สวัสดีครับ เราอายุ 25 ปีนะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์งานกับโรงหนัง คือเมื่อวัน ศุกร์ ที่ 1 เมษายน เราเห็นประกาศรับสมัครงานเกี่ยวกับโรงหนังหลายตำแหน่งมาก ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยผู้จัดการ รองผู้ช่วยผู้จัดการ ช่างของโรงหนัง พนักงานฉายภาพยนตร์ และอื่นๆ มากมายเลย เราสนใจสมัครตำแหน่ง รองผู้ช่วยผู้จัดการ สาขาแห่งหนึ่ง ใน กทม เนี่ยแหละ ก็เลยตัดสิ้นใจสมัครไปดูเผื่อเขาจะเรียกสัมภาษณ์งาน อ่อ เราเพิ่งเรียนจบนะ แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานโรงหนังมาบ้าง 2 ครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเราทำช่วงที่เราเรียนก็ทำทั้ง 2 บริษัทเลย รู้ๆ กันอยู้เนอะว่าบริษัทอะไร 5555555
เอาละเข้าเรื่อง สาเหตุที่เราตัดสิ้นใจกลับมาทำที่บริษัทนี้ก็เป็นเพราะว่า เราอาจจะคุ้นชินกับลักษณะของเขาด้วยแหละมั้ง เลยตัดสิ้นใจสมัครกับบริษัทนี้โดยไม่ลังเลใจเลย หลังจากส่งใบสมัครได้ 4 วัน เช้าวัน อังคารที่ 5 มีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางโทรติดต่อเข้ามาบอกว่าคุณผ่านการคัดกรองประวัติเบื้องต้น และเขาก็นัดวันสัมภาษณ์งาน คือวัน พฤหัส ที่ 7 ซึ่งตอนนั้นเราแบบ เอ้ยยยย อะไรว่ะ เร็วมากกกกกก เร็วแบบยังไม่ทันตั้งตัวเลยเรียกสัมภาษณ์แล้ว
วันที่ 7 เราก็เดินทางไปสัมภาษณ์งานตามปกติ ในใจคือตื่นเต้นมากกก การแต่งกายก็ควรแต่งชุดสุภาพนะ เราก็ใส่ชุดนักศึกษาเลยจ้า เช็ตผมเรียบร้อย 55555 ก่อนหน้านี้เราก็ไปดูยูทูปนะว่า เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การแนะนำตัว นั้นนี้บล่า ๆ บอกตามตรงนี้เป็นการสัมภาษณ์งานที่แบบจริงจังมากที่สุด เพราะสัมภาษณ์กับสำนักงานใหญ่ของเขาเลย เราก็เลยต้องเตรียมตัวนิดหนึ่งก่อนไปสัมภาษณ์ พอเข้าไป เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปนั่งรอที่ห้องอีกหนึ่งหนึ่ง บรรยากาศแบบเนอะ ก็อารม์ออฟฟิตที่ทำงานทั่วๆ ไป รู้สึกว่ามีคนมารอสัมภาษณ์ 4 คน รวมเราแล้วนะ แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีมากี่คน เพราะมันจะมีเป็นรอบๆ เราได้สัมภาษณ์รอบบ่าย เขาก็เรียกเข้าไปทีละคน แต่ละคนคือสัมภาษณ์นานมากกกก ใอ้เราก็เริ่มเครียดและกดดัน
55555
และแล้วก็มาถึงคิวของเรา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาเรียกเรา น้องๆ ตามพี่มา เราก็เดินตามพี่เขาไป และพี่เขาก็เปิดประตูให้ เราแบบรู้สึกหนาวมากกกก แอร์คือเย็นฉ่ำ มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวดูทรงคุณวุฒิมาก ให้เดานะ หน้าจะเป็น แอร์เรีย ไม่ก็ผู้จัดการเขต ไม่แน่ใจ แต่เขาคุยเป็นกันเองมาก น่าจะอยากให้เราสบายๆ กับการสัมภาณ์แหละ
คำถามแรกเลย
1.แนะนำตัวหน่อย อิอิ รู้กัน ก็ตามสไตล์
2.อายุเท่าไหร่
3.เคยทำงานที่ไหนมาบ้าง
4.ข้อนี้เขาให้เราเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง 2 บริษัทที่เราเคยทำงานมา (ไม่ใช่บอกข้อเสียนะ แต่ต้องตอบเชิงลักษณะการทำงาน กลุ่มลูกค้า หรืออะไรก็ได้ อย่าตอบข้อเสียเด็ดขาด เพราะมันจะดูเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติที่ทำงานเก่าเราด้วย อันนี้ความคิดส่วนตัว)
5.พักที่ไหน
6.อยากทำสาขาไหน
7.ตอนทำอยู่ที่ทำงานเก่าทำแผนกอะไร ลองเล่าให้ฟังหน่อย
8.เนื่องจากเราสมัครตำแหน่ง รองผู้ช่วยผู้จัดการ หากมีน้องพนักงานมาเริ่มงานใหม่ เราจะมีวิธีการสอนงานอย่างไร ไหนลองเล่าให้ฟังสิ เอาแบบที่เราเข้าใจ
9.ข้อนี้พีคมาก เราให้เปรียบเทียบกลุ่มลูกค้า 2 สาขา และให้บอกว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการเพิ่มจำนวนลูกค้า
10.ข้อนี้ก็พีค เขาถามว่า คิดว่าหัวหน้างานที่คุณสมัคร หรือตำแหน่งหัวหน้าอื่นๆ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ไหนลองบอกผมหน่อย
11.แล้วคุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติข้อไหนบ้างลองบอกมาสัก 5 ข้อและยกตัวอย่าง
12.สามารถเริ่มงานได้ทันทีไหม
13.อยากลงสาขาไหนบ้าง อันนี้เราก็บอกไปว่าสาขาที่ใกล้บ้านมากที่สุดแล้วก็ค่อยๆ ไล่ออกไป 55555555555
***** หลังจากเราตอบเสร็จ เขาก็บอกว่า วันนี้มีคนที่ผมสัมภาษณ์งานทั้งหมด 10 กว่าคนบอกผมหมดเลยว่าอยากลงสาขาแรกที่คุณเลือก เพราะใกล้บ้าน (ในใจคือแบบ เราไม่น่าจะได้ละแหละ เห้อชีวิตคู่แข็งเยอะจัง)
14.มีอะไรอยากสอบถามเพิ่มไหม
หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า ถ้าผ่านจะมี HR ติดต่อกลับไปว่าผ่านนะ และจะแจ้งสาขาที่ได้ทำงาน เชื่อไหม 14 ข้อที่นั่งตอบมา มีทั้งหัวเราะบ้าง เครียดบ้าง วิเคราะห์บ้าง นั้นนี้บล่า ๆ แปปเดี๋ยวผ่านไปละ 30 นาที ตอนออกมาจากห้องสัมภาษณ์ ดูนาฬิกา 16.30 น. แล้วหรอ เร็วจัง หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมาที่บ้าน ถึงบ้านตอน 17.30 น. กำลังเปลี่ยนชุด มีสายโทรเข้ามา อ่อ ลืมบอก เราบันทึกเบอร์ของส่วนกลางไว้หมดว่าเป็นเบอร์ส่วนกลางตอนเขาโทรมาจะได้รู้ 55555555 และมันก็ใช่จริง ส่วนกลางโทรมา เราแบบใจเต้นแรงมากกกกกกก มันเร็วไปไหมเนี่ยยยยย ตั้งแต่วันนัดสัมภาษณ์ละ
เรารีบกดรับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า โทรจากบริษัท............. นะคะ คุณ......... ใช่ไหมคะ คุณผ่านการพิจารณานะคะ (ในใจคือแบบ สักที ในที่สุด) แต่มันก็มีเรื่องพีคกว่านั้นเมื่อได้ยินคำตอบนี้คือ สาขาที่น้องได้คือ สาขา............ หลังจากฟังชื่อสาขาจบ ในใจซึ่งมันเป็นสาขาที่เราเคยทำสมัยเรียน 555555555555555 อะไรจะขนาดนั้น55555555 แล้วเขาก็แจ้งว่า เริ่มงาน 3 พฤษภา นี้ ขอบคุณค่ะ เราก็ขอบคุณครับ และวางสายไป
นี้ก็เป็นประสบการณ์การสัมภาษ์งานที่เราสัมภาษณ์ไปนะ และสุดท้ายนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้คนที่หางานอยู่ หรือเพิ่งเรียนจบนะ อย่าท้อ ค่อยๆคิด ค่อยๆหางานไป สู้ๆ บางงานอาจจะไม่ใช่งานที่ใช่ แต่ก็หาประสบกาณ์ไว้ อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากงานในองค์กร เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ (เราไม่ได้จบสายบริการมาโดยตรงนะบอกไว้ก่อน)
แชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์งานกับสำนักงานใหญ่โรงหนังแห่งหนึ่ง
เอาละเข้าเรื่อง สาเหตุที่เราตัดสิ้นใจกลับมาทำที่บริษัทนี้ก็เป็นเพราะว่า เราอาจจะคุ้นชินกับลักษณะของเขาด้วยแหละมั้ง เลยตัดสิ้นใจสมัครกับบริษัทนี้โดยไม่ลังเลใจเลย หลังจากส่งใบสมัครได้ 4 วัน เช้าวัน อังคารที่ 5 มีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางโทรติดต่อเข้ามาบอกว่าคุณผ่านการคัดกรองประวัติเบื้องต้น และเขาก็นัดวันสัมภาษณ์งาน คือวัน พฤหัส ที่ 7 ซึ่งตอนนั้นเราแบบ เอ้ยยยย อะไรว่ะ เร็วมากกกกกก เร็วแบบยังไม่ทันตั้งตัวเลยเรียกสัมภาษณ์แล้ว
วันที่ 7 เราก็เดินทางไปสัมภาษณ์งานตามปกติ ในใจคือตื่นเต้นมากกก การแต่งกายก็ควรแต่งชุดสุภาพนะ เราก็ใส่ชุดนักศึกษาเลยจ้า เช็ตผมเรียบร้อย 55555 ก่อนหน้านี้เราก็ไปดูยูทูปนะว่า เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การแนะนำตัว นั้นนี้บล่า ๆ บอกตามตรงนี้เป็นการสัมภาษณ์งานที่แบบจริงจังมากที่สุด เพราะสัมภาษณ์กับสำนักงานใหญ่ของเขาเลย เราก็เลยต้องเตรียมตัวนิดหนึ่งก่อนไปสัมภาษณ์ พอเข้าไป เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปนั่งรอที่ห้องอีกหนึ่งหนึ่ง บรรยากาศแบบเนอะ ก็อารม์ออฟฟิตที่ทำงานทั่วๆ ไป รู้สึกว่ามีคนมารอสัมภาษณ์ 4 คน รวมเราแล้วนะ แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีมากี่คน เพราะมันจะมีเป็นรอบๆ เราได้สัมภาษณ์รอบบ่าย เขาก็เรียกเข้าไปทีละคน แต่ละคนคือสัมภาษณ์นานมากกกก ใอ้เราก็เริ่มเครียดและกดดัน 55555
และแล้วก็มาถึงคิวของเรา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาเรียกเรา น้องๆ ตามพี่มา เราก็เดินตามพี่เขาไป และพี่เขาก็เปิดประตูให้ เราแบบรู้สึกหนาวมากกกก แอร์คือเย็นฉ่ำ มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวดูทรงคุณวุฒิมาก ให้เดานะ หน้าจะเป็น แอร์เรีย ไม่ก็ผู้จัดการเขต ไม่แน่ใจ แต่เขาคุยเป็นกันเองมาก น่าจะอยากให้เราสบายๆ กับการสัมภาณ์แหละ
คำถามแรกเลย
1.แนะนำตัวหน่อย อิอิ รู้กัน ก็ตามสไตล์
2.อายุเท่าไหร่
3.เคยทำงานที่ไหนมาบ้าง
4.ข้อนี้เขาให้เราเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง 2 บริษัทที่เราเคยทำงานมา (ไม่ใช่บอกข้อเสียนะ แต่ต้องตอบเชิงลักษณะการทำงาน กลุ่มลูกค้า หรืออะไรก็ได้ อย่าตอบข้อเสียเด็ดขาด เพราะมันจะดูเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติที่ทำงานเก่าเราด้วย อันนี้ความคิดส่วนตัว)
5.พักที่ไหน
6.อยากทำสาขาไหน
7.ตอนทำอยู่ที่ทำงานเก่าทำแผนกอะไร ลองเล่าให้ฟังหน่อย
8.เนื่องจากเราสมัครตำแหน่ง รองผู้ช่วยผู้จัดการ หากมีน้องพนักงานมาเริ่มงานใหม่ เราจะมีวิธีการสอนงานอย่างไร ไหนลองเล่าให้ฟังสิ เอาแบบที่เราเข้าใจ
9.ข้อนี้พีคมาก เราให้เปรียบเทียบกลุ่มลูกค้า 2 สาขา และให้บอกว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการเพิ่มจำนวนลูกค้า
10.ข้อนี้ก็พีค เขาถามว่า คิดว่าหัวหน้างานที่คุณสมัคร หรือตำแหน่งหัวหน้าอื่นๆ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ไหนลองบอกผมหน่อย
11.แล้วคุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติข้อไหนบ้างลองบอกมาสัก 5 ข้อและยกตัวอย่าง
12.สามารถเริ่มงานได้ทันทีไหม
13.อยากลงสาขาไหนบ้าง อันนี้เราก็บอกไปว่าสาขาที่ใกล้บ้านมากที่สุดแล้วก็ค่อยๆ ไล่ออกไป 55555555555
***** หลังจากเราตอบเสร็จ เขาก็บอกว่า วันนี้มีคนที่ผมสัมภาษณ์งานทั้งหมด 10 กว่าคนบอกผมหมดเลยว่าอยากลงสาขาแรกที่คุณเลือก เพราะใกล้บ้าน (ในใจคือแบบ เราไม่น่าจะได้ละแหละ เห้อชีวิตคู่แข็งเยอะจัง)
14.มีอะไรอยากสอบถามเพิ่มไหม
หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า ถ้าผ่านจะมี HR ติดต่อกลับไปว่าผ่านนะ และจะแจ้งสาขาที่ได้ทำงาน เชื่อไหม 14 ข้อที่นั่งตอบมา มีทั้งหัวเราะบ้าง เครียดบ้าง วิเคราะห์บ้าง นั้นนี้บล่า ๆ แปปเดี๋ยวผ่านไปละ 30 นาที ตอนออกมาจากห้องสัมภาษณ์ ดูนาฬิกา 16.30 น. แล้วหรอ เร็วจัง หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมาที่บ้าน ถึงบ้านตอน 17.30 น. กำลังเปลี่ยนชุด มีสายโทรเข้ามา อ่อ ลืมบอก เราบันทึกเบอร์ของส่วนกลางไว้หมดว่าเป็นเบอร์ส่วนกลางตอนเขาโทรมาจะได้รู้ 55555555 และมันก็ใช่จริง ส่วนกลางโทรมา เราแบบใจเต้นแรงมากกกกกกก มันเร็วไปไหมเนี่ยยยยย ตั้งแต่วันนัดสัมภาษณ์ละ
เรารีบกดรับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า โทรจากบริษัท............. นะคะ คุณ......... ใช่ไหมคะ คุณผ่านการพิจารณานะคะ (ในใจคือแบบ สักที ในที่สุด) แต่มันก็มีเรื่องพีคกว่านั้นเมื่อได้ยินคำตอบนี้คือ สาขาที่น้องได้คือ สาขา............ หลังจากฟังชื่อสาขาจบ ในใจซึ่งมันเป็นสาขาที่เราเคยทำสมัยเรียน 555555555555555 อะไรจะขนาดนั้น55555555 แล้วเขาก็แจ้งว่า เริ่มงาน 3 พฤษภา นี้ ขอบคุณค่ะ เราก็ขอบคุณครับ และวางสายไป
นี้ก็เป็นประสบการณ์การสัมภาษ์งานที่เราสัมภาษณ์ไปนะ และสุดท้ายนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้คนที่หางานอยู่ หรือเพิ่งเรียนจบนะ อย่าท้อ ค่อยๆคิด ค่อยๆหางานไป สู้ๆ บางงานอาจจะไม่ใช่งานที่ใช่ แต่ก็หาประสบกาณ์ไว้ อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากงานในองค์กร เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ (เราไม่ได้จบสายบริการมาโดยตรงนะบอกไว้ก่อน)