เราเห็นกระทู้แนะนำเรื่องสามีขอออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงแล้วภรรยาบอกว่าเหนื่อย ต้องการให้สามีช่วยดูลูกให้ เธอจะได้ไปอาบน้ำทำอย่างอ่ื่นได้ก่อน เราเลยอยากมาแชร์เรื่องราวของเราบ้างค่ะ
เพิ่มเติมนิดนึงนะคะ เราทำงานประจำ ไม่ใช่คุณแม่ฟูลไทม์ค่ะ
ออกจากบ้านหกโมงเป็นอย่างช้าและกลับบ้านดึกหน่อยประมาณสามทุ่มกว่า ช่วงนี้โควิดระบาดเลยได้ wfh ค่ะ ส่วนสามีทำงานที่บ้าน ก็คือสามารถเดินไปทำงานที่ส่วนของโรงงานได้เลย
ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า เราแต่งงานมาแล้วสี่ปีกว่า มีลูกหนึ่งคน อายุ 2 ขวบแล้ว และกำลังท้องลูกอีกคนค่ะ เราแฮปปี้กับลูกมาก ลูกวัยกำลังน่ารักและอยากให้เค้ามีพี่น้องค่ะ ส่วนสามีนะ เราก็ไม่ได้โมโหอะไรเค้าหรอก แต่อยากมาเล่าเรื่องของเราบ้าง มาเล่าเรื่องตอนท้องแรกก่อน
>ตอนที่เราท้องโต เราขอสามีว่าปรกติเราดูแลบ้าน ทำอาหาร และอาบน้ำหมา 2 ตัว (เก็บอึ๊หมาด้วยนะ) ขอให้เค้าช่วยดูให้หน่อย ท้องโตแล้ว ก้มเช็ดพื้น นั่งเก้าอี้เตี้ยอาบน้ำหมาไม่ไหวแล้ว ผลคือ สามีเราทำบ้างไม่ทำบ้าง พอไม่ทำ สุดท้ายเราก็ทำเอง
วนเวียนเรื่องแบบนี้ตลอดจนเราเองก็ทนตัวเองไม่ได้ที่ต้องพูดซ้ำๆบ่อยๆ เราเลยใช้เงินแก้ปัญหา คือ เราหาเครื่องถูกบ้านมาค่ะ ปีนั้นยังไม่มีเครื่องถูอัตโนมัติค่ะ มีแต่แบบต้องใช้เข็นไปตามพื้น ถ้าใครใช้อยุ่จะรู้ว่ามันคือของ bissell คงพอนึกออกว่าต้องใช้แรงงานเรา และยังหนักอยู่ บ้านเราค่อนข้างกว้าง และห้องครัวก็ใหญ่ พื้นครัวเหนียวง่ายต้องถูหลายรอบค่ะ
ตัดมาที่ตอนคลอดเลยแล้วกันนะคะ แต๊นแต๊นนนน ลูกน้อยลืมตามาดูโลกวันแรก สิ่งที่เราเจอจากสามีคนดี มีตามนี้เลย
>>ด้วยความที่ต้องไปโรงพยาบาลแบบกระทันหัน และต้องคลอดในทันที เลยไม่ได้หยิบกระเป๋าสัมภาระไป เครื่องปั๋มนมเรายังไม่ได้เก็บลงกระเป๋าเพราะว่าเพิ่งซื้อมาต้องชาร์จแบ็ต ซื้อมือสองต้องลองแบตก่อน (เราซื้อช้าด้วย ต้องบอกว่าช่วงนั้นเราต้องประหยัดเงินมากมาก ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราต้องรับผิดชอบเองหมดเลยเพราะสามีได้รับผลกระทบจากโควิดค่ะ เลยรอตอนเซลบ้าง รอไปซื้อถึงที่โรงงานตอนเค้ามีงานเซลขวดนม ตัวไหนใช้มือสองได้เราซื้อมือสองค่ะ)
>>> เราต้องคอยตอบไลน์ ว่าสามีต้องหยิบอะไร กรวยปั๊มอยู่ในเครื่องอบ ต้องเอาปากเป็ดจากไหน แล้วปากเป็ดมันต้องใส่กล่องพลาสติกกันฝุ่นไว้ใช้มั้ยคะ บันเทิงเลยค่ะ สามีถ่ายภาพลิ้นชักทุกชั้นมาถามว่าอยุ่ตรงไหน ต้องขยายภาพ วงกลมไว้ให้
ส่วนอย่างอื่น เราเตรียมใส่กระเป๋าหมดแล้ว เลยทำให้ง่าย ไม่งั้นคงได้คุยไลน์กันยาว
>>>>>กลับมาบ้าน เราทำอาหารเช้า เอาลูกวางไว้ก่อน เราทำอาหารไวค่ะ สามีทาน American Breakfast เท่านั้น ถ้าทำอย่างอื่นจะทานได้น้อย แล้วเค้าชอบบอกเราว่าเค้าชอบกินอะไร พอเราทำเสร็จ ก็โทรเรียกคุณสามีลงมากิน เราอุ้มลูกมือนึง กินอาหารมือนึง มีขนมปังปิ้ง เนย แยม สปาเกตตี้ นะ เก็บจาน ล้างจาน แล้วขึ้นห้องไปเลี้ยงลูก ซักผ้าพับผ้าตอนลูกหลับ ส่วนอาหารเย็นเราทำพิซซ่ากับสปาเกตตี้ค่ะ อาหารไทยเราก็ทำ แต่ว่าเราเดินมากไม่ค่อยได้ อาหารไทยต้องมีผัก เรายังไปตลาดเองไม่ได้ ผ่าคลอดด้วย เจ็บท้องเจ็บแผลมากค่ะ เราบ่นสามีเพราะเราคาดหวังให้เค้าตักข้าวตอนที่เราทำอาหาร เอาข้าวและช้อนมาวางที่โต๊ะอาหารก่อน พอเราทำอาหารเสร็จ เราก้คาดหวังให้เค้ามาช่วยยกไปเลย เพราะเราเจ็บแผล เราต้องการเดินเอามือกดแผลเอาไว้
เราบ่นทุกมื้อ บ่นทุกครั้งเลยค่ะ จนเราเลิกบ่นไปเอง เราขอพ่อแม่เราเอง พ่อเรามาช่วยดูลูกให้ เรายืนทำอาหารเหมือนเดิม แต่เราสบายใจเพราะเราได้กินอาหารที่เราอยากจะกิน ไม่ต้องกังวลและรีบเกินว่าลูกจะร้อง แล้วอาหารไทย อาหารจีนมันต้องผัดเสียงดัง ตำพริก ทุบขิง อีก ปลอกผลไม้ นึกออกไหมอะ คือวันไหนพ่อมาช่วยดูน้อง วันนั้นเรากินอิ่ม นอนหลับ สบายใจมากค่ะ กินขนมปังกินแป้งทุกวันก็ไม่ค่อยสบายท้อง ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่บ้านพ่อแม่ตัวเอง เราชอบทำอะไรด้วยตัวเอง และเราอยากที่จะรับผิดชอบครอบครัวตัวเองมีแค่เรากับสามีค่ะ เราสามารถขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่เราได้ บ้านพ่อแม่เราอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราค่ะ ส่วนพ่อแม่สามี มักชอบบ่นเราว่าก่อนเสมอที่จะต่อว่าลูกตัวเอง เราโดนว่าว่าขี้เกียจ จะต้องทำอาหาร ทั้งที่กินไปแล้ว เก้บแล้ว และเราทำเผื่ออาหารเที่ยงแล้วด้วย แค่เอาพิซซ่ามาอบใหม่ก็กินได้แล้ว แต่พ่อสามีไม่เข้าใจ เห็นว่าบ้านไม่ได้จัดโต๊ะอาหารเลยบ่นมาก่อน แม่สามีต่อว่าเราท้องไม่ยุบ ทำไมท้องยังโต แล้วเจอเราทีไรเรากินเยอะค่ะ 5555 แต่เราหุ่นสเลนเดอร์นะ คลอดมาแล้วแปดเดือนหุ่นเรากลับเป้นปรกติแล้ว แค่มันช้ากว่าคนอื่นๆเท่านั้นเอง
>>>>>มีอีกนะ ยกตัวอย่างเท่านี้พอ 55555
มาเรื่องการตัดสินใจ สามีเราตัดสินใจแบบมักเออออตามผู้ใหญ่ฝั่งเค้า เช่น คุณแม่ คุณป้า การตัดสินใจของเค้ามักพาให้เราแบบว่า จำเป็นต้องรับภาระเพิ่ม
ยกตัวอย่างนะคะ
> จะแต่งงานแล้ว ให้เรากับแฟนซื้อบ้านราคา 7 ล้าน ให้ผ่อนด้วยกัน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย สามีเราบอกว่าแม่เค้าแจ้งว่าโรงงานจะช่วยผ่อนให้ด้วย เรายืนยันว่าไม่เอาค่ะ เก็บเงินแล้วซื้อบ้านเงินสดไปเลยดีกว่า อีกอย่างเศรษฐกิจไม่แน่นอน วันนี้โรงงานช่วยรับภาระให้ได้ วันหน้าอาจไม่ได้
และสามีมีพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็มีครอบครัว มันคงไม่แฟร์สำหรับครอบครัวพี่ชายว่าทำไมโรงงานต้องมาอุ้มเราสองคนด้วย แต่ครอบครัวเขาสร้างทุกอย่างด้วยสองมือเขาเอง เราเองไม่กล้ารับ มันไม่มีความภูมิใจอยู่ในใจเราค่ะ สรุปเรื่องนี้จบที่ไม่ซื้อบ้าน แล้วอยู่บ้านเดิมไปก่อน
>> เรื่องคอนโด สามีเราซื้อคอนโดมา นานแล้วหละ ผ่อนแต่ดอก ตัดต้นน้อยมากมาก ผ่อนไปนานวันราคาบ้านที่ผ่อนแพงกว่าราคาตลาดที่ปล่อยได้ ด้วยความที่คอนโดเก่าแล้ว และอยู่ชั้น 1 สุดท้ายคุณแม่มาเร่งเราให้ช่วยขายคอนโด เราก็ลองไปติดป้ายแล้ว ฝากเอเจ้นท์ช่วยขาย ก็ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนตอนนี้แต่งมาสี่ปี ยังขายไม่ได้เลยค่ะ
ป.ล. ที่แม่สามีคาดหวังให้เราขายมันให้ได้ เพราะบ้านเราทำบ้านเช่า และขายบ้านด้วยค่ะ เขาเลยมีความเข้าใจว่าคนทำงานอะไรแบบนี้จะต้องรู้จักคนและขายมันได้แน่นอน ความจริงคือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ location, price, demand & supply ซึ่งคอนโดนั้นคนประกาศขายกันเพียบ และยังคงรอขายกันต่อไปค่ะ
>>> เรื่องรถ สามีเราอยากได้รถค่ะ ปีที่ 1 อยากได้รถ A ปีต่อมาบอกว่ารถ A คันเล็กไป เลยอยากได้คันใหม่คือ รถ B พอได้รถ B มา ก็บอกว่าเจ็บขา ขับแล้วเกร็งเป็นตะคริว ต้องเลือกคันใหม่ ก็มีตัวเลือกมาเพิ่มเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อนะคะ เพราะสถานการณ์ทางการเงินของโรงงานไม่ดีค่ะ เลยต้องชะลอทุกการใช้จ่ายไว้ก่อน
>>>> สามีเราบอก ห้องนอนเราไม่เย็นเลย จะต้องเปลี่ยนแอร์ 2 ตัว ที่สำคัญคือดูมาแล้วว่าอยากได้รุ่นไหนแบบไหนด้วย!!! เราเลยไปศึกษาเรื่องแอร์ สรุปว่าแอร์ที่อยู่นั้นสามารถให้ความเย็นเพียงพอต่อพื้นที่ห้องนอนเราเลย สาเหตุคือ ไม่ได้ล้างแอร์มานานแล้ว และหน้าร้อนอากาศร้อนกว่าปกติด้วย หลังจากล้างแอร์ไป ห้องเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ สามีเปิดแอร์สบายใจเลย
>>>>> บ้านตัวเองมีปัญหาการเงิน เราไม่เคยต่อว่า เราเห็นใจ แต่เราโมโหค่ะ สามีเราใช้เงินเป็นกระดาษเลย ได้เงินมาแทนที่จะช่วยเราแบ่งเบาภาระบ้าง เขาเอาเงินไปซื้อสิ่งของที่เขาอยากได้ แทนที่จะช่วยเราเก็บก่อน เพราะเดี๋ยวคลอดลูก มันจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมา
ใครว่าจะดูผู้หญิง ให้ดูตอนลำบาก หรือชอบว่าผู้หญิงเลือกผู้ชายมีเงิน เราว่าเราเข้าใจนะและเราเคยไม่ต่อว่าผู้หญิงคนนั้นเลย ในทางกลับกันนะ ถ้าเป็นผู้ชายจะหนีจากการที่ต้องรับภาระอยู่ฝ่ายเดียว ก็ไปเถอะค่ะ เราไม่ต่อว่าและเราก็ไม่อยากให้สังคมไปรุมต่อว่าผู้ชายคนนั้นด้วย
ทุกวันนี้สามีเราปรับตัว (บ้างแล้ว เราก็โอเคนะ ไม่ได้ว่าอะไร) สำหรับเราถ้าเค้ามีเมียน้อย นอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ เราจบทันทีค่ะ เรื่องที่บ่นให้ฟังมันปัญหาเล็กน้อยมาก แต่เรากังวลนะคะว่าถ้าเขาทำตัวแบบนี้ เรากลัวว่าลูกจะเอาแบบอย่างแล้วกลายเป็นพ่อของเขา ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับคนอื่น โดยเฉพาะกับคู่ชีวิตค่ะ เราหวังนะคะว่าสามีเราจะปรับตัวได้
เราอยากให้พ่อแม่สอนลูกให้รับผิดชอบตัวเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ใจกว้าง นึกถึงคนที่อยู่ด้วยกันบ้าง อยู่ด้วยกันจะได้สบายใจค่ะ
อยากเล่าบ้าง สามีพูดยากพูดเย็น ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ แต่เป็นคนดีนะ แค่ทำเราเดือดร้อนบ่อยๆ ค่ะ
เพิ่มเติมนิดนึงนะคะ เราทำงานประจำ ไม่ใช่คุณแม่ฟูลไทม์ค่ะ ออกจากบ้านหกโมงเป็นอย่างช้าและกลับบ้านดึกหน่อยประมาณสามทุ่มกว่า ช่วงนี้โควิดระบาดเลยได้ wfh ค่ะ ส่วนสามีทำงานที่บ้าน ก็คือสามารถเดินไปทำงานที่ส่วนของโรงงานได้เลย
ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า เราแต่งงานมาแล้วสี่ปีกว่า มีลูกหนึ่งคน อายุ 2 ขวบแล้ว และกำลังท้องลูกอีกคนค่ะ เราแฮปปี้กับลูกมาก ลูกวัยกำลังน่ารักและอยากให้เค้ามีพี่น้องค่ะ ส่วนสามีนะ เราก็ไม่ได้โมโหอะไรเค้าหรอก แต่อยากมาเล่าเรื่องของเราบ้าง มาเล่าเรื่องตอนท้องแรกก่อน
>ตอนที่เราท้องโต เราขอสามีว่าปรกติเราดูแลบ้าน ทำอาหาร และอาบน้ำหมา 2 ตัว (เก็บอึ๊หมาด้วยนะ) ขอให้เค้าช่วยดูให้หน่อย ท้องโตแล้ว ก้มเช็ดพื้น นั่งเก้าอี้เตี้ยอาบน้ำหมาไม่ไหวแล้ว ผลคือ สามีเราทำบ้างไม่ทำบ้าง พอไม่ทำ สุดท้ายเราก็ทำเอง
วนเวียนเรื่องแบบนี้ตลอดจนเราเองก็ทนตัวเองไม่ได้ที่ต้องพูดซ้ำๆบ่อยๆ เราเลยใช้เงินแก้ปัญหา คือ เราหาเครื่องถูกบ้านมาค่ะ ปีนั้นยังไม่มีเครื่องถูอัตโนมัติค่ะ มีแต่แบบต้องใช้เข็นไปตามพื้น ถ้าใครใช้อยุ่จะรู้ว่ามันคือของ bissell คงพอนึกออกว่าต้องใช้แรงงานเรา และยังหนักอยู่ บ้านเราค่อนข้างกว้าง และห้องครัวก็ใหญ่ พื้นครัวเหนียวง่ายต้องถูหลายรอบค่ะ
ตัดมาที่ตอนคลอดเลยแล้วกันนะคะ แต๊นแต๊นนนน ลูกน้อยลืมตามาดูโลกวันแรก สิ่งที่เราเจอจากสามีคนดี มีตามนี้เลย
>>ด้วยความที่ต้องไปโรงพยาบาลแบบกระทันหัน และต้องคลอดในทันที เลยไม่ได้หยิบกระเป๋าสัมภาระไป เครื่องปั๋มนมเรายังไม่ได้เก็บลงกระเป๋าเพราะว่าเพิ่งซื้อมาต้องชาร์จแบ็ต ซื้อมือสองต้องลองแบตก่อน (เราซื้อช้าด้วย ต้องบอกว่าช่วงนั้นเราต้องประหยัดเงินมากมาก ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราต้องรับผิดชอบเองหมดเลยเพราะสามีได้รับผลกระทบจากโควิดค่ะ เลยรอตอนเซลบ้าง รอไปซื้อถึงที่โรงงานตอนเค้ามีงานเซลขวดนม ตัวไหนใช้มือสองได้เราซื้อมือสองค่ะ)
>>> เราต้องคอยตอบไลน์ ว่าสามีต้องหยิบอะไร กรวยปั๊มอยู่ในเครื่องอบ ต้องเอาปากเป็ดจากไหน แล้วปากเป็ดมันต้องใส่กล่องพลาสติกกันฝุ่นไว้ใช้มั้ยคะ บันเทิงเลยค่ะ สามีถ่ายภาพลิ้นชักทุกชั้นมาถามว่าอยุ่ตรงไหน ต้องขยายภาพ วงกลมไว้ให้
ส่วนอย่างอื่น เราเตรียมใส่กระเป๋าหมดแล้ว เลยทำให้ง่าย ไม่งั้นคงได้คุยไลน์กันยาว
>>>>>กลับมาบ้าน เราทำอาหารเช้า เอาลูกวางไว้ก่อน เราทำอาหารไวค่ะ สามีทาน American Breakfast เท่านั้น ถ้าทำอย่างอื่นจะทานได้น้อย แล้วเค้าชอบบอกเราว่าเค้าชอบกินอะไร พอเราทำเสร็จ ก็โทรเรียกคุณสามีลงมากิน เราอุ้มลูกมือนึง กินอาหารมือนึง มีขนมปังปิ้ง เนย แยม สปาเกตตี้ นะ เก็บจาน ล้างจาน แล้วขึ้นห้องไปเลี้ยงลูก ซักผ้าพับผ้าตอนลูกหลับ ส่วนอาหารเย็นเราทำพิซซ่ากับสปาเกตตี้ค่ะ อาหารไทยเราก็ทำ แต่ว่าเราเดินมากไม่ค่อยได้ อาหารไทยต้องมีผัก เรายังไปตลาดเองไม่ได้ ผ่าคลอดด้วย เจ็บท้องเจ็บแผลมากค่ะ เราบ่นสามีเพราะเราคาดหวังให้เค้าตักข้าวตอนที่เราทำอาหาร เอาข้าวและช้อนมาวางที่โต๊ะอาหารก่อน พอเราทำอาหารเสร็จ เราก้คาดหวังให้เค้ามาช่วยยกไปเลย เพราะเราเจ็บแผล เราต้องการเดินเอามือกดแผลเอาไว้
เราบ่นทุกมื้อ บ่นทุกครั้งเลยค่ะ จนเราเลิกบ่นไปเอง เราขอพ่อแม่เราเอง พ่อเรามาช่วยดูลูกให้ เรายืนทำอาหารเหมือนเดิม แต่เราสบายใจเพราะเราได้กินอาหารที่เราอยากจะกิน ไม่ต้องกังวลและรีบเกินว่าลูกจะร้อง แล้วอาหารไทย อาหารจีนมันต้องผัดเสียงดัง ตำพริก ทุบขิง อีก ปลอกผลไม้ นึกออกไหมอะ คือวันไหนพ่อมาช่วยดูน้อง วันนั้นเรากินอิ่ม นอนหลับ สบายใจมากค่ะ กินขนมปังกินแป้งทุกวันก็ไม่ค่อยสบายท้อง ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่บ้านพ่อแม่ตัวเอง เราชอบทำอะไรด้วยตัวเอง และเราอยากที่จะรับผิดชอบครอบครัวตัวเองมีแค่เรากับสามีค่ะ เราสามารถขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่เราได้ บ้านพ่อแม่เราอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราค่ะ ส่วนพ่อแม่สามี มักชอบบ่นเราว่าก่อนเสมอที่จะต่อว่าลูกตัวเอง เราโดนว่าว่าขี้เกียจ จะต้องทำอาหาร ทั้งที่กินไปแล้ว เก้บแล้ว และเราทำเผื่ออาหารเที่ยงแล้วด้วย แค่เอาพิซซ่ามาอบใหม่ก็กินได้แล้ว แต่พ่อสามีไม่เข้าใจ เห็นว่าบ้านไม่ได้จัดโต๊ะอาหารเลยบ่นมาก่อน แม่สามีต่อว่าเราท้องไม่ยุบ ทำไมท้องยังโต แล้วเจอเราทีไรเรากินเยอะค่ะ 5555 แต่เราหุ่นสเลนเดอร์นะ คลอดมาแล้วแปดเดือนหุ่นเรากลับเป้นปรกติแล้ว แค่มันช้ากว่าคนอื่นๆเท่านั้นเอง
>>>>>มีอีกนะ ยกตัวอย่างเท่านี้พอ 55555
มาเรื่องการตัดสินใจ สามีเราตัดสินใจแบบมักเออออตามผู้ใหญ่ฝั่งเค้า เช่น คุณแม่ คุณป้า การตัดสินใจของเค้ามักพาให้เราแบบว่า จำเป็นต้องรับภาระเพิ่ม
ยกตัวอย่างนะคะ
> จะแต่งงานแล้ว ให้เรากับแฟนซื้อบ้านราคา 7 ล้าน ให้ผ่อนด้วยกัน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย สามีเราบอกว่าแม่เค้าแจ้งว่าโรงงานจะช่วยผ่อนให้ด้วย เรายืนยันว่าไม่เอาค่ะ เก็บเงินแล้วซื้อบ้านเงินสดไปเลยดีกว่า อีกอย่างเศรษฐกิจไม่แน่นอน วันนี้โรงงานช่วยรับภาระให้ได้ วันหน้าอาจไม่ได้
และสามีมีพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็มีครอบครัว มันคงไม่แฟร์สำหรับครอบครัวพี่ชายว่าทำไมโรงงานต้องมาอุ้มเราสองคนด้วย แต่ครอบครัวเขาสร้างทุกอย่างด้วยสองมือเขาเอง เราเองไม่กล้ารับ มันไม่มีความภูมิใจอยู่ในใจเราค่ะ สรุปเรื่องนี้จบที่ไม่ซื้อบ้าน แล้วอยู่บ้านเดิมไปก่อน
>> เรื่องคอนโด สามีเราซื้อคอนโดมา นานแล้วหละ ผ่อนแต่ดอก ตัดต้นน้อยมากมาก ผ่อนไปนานวันราคาบ้านที่ผ่อนแพงกว่าราคาตลาดที่ปล่อยได้ ด้วยความที่คอนโดเก่าแล้ว และอยู่ชั้น 1 สุดท้ายคุณแม่มาเร่งเราให้ช่วยขายคอนโด เราก็ลองไปติดป้ายแล้ว ฝากเอเจ้นท์ช่วยขาย ก็ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนตอนนี้แต่งมาสี่ปี ยังขายไม่ได้เลยค่ะ
ป.ล. ที่แม่สามีคาดหวังให้เราขายมันให้ได้ เพราะบ้านเราทำบ้านเช่า และขายบ้านด้วยค่ะ เขาเลยมีความเข้าใจว่าคนทำงานอะไรแบบนี้จะต้องรู้จักคนและขายมันได้แน่นอน ความจริงคือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ location, price, demand & supply ซึ่งคอนโดนั้นคนประกาศขายกันเพียบ และยังคงรอขายกันต่อไปค่ะ
>>> เรื่องรถ สามีเราอยากได้รถค่ะ ปีที่ 1 อยากได้รถ A ปีต่อมาบอกว่ารถ A คันเล็กไป เลยอยากได้คันใหม่คือ รถ B พอได้รถ B มา ก็บอกว่าเจ็บขา ขับแล้วเกร็งเป็นตะคริว ต้องเลือกคันใหม่ ก็มีตัวเลือกมาเพิ่มเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อนะคะ เพราะสถานการณ์ทางการเงินของโรงงานไม่ดีค่ะ เลยต้องชะลอทุกการใช้จ่ายไว้ก่อน
>>>> สามีเราบอก ห้องนอนเราไม่เย็นเลย จะต้องเปลี่ยนแอร์ 2 ตัว ที่สำคัญคือดูมาแล้วว่าอยากได้รุ่นไหนแบบไหนด้วย!!! เราเลยไปศึกษาเรื่องแอร์ สรุปว่าแอร์ที่อยู่นั้นสามารถให้ความเย็นเพียงพอต่อพื้นที่ห้องนอนเราเลย สาเหตุคือ ไม่ได้ล้างแอร์มานานแล้ว และหน้าร้อนอากาศร้อนกว่าปกติด้วย หลังจากล้างแอร์ไป ห้องเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ สามีเปิดแอร์สบายใจเลย
>>>>> บ้านตัวเองมีปัญหาการเงิน เราไม่เคยต่อว่า เราเห็นใจ แต่เราโมโหค่ะ สามีเราใช้เงินเป็นกระดาษเลย ได้เงินมาแทนที่จะช่วยเราแบ่งเบาภาระบ้าง เขาเอาเงินไปซื้อสิ่งของที่เขาอยากได้ แทนที่จะช่วยเราเก็บก่อน เพราะเดี๋ยวคลอดลูก มันจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมา
ใครว่าจะดูผู้หญิง ให้ดูตอนลำบาก หรือชอบว่าผู้หญิงเลือกผู้ชายมีเงิน เราว่าเราเข้าใจนะและเราเคยไม่ต่อว่าผู้หญิงคนนั้นเลย ในทางกลับกันนะ ถ้าเป็นผู้ชายจะหนีจากการที่ต้องรับภาระอยู่ฝ่ายเดียว ก็ไปเถอะค่ะ เราไม่ต่อว่าและเราก็ไม่อยากให้สังคมไปรุมต่อว่าผู้ชายคนนั้นด้วย
ทุกวันนี้สามีเราปรับตัว (บ้างแล้ว เราก็โอเคนะ ไม่ได้ว่าอะไร) สำหรับเราถ้าเค้ามีเมียน้อย นอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ เราจบทันทีค่ะ เรื่องที่บ่นให้ฟังมันปัญหาเล็กน้อยมาก แต่เรากังวลนะคะว่าถ้าเขาทำตัวแบบนี้ เรากลัวว่าลูกจะเอาแบบอย่างแล้วกลายเป็นพ่อของเขา ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับคนอื่น โดยเฉพาะกับคู่ชีวิตค่ะ เราหวังนะคะว่าสามีเราจะปรับตัวได้
เราอยากให้พ่อแม่สอนลูกให้รับผิดชอบตัวเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ใจกว้าง นึกถึงคนที่อยู่ด้วยกันบ้าง อยู่ด้วยกันจะได้สบายใจค่ะ