ในที่สุดเราก็เข้าใจนาย แพคอีจิน

Cr: FB เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล

#TwentyFiveTwentyOne 
#ถึงแพคอีจิน 
"ฉันเห็นเธอแล้วนึกถึงตัวเองในตอนอายุ 18"
แพคอีจิน บอก นาฮีโด ในช่วงแรกๆ ที่รู้จักกัน
เขาหมายถึงวัยนักเรียนที่เต็มไปด้วยความฝัน 
และเรื่องกังวลอย่าง การบ้านเยอะ 
คนที่เราแอบชอบ จะชอบเราไหม 
.
หลังจากดูซีรีส์จนจบ 
นั่งคุยกับ ลุง อยู่นานสองนาน 
ลุง ฝากจดหมายมาถึงนาย 
ขึ้นต้นด้วยคำว่า 
"เห็นนายแล้ว นึกถึงตัวเองเช่นกัน" 
.
.
นายเป็นคนที่ใส่ใจความทุกข์ของผู้อื่น
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีมาก 
ใน Ep 10 
หัวหน้าหยิบเรื่องที่นายเป็นพนักงาน
ที่มีวุฒิการศึกษาแค่ ม.ปลาย 
มาพูดในวงเหล้า เป็นเรื่องขำๆ 
นายจึงกระดกเหล้าจนเมา
แบบเดินกลับบ้านไม่ไหว 
เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ว่า
มันเครียดที่โดนพูดถึงแบบนั้น
แต่ที่มากกว่านั้น คือนายคิดถึงคนอื่น 
"ผมต้องทำงานให้ดีๆ ครับ 
เพราะถ้าผมไม่ได้เรื่อง 
จนบริษัทตัดสินใจ จำกัดเรื่องวุฒิอีก 
คนอื่นที่เรียนไม่จบมหาลัยอย่างผม
ก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย" 
.
.
.
การคิดถึงผู้อื่น เป็นเรื่องที่ดี 
แต่... มันก็มีจุดที่ต้องระวังเหมือนกัน
 
เมื่อนายเปลี่ยนไปทำงานสายสังคม
ต้องเจอเหตุที่มีผู้สูญเสีย
เรื่องราวที่สะเทือนใจ 
นายก็ดูดซับเข้ามาไว้กับตัวทุกครั้ง 
รุ่นพี่เตือนว่า 
"ถ้านายเจ็บปวดไปทุกเรื่อง 
นายจะมาทำงานด้านนี้ไม่ได้หรอกนะ"
นายก็ยืนยันว่า 
"ผมจะเจ็บปวดไปด้วย 
ผมไม่ต้องการที่จะชิน 
นี่เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผม"  
การรับรู้ความเศร้าของคนอื่น
เป็นเรื่องหนึ่ง 
การเจ็บปวดไปด้วยกับทุกข์ของผู้อื่น
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 
"สักวันนายจะหมดแรง" 
รุ่นพี่เตือน 
แล้วมันก็ทำให้นาย หมดแรงจริงๆ 
เมื่อต้องไปทำข่าวเหตุการณ์ 9/11 
คนตายมากมาย ผู้สูญหายอีกนับพัน
เสียงคร่ำครวญ น้ำตา 
และซากปรักหักพัง 
นอกจากจะแบกรับความทุกข์แล้ว
เป็นอีกครั้งที่นายเลือกใช้ วิธี 
"ไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุข"
ใน Ep2 
เมื่อนายชดใช้หนี้ แทนพ่อไม่ได้ 
นายทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้
นายบอกเจ้าหนี้ว่า
"ผมจะมีชีวิตอยู่ด้วยการนึกถึง
ความทุกข์ของคุณไว้เสมอ 
ผมจะไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขอีกเลย" 
มาคราวนี้ นายบอก นาฮีโด ว่า 
"ท่ามกลางคนที่สูญเสียมากมาย
การคิดถึงใครสักคนก็เป็นเรื่องหรูแล้ว" 
นายคิดถึง ฮีโด แต่หยุดมันไว้
เพราะคิดว่ามันเป็นความสุขที่นายไม่ควรมี
ท่ามกลางน้ำตาของคนมากมาย 
.
.
รู้ไหมว่า สมัยมัธยมต้น 
ลุงไม่ยอมใส่เสื้อกันหนาวไปโรงเรียน
ลุงคิดว่า มีเด็กอีกหลายคน
ที่เขาไม่มีเสื้อกันหนาวใส่ 
เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ควรใส่ 
.. คิดย้อนไปก็ขำ กับตรรกะของตัวเอง
พอสมัยมัธยมปลาย 
ลุงเป็นเด็กไม่กี่คน ที่ไม่ยอมเรียนพิเศษ 
ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้นแทบจะเรียนกันทุกคน
(ถ้าพ่อแม่มีเงินค่าเรียนพิเศษ) 
เหตุผลหนึ่ง คิดว่าตัวเองเอาตัวรอด 
เรียนเอง อ่านเองได้ 
เหตุผลอีกข้อ คือ มีเพื่อนบางคน
ที่เขาไม่มีตังค์เรียน 
(เด็กต่างอำเภอ มาอยู่กับญาติ
ทำงานช่วยเพื่อแลกค่าที่พัก
ไม่มีหรอกเงินที่จะมาจ่ายค่าเรียนพิเศษ) 
มันจึงรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเอง
จะเรียนพิเศษ
พอจบมาทำงาน ก็เลือกไปทำงาน
ในอำเภอที่ไม่มีใครเลือกไป 
เมื่อช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่ปีที่แล้ว 
กว่าลุงจะอนุญาตให้ตัวเอง ฉีดวัคซีน
ก็รอจนกระทั่งรู้ว่าคนที่จำเป็น
ได้ฉีดกันหมดแล้ว 
คนสูงอายุ คนมีโรคประจำตัว 
เพื่อนลุงที่เป็นหมอตามจุดที่เสี่ยงกว่า 
พวกเขายังไม่ได้ ลุง ก็ยังไม่ฉีด 
แม้ช่วงนั้นตัวเองต้องดูคนไข้โควิดทุกวัน
ใส่ท่อช่วยหายใจให้เกือบทุกวัน ก็ตาม 
ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ ใช่จะบอกว่า
ลุงกับนายคิดเหมือนกันไปหมดนะ 
ลุงไม่ใช่ พระเอก ขนาดนั้น 😅😅
แต่บอกเพื่อยืนยันว่า ลุง เข้าใจสิ่งที่นายคิดนะ
และเพื่อจะบอกคนอื่นๆ ว่า
ไอ้คนที่มีความคิดประหลาดๆ แบบนี้
มันก็มีอยู่จริงนะ ตัวเป็นๆ 
แม้จะไม่สุดๆ เหมือนในละครก็ตามที 
.
.
เอาล่ะ 
มาถึงจุดสำคัญ 2 ข้อ 
ที่ ลุงอยากจะบอกนาย... แพคอีจิน 
และคนอื่นๆ ที่คิดอย่างแพคอีจิน 
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย ก็ตาม 
(แต่ขอเรียกว่านาย) 
.
1. นายต้องรู้จักวางความรู้สึก
ลุงทำงานเป็นหมอ 
เจอคนตายเรื่อยๆ 
เจอความเศร้ารายวันมากมาย
น้ำตา ความสูญเสีย ความลำบาก 
คิดว่าไม่น้อยไปกว่านักข่าวอย่างนาย 
ในเพจนี้ก็เอามาเล่าบ่อยๆ 
จนมีคนถามมาเรื่อยๆ ว่า 
เจอเรื่องเศร้าหนักขนาดนี้ซ้ำๆ 
จัดการกับอารมณ์ตัวเองยังไง 
คำตอบคือ รับมาแล้วรู้ 
รู้สึกแล้วหลังจากนั้นก็วาง 
ลุงเห็นด้วยกับนายเลยที่ว่า  
เป็นเรื่องสำคัญที่เรา
จะไม่ทำตัวให้ชินกับความเศร้าเสียใจของผู้อื่น
แต่เคล็ดลับการยืนระยะคือ
พอรู้สึกแล้วต้องวางให้เป็นด้วย 
รับมา - รู้สึก - ปล่อยวาง 
แล้วเราจะยืนระยะได้นานขึ้น 
.
.
2. นายต้องรู้จักแบ่งปันความทุกข์
ให้กับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็น 
พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อน หรือ ... คนรัก 
อย่าดูถูก คนที่รักนาย 
ด้วยการคิดว่า ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์
อย่าดูถูก ความรู้สึกของพวกเขา
ด้วยการคิดว่า นายเสียสละ 
อย่าหลอกพวกเขาว่านายเข้มแข็ง
นายรู้ไหมว่า การถูกคนที่เรารักหลอกนั้น
มันเจ็บปวด
เอาตัวอย่างจาก โกยูริม ก็ได้
โกยูริม แทบจะเป็นนายในภาคผู้หญิงเลย
ทางบ้านฐานะลำบาก 
เมื่อเจอปัญหาหนักๆ เธอก็เก็บมันไว้ 
วันที่ไม่ไหว ก็กระโดดลงสระน้ำ
จีอุง บอก ยูริม ว่า 
ต่อไปมีอะไรให้โทรหาเขา
นาฮีโด ขอร้องบอกว่า 
ครั้งต่อไปอย่าโดดน้ำอีกเลย 
พอมีปัญหา โกยูริม ก็ทำอย่างที่ เธอสัญญาไว้ 
นายบอก นาฮีโด ว่า ไม่มีประโยชน์
เพราะความรู้สึกแบบนี้ 
ช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ 
ซึ่งก็ถูก... เพราะฉะนั้น นายก็ควรรู้ว่า
การที่ปล่อยให้ตัวเองเศร้า
หน้าเหี่ยวเหมือนหมาหงอยนั้น 
ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เช่นกัน 
(ตรงนี้นายก็เหมือนโกยูริม อีกแล้ว
ที่บอกแม่ว่า ความรู้สึก มันใช้หนี้ได้ซะที่ไหน
และเป็นอีกจุดที่ นาฮีโด เป็นคนสอนว่า 
ความรู้สึกใช้หนี้ไม่ได้ก็จริว 
แต่มันเยียวยาคนที่เรารักได้) 
.
เป็นความจริงที่ว่า สังคมนี้ โลกนี้
ไม่อนุญาตให้เราอ่อนแอ 
แต่ต่อหน้าคนที่รักเรา เราอ่อนแอได้เสมอ
ใน รพ. เราเสียคนไข้อยู่เรื่อยๆ 
มองภายนอก ไม่มีใครเห็น
ไม่มีใครรู้หรอกว่า หมอรู้สึกยังไง 
การมีใครสักคน แค่คนเดียวบนโลกนี้ 
ที่ลุงสามารถ เดินเข้าไปบอกว่า 
วันนี้เสียคนไข้ไปคนนึง 
เป็นคุณตาที่รักษากันมานาน 
คุณตาเป็นคนน่ารักมาก 
คุณตารอเรามารักษา 
คุณตาคิดว่าเราจะช่วยคุณตาได้เหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ เราช่วยไม่ได้ 
คนๆ นั้นไม่ต้องพูดอะไรสักคำ
กางแขนออกแล้วกอดลุงไว้ 
นั่นคือ ความหมายของคำว่า
ร่วมทุกข์ร่วมสุข 
.
แพคอีจิน ในซีรีส์ 
ทำคนๆ นั้นหล่นหายไป
ระหว่างทางของการเติบโต 
ที่ลุง เขียนจดหมายยาวๆ นี้ 
ก็หวังว่า แพคอีจินคนอื่นๆ 
หรือใครรู้จัก แพคอีจินในชีวิตจริง 
ช่วยบอกเขาด้วยว่า 
อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขบ้าง
แล้วนายจะช่วยคนอื่นได้มากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่