การเลี้ยงดูพ่อแม่ กับ เวรกรรม

หัวกระทู้อาจจะดูแรงนิดนึงนะคะ ต้องขอโทษด้วย 
จะท้าวความให้ฟังก่อนว่าเรารู้สึกว่ามีปมเรื่องครอบครัว และตอนนี้รู้สึกว่าแบกรับภาระเยอะ
ครอบครัวเรา คือพ่อกับแม่แยกทางกัน
ตั้งแต่จำความได้ ก็อยู่กับแม่มากที่สุด กับพ่อนี่ไม่เคยคุยกันเลย (ติดต่อกันได้ แต่พ่อเขาไม่พูดด้วย จะให้พูดด้วยก็เป็นการสนทนาผ่านเมียใหม่เขาข้ามไปข้ามมา เรื่องสำคัญเรายังต้องผ่านเมียเขาอยู่ดี)
สมัยก่อนตั้งแต่เรียน จนกว่าจะเรียนจบ แม่เราเป็นคนดูแลเราและส่งเสียเราตลอดจนจบ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับแม่ และพ่อไม่เคยติดต่อและเจอกัน ไม่เคยส่งเงินให้เลย และจนเรียนจบเริ่มทำงานได้ พ่อก็กลับมาติดต่อ ดีด้วย และเริ่มทาบทามอยากให้เรากู้เงินให้ 

คำถามที่ 1 เราตัดสินใจไม่กู้ให้ พ่อจึงด่าทอเราว่า อกัตัญญู (แบบนี้ คือเราอกตัญญูจริงมั้ย)
เมื่อเป็นแบบนี้ความรู้สึกลึกๆ ที่โดนด่า ก็ฝังหัวเรามาตลอด ทำให้เวลาเมียพ่อมาบ่นเรื่องไม่มีเงิน เราก็จะส่งเงินให้เขาตลอด (ลึกๆให้เพราะเคารพว่าเขาเป็นพ่อเรา ถึงอย่างไรก็ยังเป็นครอบครัว) แต่เรายังรู้สึกขาด ขาดในความอบอุ่น ไม่เคยมีโมเมนต์พ่อลูกที่ดีเลย บางครั้งพอเก็บเงินได้ เขามีเรื่องเดือดร้อนเราก็กัดฟันเอาเงินเก็บส่งให้เขา แล้วมานั่งร้องไห้ เหนื่อยกับชีวิต
อยากได้ข้อคิดที่ทำให้หลุดพ้นการคิดวนเรื่องนี้ และก้าวข้ามได้อย่างมั่นใจ ถ้าท่านไหนแนะนำได้ช่วยหน่อยนะคะ

คำถามที่ 2 เราเอาแม่มาเลี้ยงดู เพราะอยากชดเชยความรับผิดชอบที่เค้าดูแลส่งเสียเรามา แต่เราไม่สามารถแสดงความรักดีๆ กับเค้าได้เลย
ด้วยความที่แม่เลี้ยงเรามาคนเดียวตั้งแต่เรายังเล็ก เค้าประหยัดทุกอย่าง ไม่กินไม่ใช้ จึงทำให้มีเงินที่จะส่งเสียเราได้ เราภูมิใจในข้อนี้และรู้สึกโชคดีมากที่เรายังมีแม่ Support 
แต่ปัญหาคือ เรายังขาด.. ขาดความอบอุ่น เพราะ เราแยกมาใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่ ม. ปลาย จนมหาลัย และเรียนจบ จนทำงาน
ตลอดเวลาคือไม่ได้อยู่กับแม่เลย แต่เราได้รับเงินจากแม่ตลอด ได้รับแบบพอดีจริงๆ (แต่ข้อดีคือพอดีที่ไม่ต้องไปรับจ้างอะไร ให้มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว) แต่แม่ไม่เคยช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เราได้เลย ถ้าเรามีปัญหาเราไม่สามารถที่จะโทรไปคุยกับเขาได้ เขาจะบอกว่าเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน เยอะมากด้วย และก็จะปี๊ดๆ เครียดใส่กลับ เลยทำให้เราต้องแก้ปัญหาคนเดียว อยู่คนเดียว จนเริ่มทำงาน ได้เงินเดือนแรก เราก็ไม่เคยได้รับเงินจากแม่อีกเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตั้งใจ
เวลาผ่านไป เราซื้อบ้านเพื่อตั้งใจว่าจะให้แม่มาอยู่ตอนแก่กับเรา เราจะได้ดูแลเขา 

แต่ประเด็นคือตอนนี้มาอยู่ด้วยกันแล้ว เราไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้เลย เราอยากให้เขาอยู่อย่างสบาย เป็นแม่ที่อยู่กับบ้านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ความรักแบบทำกับข้าวให้กิน มีเวลาถามสารทุกข์สุขดิบ ชวนกันออกไปกินข้าวนอกบ้าน หรือหากิจกรรมที่ทำด้วยกันแล้วอบอุ่น support เราด้านจิตใจ เพราะเค้าเกษียณแล้ว แต่...
ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
1. แม่เราชอบเก็บขวดและขยะ บางครั้งไปเก็บของบ้านอื่นในหมู่บ้าน (ซึ่งเราไม่ได้เดือดร้อนถึงขั้นต้องไปเก็บขวด ทุกวันนี้เงินเพียงพอ และเราขอร้องว่าไม่ต้องเก็บได้ไหม เรื่องนี้เค้ารับไม่ได้ และทะเลาะกับเรารุนแรงมาก เพราะเค้าจะเก็บ)
2. แม่เราประหยัดมาก สบู่ ยาสระผม น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า (ใช้ในอัตราส่วนที่ทำความสะอาดไม่ได้ เจือจางเกินไป จนอะไรๆ ก็ไม่สะอาดเลย เคยพยายามคุยหลายรอบแล้วว่าไม่ต้องประหยัด ทุกวันนี้เราไม่ได้ลำบาก) หนักสุดคือ ไม่กดชักโครกห้องน้ำ บอกว่าประหยัดน้ำ
3. แม่เรามีวงจรความคิดเรื่อง ความเจ็บป่วย และต้องการไปหาหมอตลอดเวลา เราพาไปหาหมอ สิ่งที่ได้คือ เมื่อได้ยามา --> ไม่กินยา --> ไม่หาย --> ขอให้เราพาไปหาหมอใหม่ เพราะไม่หายปวด --> ได้ยามา --> ไม่กิน --> ไม่หาย วนไปแบบนี้ 
4. ทุกครั้งที่เราเครียด เหนื่อย เอ่ยปากคุยดีๆ เค้าก็จะพูดปัญหาของเขา และร้องไห้ ซึ่งมันทำให้เราเหนื่อย และเครียดหนักกว่าเดิม  กลายเป็นการกลับมาบ้านจากทำงาน หรือตอนอยู่บ้าน ทำให้เราไม่ค่อยอยากคุยกับเขา เพราะอ้าปากคุยจะมีประเด็นที่นำไปสู่การทะเลาะหรือตกลงกันไม่ได้ ..ก็เลยเลือกที่จะไม่พูด ดีกว่า.. แต่มันดูแย่จัง ไม่เป็นอย่างที่คิด

เราอยากรู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ จะกู้สถานการณ์ยังไงให้ดีๆ ซึ่งเราเองก็เหนื่อย ๆ กับการพยายามหลายๆด้าน 
บางทีก็รู้สึกอยากอยู่คนเดียว เหนื่อย แต่พอนึกไปนึกมา ก็กลัวเรื่องอกตัญญูกับเวรกรรม ใครพอจะมีแนวความคิดช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่