็นคริสเตียนอย่างสมบูรณ์ แล้วพระเยซูคริสต์จะช่วยนำชีวิตเราให้ดีที่สุด
หากเรารักษาความชอบธรรมไว้จนถึงวันตาย พระองค์จะรับเราไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิงค์นี้ครับ https://www.ireadbible.org หรือสั่งซื้อได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย และร้านหนังสือคริสเตียน
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
(1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
(2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)
สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อน เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน ประกอบด้วยหนังสือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น (โดยอ่านหลายๆ รอบก่อน แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์ (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")
สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อได้ที่ สมาคมพระคริสตธรรมไทย โทร 02 279 8341-4 https://thai.bible/
หรือค้นหาได้จาก https://tuthai.org/directory/area/ และ https://www.christiansiam.com/Church/Church.html
*****คริสตจักรของพระเจ้าผู้ประเสริฐ ยินดีต้อนรับทุกท่าน*****
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36545170/comment1
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
1. โรมันคาทอลิก (Roman Catholic) หรือเรียกชื่อย่อว่า "คาทอลิก" มีนักบวช สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าวัด
เช่น วัดพระมหาไถ่ วัดพระแม่มหาการุณย์ วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ เป็นต้น มักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์มีรูปเคารพ เช่น รูปปั้นหรือภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระจิต" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง" หรือ "คาทอลิก"
ในบางครั้งจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐผ่านทางพระแม่มารีหรือนักบุญต่างๆ
2. ออร์ทอดอกซ์ (Orthodox) เป็นนิกายที่เก่าแก่เท่ากับนิกายคาทอลิก มีนักบวช และมักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ภายในโบสถ์จะมีรูปเคารพ เช่น ภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ นิกายนี้แพร่หลายในประเทศรัสเซีย
ในเมืองไทยเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว
3. โปรเตสแตนต์ (Protestant) แยกตัวออกมาจากนิกายคาทอลิก เป็นนิกายเดียวที่ไม่มีนักบวช (ยกเว้นคณะแองกลิกัน)
เวลาประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำอาจแต่งกายด้วยชุดคลุมสวมทับชุดปกติ สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าคริสตจักร
เช่น คริสตจักรสะพานเหลือง คริสตจักรสร้างสรรค์กรุงเทพ คริสตจักรใจสมาน เป็นต้น อาคารคริสตจักร (โบสถ์)
มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบธรรมดาโดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัย หรือแบบหรูหราสง่างามก็มี โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบอาคาร
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ไม่มีรูปเคารพ นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือ
นิกายนี้ว่า "คริสเตียน"
ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน
แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน
นั่นคือ พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้
ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ" โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์ และจะนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์
คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล
1. อิสยาห์ 55:6-7
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้ จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง
2. มัทธิว 11:28-30 พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและมีภาระหนักจงมาหาเรา แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม แล้วจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเรารับภาระของท่านได้ทุกอย่าง และภาระของเราก็เบา
***ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์ โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า
หลักความเชื่อของศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ในเบื้องต้น
1. เรียบง่าย มีพิธีกรรมเพียงเล็กน้อย เช่น พิธีมหาสนิทในวันอาทิตย์ โดยรับประทานขนมปังและน้ำองุ่น เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าผู้ประเสริฐ
ที่พระองค์ได้ไถ่บาปให้แก่เรา โดยพระองค์ได้เปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม เมื่อเราตายไปแล้ว เราก็จะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
และพิธีบัพติศมา โดยจุ่มตัวลงในน้ำหรือพรมด้วยน้ำ สำหรับผู้เชื่อใหม่ที่มีจิตวิญญาณเข้มแข็งแล้ว เป็นการประกาศตัวต่อหน้าพี่น้องในคริสตจักร
ว่าตนเองมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตในทางชอบธรรมของพระเจ้า และมีความวางใจให้พระเยซูคริสต์มานำชีวิตตน
2. รับประทานอาหารได้ทุกอย่างที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี หากรับประทานเพียงคนเดียวก็สามารถรับประทานอาหารได้ทุกอย่าง
3. ไม่มีรูปเคารพ มีเพียงไม้กางเขนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้นึกถึงพระเยซูคริสต์ จากการที่พระองค์ยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์
และไม่กราบไหว้บูชารูปเคารพทุกชนิด เช่น รูปปั้น ภาพวาด วัตถุสิ่งของ สัตว์ ต้นไม้ และคนตาย เป็นต้น (ไหว้พระสงฆ์ได้ แต่ไม่กราบ)
โดยเชื่อตามคัมภีร์ไบเบิลที่บันทึกไว้ว่า พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงห้ามมนุษย์สร้างและนับถือรูปเคารพ ดังนี้
(1) อพยพ 20:4-5 (เป็นข้อหนึ่งในบัญญัติ 10 ประการ)
ห้ามสร้างรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน
ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน
ให้โทษของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน
(2) เลวีนิติ 19:4
อย่าหันไปนับถือรูปเคารพ และห้ามหล่อรูปเคารพไว้สำหรับตน เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
(3) 1 ยอห์น 5:21
ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงระวังรักษาตัว อย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ
4. ไม่มีนักบวช ไม่นับถือนักบุญต่างๆ และไม่นับถือพระแม่มารี โดยมองว่าเป็นสุภาพสตรีที่มีความประพฤติดีมาก และเป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
โดยเชื่อว่านักบุญต่างๆ และพระแม่มารี เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์ใดๆทั้งสิ้น และวิญญาณของพวกท่านกำลังพักสงบ
อยู่ในแดนมรณา เพื่อรอวันพิพากษาในวาระสุดท้ายของโลกเหมือนกับคนทั่วไป
5. ไม่มีการสวดมนต์ หรือสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า
6. อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า (พระเยซูคริสต์) แต่เพียงผู้เดียว ได้ทั้งเป็นการส่วนตัวและขอในที่ประชุม (ทุกสถานที่ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
โดยปกติคริสเตียนจะอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นประจำทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาเช้า แต่มีคริสเตียนบางคนอธิษฐานตอนก่อนนอนเพิ่มเติมด้วย
7. สารภาพบาปเป็นการส่วนตัวกับพระเจ้า (พระเยซูคริสต์) ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ และไม่มีคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญคือ จะต้องสำนึกผิดที่ได้ทำบาปมา และเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง มิฉะนั้นแล้วพระเจ้าจะไม่ยกโทษบาปให้
8. ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยตนเองและจากการเรียนที่คริสตจักร ส่วนใหญ่เป็นเวลาเช้าก่อนนมัสการพระเจ้า
9. นมัสการพระเจ้าด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ โดยมีเนื้อเพลงภาษาไทย และส่วนใหญ่จะฉายโปรเจ็คเตอร์ประกอบ
10. เสริมสร้างจิตวิญญาณให้เติบโตและเข้มแข็ง ด้วยการฟังคำเทศนาจากผู้รับใช้พระเจ้า
11. หากมีเวลาน้อย ก็ใช้เวลาที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ประมาณ 2 ชั่วโมง (โดยทั่วไป 10.00-12.00 น.) ส่วนช่วงบ่ายส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมกลุ่มย่อย
12. พิธีศพเลือกได้ทั้งฝังหรือเผา หากญาติพี่น้องนับถือศาสนาพุทธจะทำพิธีแบบพุทธก็ได้ เนื่องจากเราได้ตายไปแล้ว จึงไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
13. ข้อนี้สำคัญมาก มีหลายคนไม่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนก็มีสาเหตุมาจากข้อนี้ คือ การถวายเงินให้คริสตจักรเพื่อนำไปใช้จ่ายในงานของพระเจ้า
โดยในคัมภีร์ไบเบิลมีหลายตอนได้ระบุให้คริสเตียนถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้ จึงกลายเป็นหน้าที่ของคริสเตียนที่จะต้องทำ
หากไม่ทำก็ถือว่าไม่ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนคริสเตียนไม่แพร่หลายมากเท่าที่ควร
ผมจึงเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นภาระหนักสำหรับคริสเตียน จนกระทั่งเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
***ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ดูท่าทีในการถวายเงิน มากกว่าดูจำนวนเงินที่ถวาย***
ดังนั้นถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้ด้วยความศรัทธา ก็ถือว่าผู้นั้นได้กระทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
แต่ถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักรไม่ถึง 1 ใน 10 ของรายได้ แต่ถวายด้วยความศรัทธาและเต็มกำลังแล้ว ก็ถือว่าผู้นั้นเป็นคริสเตียนที่ดีเช่นกัน
การถวายเงินให้คริสตจักร เป็นการถวายโดยไม่ระบุชื่อและจำนวนเงิน เช่น ใส่ถุงถวายที่ส่งต่อกันมาในขณะที่นั่งประชุม และใส่ตู้รับถวาย เป็นต้น
14. ศรัทธาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ และวางใจพระองค์ ดังนี้
(1) ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ ชึ่งสรุปเป็นข้อเดียวคือ รักทุกคน ประกอบด้วย ช่วยเหลือคนอื่น เสียสละให้แก่คนอื่น
ยอมให้คนอื่นทำไม่ดีต่อเราได้ และให้อภัยแก่คนที่ทำไม่ดีต่อเรา
(2) ทำตามน้ำพระทัย (พระประสงค์) ของพระเจ้าผู้ประเสริฐ โดยเชื่อว่าน้ำพระทัยของพระองค์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
15. ผู้ที่ต้องการรับเชื่อพระเจ้าผู้ประเสริฐเพื่อเป็นคริสเตียน จะต้องกระทำดังนี้ (ต่อหน้าคริสเตียนอย่างน้อย 1 คน เพื่อเป็นพยานในการรับเชื่อ)
(1) สำนึกผิดและยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป (มนุษย์ได้ทำบาปมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยเริ่มตั้งแต่มีการสำนึกในความดีและความชั่ว)
(2) ต้องการหลุดพ้นจากการเป็นคนบาป (มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนบาปได้ด้วยตนเอง)
(3) ขอให้พระเจ้าผู้ประเสริฐยกโทษบาปทั้งหมดให้แก่เรา แล้วพระองค์ก็จะยกโทษบาปและชำระบาปทั้งหมดให้แก่เรา
และเปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม แล้วพระองค์จะรับเราเป็นลูกของพระองค์
(4) ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามานำชีวิตของเรา เราก็จะเป็นคริสเตียนอย่างสมบูรณ์ แล้วพระเยซูคริสต์จะช่วยนำชีวิตเราให้ดีที่สุด
หากเรารักษาความชอบธรรมไว้จนถึงวันตาย พระองค์จะรับเราไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิงค์นี้ครับ https://www.ireadbible.org หรือสั่งซื้อได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย และร้านหนังสือคริสเตียน
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
(1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
(2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)
สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อน เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน ประกอบด้วยหนังสือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น (โดยอ่านหลายๆ รอบก่อน แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์ (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")
สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อได้ที่ สมาคมพระคริสตธรรมไทย โทร 02 279 8341-4 https://thai.bible/
หรือค้นหาได้จาก https://tuthai.org/directory/area/ และ https://www.christiansiam.com/Church/Church.html
*****คริสตจักรของพระเจ้าผู้ประเสริฐ ยินดีต้อนรับทุกท่าน*****
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36545170/comment1
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
แสดงความคิดเห็น
เข้ารับศาสนาคริสต์