สวัสดีครับ สืบเนื่องจากกระทู้เดิมนะครับ
https://m.ppantip.com/topic/40260926?
ผมเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอินเตอร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ กำลังเรียนต่อปริญญาโทภาคอินเตอร์
ผมได้กลับมาทำธุรกิจที่บ้านในจังหวัดอุทัยธานี เมื่อปลายปี 2020 เป็นธุรกิจขายอุปกรณ์ประมง ข่ายดักปลา แห อวน ยอ สวิง ถังแช่น้ำแข็ง บันไดอลูมิเนียม สุ่มไก่ รถเข็นปูน รถเข็นของ บุหรี่ เหล้า เบียร์ เบ็ดตกปลา สแลนกรองแสง สายยาง เชือก กระชังปลา ผ้ามุ้ง เสื่อน้ำมัน พลาสติกใส และสินค้าอีกมากมาย 4000 กว่ารายการ ซึ่งถ้าตามหลักการแล้ว เรียกว่าขายสินค้าที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผมไม่ชอบเลย ผมไม่ได้คลุกคลีกับธุรกิจนี้ตั้งแต่เด็ก มันเป็นธุรกิจของอาม่าแล้วพออาม่าเสีย คุณพ่อผมไม่มีอะไรทำ (ยกอีกกิจการให้พี่ชาย) พ่อเลยมาทำได้ก่อนผมมาทำประมาณ 4 ปี
ผมไม่มีเพื่อนสักคนในจังหวัดอุทัยธานี เพราะผมไม่ได้เรียนที่นี่ไม่ได้เติบโตที่นี่ ผมเรียนประถมและมัธยมที่นครสวรรค์ เรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ ไลฟ์สไตล์ของผมค่อนข้างเป็นคนกรุงเทพมากกว่า จังหวัดนี้ไม่มีห้าง ไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นหรือร้านอาหารสำหรับครอบครัว เคยจะมีโลตัสมาเปิด คนในอำเภอเมืองก็รวมตัวกันเดินขบวนขับไล่
ฐานลูกค้าของร้านก็จะเป็นคนอายุ 60+ ที่ใช้ Social ไม่คล่อง ผมก็คิดวิธีเจาะคนกลุ่มนี้ไม่ออกเหมือนกัน
เรื่องข่ายดักปลา ตัวผมเองไม่เคยแม้แต่ไปดักปลาสักครั้งในชีวิต แต่ผมก็ขายได้นะครับ ผมเรียนรู้ ซึ่งสินค้าเกี่ยวกับประมงมันหลากหลายมากๆ 1 SKU ก็ประมาณ 900 รายการ ผิดกันไป 1เซนติเมตรลูกค้าก็ใช้ไม่ได้ ต้องสต็อคเยอะ สต็อคถึงจมทุนมากๆ
ผมได้นำระบบ POS มาใช้งานในร้าน แต่ก็ยังไม่สามารถเช็คสต็อคได้เนื่องจากสินค้าเยอะมากตั้งแต่รุ่นอาม่าและคุณพ่อ สั่งกันมาไว้เยอะมาก แล้วของบางส่วนก็ไม่มีลูกค้าต้องการแล้ว จะเอาไปขายโล๊ะทิ้งก็ไม่มีใครเอา จะเอาไปทิ้งขยะพ่อแม่ผมก็ไม่ยอม
ผมลองสังเกตร้านที่มีลักษณะคล้ายๆผมในจังหวัดอื่นที่ผมไปไม่ว่าจะเชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี ภูเก็ต ปากช่อง เขาใหญ่ หน้าร้านจะดูเละๆ ของเยอะๆเหมือนผมเลย เป็นอารมณ์คนแก่ขาย ไม่มีการใช้ระบบเข้ามาจัดการ บางทีก็คิดว่ามีเราคนเดียวหรือเปล่าที่อายุน้อยแต่ได้มาทำในธุรกิจนี้
ร้านเปิดทุกวัน 08.30-17.00 ไม่มีวันหยุด ไม่เคยหยุด ไม่ยอมให้หยุด ถ้าตัวผมเองหยุดเสาร์อาทิตย์เรียนปริญญาโท คุณพ่อก็จะมาขายแทน ขายโดยที่ไม่ใช้คอมเพราะพ่อใช้ไม่เป็น (พ่ออายุ65แล้ว) จะจ้างลูกน้องทำ คุณพ่อก็ไม่ไว้ใจไม่ยอม
ผมเคยขอหยุดเพื่อจัดร้านแบบจริงๆจังๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอม บอกว่าเดี๋ยวลูกค้าหาย พอผมอธิบายอะไรไปเขาก็มักจะไม่เชื่อ
ผมเป็นคนคุมเงิน 100% เงินเข้าที่ผม 100% ผมทำบัญชี 100% แต่ถ้าเวลาผมไม่อยู่ คุณพ่อจะชอบสั่งของที่ไม่ค่อยได้ขายหรือแทบไม่มีคนซื้อมาจมทุนไว้ด้วยเหตุผลว่า "ลูกค้ามาหาอะไรต้องมีให้หมด" โดยที่ไม่สนว่าจะขายได้เท่าไหร่ ใช้เวลานานไหมกว่าจะขายไหม แต่ลูกค้าถามต้องมี ละก็ลูกค้าต่อราคาเท่าไหร่ถ้ายังเหลือกำไร5บาทก็เอา ถ้ารู้ว่าจะได้กำไรจากลูกค้าตรงหน้า คุณพ่อผมพร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่จะต้องทำ (เป็นคนไม่ลำดับความสำคัญในการทำงาน)
ตัวผมเองก็หมดไฟมากๆเพราะต้องนั่งเฝ้าร้านทุกวี่ทุกวัน เวลาคุยอะไรกับคุณพ่อเขาก็เหมือนจะรับฟังแต่เขาก็ไม่ฟัง วันรุ่งขึ้น วันถัดไป เดือนถัดไปก็ทำแบบเดิม สั่งของมาจมทุน ผมก็ต้องจ่ายเงินเสมอ เพราะไม่จ่ายก็ไม่ได้
เรื่องทำร้านให้เป็นระบบ ผมลองพยายามทำแล้วมันอาจจะเป็นไปได้ แต่ก็คิดว่าน้อย เพราะสินค้าบางอย่างเป็นสินค้ารับจากชาวบ้าน ต้องเอามาติดบาร์โค้ดก็ติดไม่ได้เพราะ texture มันเป็นผ้า ครั้นจะให้ติดบาร์โค้ดของเก่าตั้งแต่รุ่นอาม่าทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าต้นทุนเท่าไหร่ จะเช็คสต็อคให้ได้ถูกต้องเกิน90%ก็ยากมากๆ เพราะของมันเยอะมาก ไปซ่อนตรงนู้นตรงนี้บ้าง
การจัด layout ของร้านก็ยังเละเทะด้วย concept รื้อตรงไหนทิ้งตรงนั้น ผมก็จัดไปเยอะแล้วแต่ยังไม่เสร็จซะที
ครั้นผมจะลองหาธุรกิจอื่นทำ ถ้าทำในจังหวัดอุทัยธานีนี้ โอกาสเกิดก็ยาก เพราะคนในจังหวัดไม่มีกำลังซื้อ ร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ถ้าราคาเกินหัวละ 220บาท อยู่ไม่ได้ เจ๊ง (เคยมีมาเปิดแล้วและเจ๊งไปไม่มีคนกิน)
ครั้นผมจะเลิกทำ ปล่อยคุณพ่อทำคนเดียว ผมก็สงสารคุณพ่อ ละก็ตัวผมที่อายุก็ 26แล้ว (ผมมีคอนโดอยู่ในกรุงเทพ ในกรณีที่จะเข้าไปทำธุระหรือพักผ่อนที่กรุงเทพ)
แนวคิดผมกับคุณพ่อค่อนข้างจะต่างกันไปคนละทาง อันไหนผมบอกขายไม่ดี คุณพ่อจะบอกขายเรื่อย ขายได้ตลอด ซึ่งจริงๆมันไม่เป็นแบบนั้นเลยสักนิด ของบ้านชิ้นในร้านอยู่มาเป็นสิบๆปี ทั้งๆที่ตัวผมเองอิงจาก Data ที่ผมมีจากการนั่งขายทุกวัน (คุณพ่อไม่ได้เข้ามาร้านในช่วงที่ผมอยู่)
ผมควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อดีครับ อยู่ก็อึดอัดใจ จะก้าวไปจังหวัดอื่นก็ห่วงพ่อ อยากไปทำธุรกิจในแนวที่ตัวเองชอบ เช่นร้านอาหาร คาเฟ่ แต่ช่วงนี้ก็มีโควิดก็เลยไม่กล้าขยับตัวเท่าไหร่
ทำธุรกิจที่ไม่ชอบอยู่ในจังหวัดเล็ก ไม่มีวันหยุด พ่อแม่ไม่ยอมให้หยุด
https://m.ppantip.com/topic/40260926?
ผมเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอินเตอร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ กำลังเรียนต่อปริญญาโทภาคอินเตอร์
ผมได้กลับมาทำธุรกิจที่บ้านในจังหวัดอุทัยธานี เมื่อปลายปี 2020 เป็นธุรกิจขายอุปกรณ์ประมง ข่ายดักปลา แห อวน ยอ สวิง ถังแช่น้ำแข็ง บันไดอลูมิเนียม สุ่มไก่ รถเข็นปูน รถเข็นของ บุหรี่ เหล้า เบียร์ เบ็ดตกปลา สแลนกรองแสง สายยาง เชือก กระชังปลา ผ้ามุ้ง เสื่อน้ำมัน พลาสติกใส และสินค้าอีกมากมาย 4000 กว่ารายการ ซึ่งถ้าตามหลักการแล้ว เรียกว่าขายสินค้าที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผมไม่ชอบเลย ผมไม่ได้คลุกคลีกับธุรกิจนี้ตั้งแต่เด็ก มันเป็นธุรกิจของอาม่าแล้วพออาม่าเสีย คุณพ่อผมไม่มีอะไรทำ (ยกอีกกิจการให้พี่ชาย) พ่อเลยมาทำได้ก่อนผมมาทำประมาณ 4 ปี
ผมไม่มีเพื่อนสักคนในจังหวัดอุทัยธานี เพราะผมไม่ได้เรียนที่นี่ไม่ได้เติบโตที่นี่ ผมเรียนประถมและมัธยมที่นครสวรรค์ เรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ ไลฟ์สไตล์ของผมค่อนข้างเป็นคนกรุงเทพมากกว่า จังหวัดนี้ไม่มีห้าง ไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นหรือร้านอาหารสำหรับครอบครัว เคยจะมีโลตัสมาเปิด คนในอำเภอเมืองก็รวมตัวกันเดินขบวนขับไล่
ฐานลูกค้าของร้านก็จะเป็นคนอายุ 60+ ที่ใช้ Social ไม่คล่อง ผมก็คิดวิธีเจาะคนกลุ่มนี้ไม่ออกเหมือนกัน
เรื่องข่ายดักปลา ตัวผมเองไม่เคยแม้แต่ไปดักปลาสักครั้งในชีวิต แต่ผมก็ขายได้นะครับ ผมเรียนรู้ ซึ่งสินค้าเกี่ยวกับประมงมันหลากหลายมากๆ 1 SKU ก็ประมาณ 900 รายการ ผิดกันไป 1เซนติเมตรลูกค้าก็ใช้ไม่ได้ ต้องสต็อคเยอะ สต็อคถึงจมทุนมากๆ
ผมได้นำระบบ POS มาใช้งานในร้าน แต่ก็ยังไม่สามารถเช็คสต็อคได้เนื่องจากสินค้าเยอะมากตั้งแต่รุ่นอาม่าและคุณพ่อ สั่งกันมาไว้เยอะมาก แล้วของบางส่วนก็ไม่มีลูกค้าต้องการแล้ว จะเอาไปขายโล๊ะทิ้งก็ไม่มีใครเอา จะเอาไปทิ้งขยะพ่อแม่ผมก็ไม่ยอม
ผมลองสังเกตร้านที่มีลักษณะคล้ายๆผมในจังหวัดอื่นที่ผมไปไม่ว่าจะเชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี ภูเก็ต ปากช่อง เขาใหญ่ หน้าร้านจะดูเละๆ ของเยอะๆเหมือนผมเลย เป็นอารมณ์คนแก่ขาย ไม่มีการใช้ระบบเข้ามาจัดการ บางทีก็คิดว่ามีเราคนเดียวหรือเปล่าที่อายุน้อยแต่ได้มาทำในธุรกิจนี้
ร้านเปิดทุกวัน 08.30-17.00 ไม่มีวันหยุด ไม่เคยหยุด ไม่ยอมให้หยุด ถ้าตัวผมเองหยุดเสาร์อาทิตย์เรียนปริญญาโท คุณพ่อก็จะมาขายแทน ขายโดยที่ไม่ใช้คอมเพราะพ่อใช้ไม่เป็น (พ่ออายุ65แล้ว) จะจ้างลูกน้องทำ คุณพ่อก็ไม่ไว้ใจไม่ยอม
ผมเคยขอหยุดเพื่อจัดร้านแบบจริงๆจังๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอม บอกว่าเดี๋ยวลูกค้าหาย พอผมอธิบายอะไรไปเขาก็มักจะไม่เชื่อ
ผมเป็นคนคุมเงิน 100% เงินเข้าที่ผม 100% ผมทำบัญชี 100% แต่ถ้าเวลาผมไม่อยู่ คุณพ่อจะชอบสั่งของที่ไม่ค่อยได้ขายหรือแทบไม่มีคนซื้อมาจมทุนไว้ด้วยเหตุผลว่า "ลูกค้ามาหาอะไรต้องมีให้หมด" โดยที่ไม่สนว่าจะขายได้เท่าไหร่ ใช้เวลานานไหมกว่าจะขายไหม แต่ลูกค้าถามต้องมี ละก็ลูกค้าต่อราคาเท่าไหร่ถ้ายังเหลือกำไร5บาทก็เอา ถ้ารู้ว่าจะได้กำไรจากลูกค้าตรงหน้า คุณพ่อผมพร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่จะต้องทำ (เป็นคนไม่ลำดับความสำคัญในการทำงาน)
ตัวผมเองก็หมดไฟมากๆเพราะต้องนั่งเฝ้าร้านทุกวี่ทุกวัน เวลาคุยอะไรกับคุณพ่อเขาก็เหมือนจะรับฟังแต่เขาก็ไม่ฟัง วันรุ่งขึ้น วันถัดไป เดือนถัดไปก็ทำแบบเดิม สั่งของมาจมทุน ผมก็ต้องจ่ายเงินเสมอ เพราะไม่จ่ายก็ไม่ได้
เรื่องทำร้านให้เป็นระบบ ผมลองพยายามทำแล้วมันอาจจะเป็นไปได้ แต่ก็คิดว่าน้อย เพราะสินค้าบางอย่างเป็นสินค้ารับจากชาวบ้าน ต้องเอามาติดบาร์โค้ดก็ติดไม่ได้เพราะ texture มันเป็นผ้า ครั้นจะให้ติดบาร์โค้ดของเก่าตั้งแต่รุ่นอาม่าทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าต้นทุนเท่าไหร่ จะเช็คสต็อคให้ได้ถูกต้องเกิน90%ก็ยากมากๆ เพราะของมันเยอะมาก ไปซ่อนตรงนู้นตรงนี้บ้าง
การจัด layout ของร้านก็ยังเละเทะด้วย concept รื้อตรงไหนทิ้งตรงนั้น ผมก็จัดไปเยอะแล้วแต่ยังไม่เสร็จซะที
ครั้นผมจะลองหาธุรกิจอื่นทำ ถ้าทำในจังหวัดอุทัยธานีนี้ โอกาสเกิดก็ยาก เพราะคนในจังหวัดไม่มีกำลังซื้อ ร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ถ้าราคาเกินหัวละ 220บาท อยู่ไม่ได้ เจ๊ง (เคยมีมาเปิดแล้วและเจ๊งไปไม่มีคนกิน)
ครั้นผมจะเลิกทำ ปล่อยคุณพ่อทำคนเดียว ผมก็สงสารคุณพ่อ ละก็ตัวผมที่อายุก็ 26แล้ว (ผมมีคอนโดอยู่ในกรุงเทพ ในกรณีที่จะเข้าไปทำธุระหรือพักผ่อนที่กรุงเทพ)
แนวคิดผมกับคุณพ่อค่อนข้างจะต่างกันไปคนละทาง อันไหนผมบอกขายไม่ดี คุณพ่อจะบอกขายเรื่อย ขายได้ตลอด ซึ่งจริงๆมันไม่เป็นแบบนั้นเลยสักนิด ของบ้านชิ้นในร้านอยู่มาเป็นสิบๆปี ทั้งๆที่ตัวผมเองอิงจาก Data ที่ผมมีจากการนั่งขายทุกวัน (คุณพ่อไม่ได้เข้ามาร้านในช่วงที่ผมอยู่)
ผมควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อดีครับ อยู่ก็อึดอัดใจ จะก้าวไปจังหวัดอื่นก็ห่วงพ่อ อยากไปทำธุรกิจในแนวที่ตัวเองชอบ เช่นร้านอาหาร คาเฟ่ แต่ช่วงนี้ก็มีโควิดก็เลยไม่กล้าขยับตัวเท่าไหร่