จากวันก่อนที่ได้ทำการไปฟัง Presentation ของทางอนันตรามา โรงแรมในเครือ MINOR ก็กลับมาคิดว่าจะดูความคุ้มค่าได้ยังไง
จึงลองค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งพันทิป Trip Advisor , flyertalk
ก็ยังไม่เจอข้อมูลที่มีการคิดละเอียดๆ หรือพูดถึงการวิเคราะห์เท่าไหร่ จึงอยากขอนำเสนอในมุมของผม แบ่งปันประสบการณ์กันครับ
ประสบการณ์เข้าพัก
โดยอยากบอกว่าประสบการณ์เข้าพักของผมนั้น ดีมากครับ เพราะเรื่องไม่เยอะมาก และไม่ได้ตั้ง Expectation ไว้สูง
สภาพห้องที่ได้รับดีมาก มีทุกอย่าง โดยเข้าพักเป็น 2 Bed Pool Villa ภูเก็ต และทราบถึงการต้องเข้ารับฟังพรีเซ้นอยู่แล้ว
ข้อเสียอาจจะมีเพียง รถกอล์ฟซึ่งมาช้า แต่ผมก็ไม่เคยรอ เพราะเดินเอาก็ไม่ได้ลำบากอะไร
ประสบการเข้าฟังพรีเซ้นต์
ในวันพรีเซ้นก็ไม่ได้เตรียมตัวหรืออ่านอะไรไปก่อนครับ ไม่อยากมีอคติในการฟัง ซึ่งพนักงานเซลค่อนข้างดี แต่ว่าแนวทางในการขาย ผมคิดว่าอาจจะพูดน้ำเยอะไปหน่อย และพูดส่วนของรายละเอียดแพคเกจน้อยไป ส่วนมากจะพยายามดึงไปใน อารมร่วม ให้เรารู้สึกเข้าถึง ความหรูและสิ่งที่จะได้รับ โดยไม่เข้าถึงราคาเท่าไหร่
แต่ด้วยความเป็นนักลงทุน ก็แทบอดรอฟังส่วนของราคาไม่ไหว
โดยผมคิดจาก Offer ที่ได้รับ โดยได้ 5000 แต้ม หรือ 10000 แต้ม ทุกปี เป็นระดับต่ำสุด Jade และเพิ่มขึ้นมา Ruby
จ่ายรวมประมาณ 17500USD และ 35000 USD โดยประมาณ (เฉพาะค่าแต้ม เดี๋ยวจะมีค่าอื่นๆ ซึ่งจะพูดถึงทีหลัง)
ซึ่งพูดคุยและคำนวณในหัวเร็วๆช่วงนั้น คือว่าเราจ่าย ประมาณปีละ 20,000 บาท จะได้นอนที่ภูเก็ตแบบนี้กี่คืน จาก 5000 แต้ม
ซึ่งเซลก็ให้เลขมาว่า 5 วันอย่างน้อย หมายความว่าคืนละ 1000 แต้ม หรือคิดง่ายๆก็จะเป็น คืนละ 4,000 บาท ซึ่งสำหรับสิ่งที่ได้รับแล้ว ผมว่าคุ้มค่าราคาเป็นอย่างมาก
ซึ่ง ผมยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อไปเพราะข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับผม แต่ก็ได้รับ Offer ให้กลับไปพัก เพื่อฟังข้อเสนออีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากได้กลับมาดูลึกๆแล้ว ยังมีอะไรซ้อนอยู่อีกที่ผมมองข้ามไป
ต่อไปลองดูข้อมูลคร่าวๆก่อนจะไปดูการวิเคราะห์ของผมกันครับ
จากเอกสาร รายงานประจำปีหุ้น MINT
ปัจจุบัน มีสมาชิกอยู่ที่ 16500 คน สิ้น Q4 ปี 64
ซึ่งเป็นคนไทยประมาณ 14% หรือประมาณ 2300 คน และจีน 44%
ลักษณะการประกอบธุรกิจ (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
ความสําเร็จจากการเข้าร่วมทุนกับกลุ่มแมริออท ในการพัฒนาโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา ภูเก็ต เวเคช่ัน คลับนั้น ช่วยให้ บริษัทสามารถพัฒนาโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลาภายใต้แบรนด์ของบริษัทเองเป็นคร้ังแรก คือ อนันตรา เวเคช่ัน คลับ โดยบริษัทได้เร่ิม พัฒนาโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับแห่งแรกท่ีบ่อผุด เกาะสมุย เป็นผลให้บริษัทมีห้องพักของโครงการเพ่ือรองรับการขายสิทธิในการเข้าพัก อาศัยตั้งแต่ปลายปี 2553 โดย ณ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีห้องพักและวิลล่าของโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ ท้ังสิ้น 265 ห้อง อยู่ที่เกาะส มุย ภูเก็ต ควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซานย่า ประเทศจีน เชียงใหม่ และ กรุงเทพฯ
สภาพการแข่งขันและคู่แข่ง (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
ปัจจุบัน จํานวนคู่แข่งที่ดําเนินธุรกิจโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลายังมีจํานวนไม่มากนัก เนื่องจากต้องอาศัย แบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักและได้รับการยอมรับ อีกทั้งยังต้องอาศัยเครือข่ายและจํานวนห้องพัก สิ่งอํานวยความสะดวกที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในและ ต่างประเทศ โดยคู่แข่งสําคัญของโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ ได้แก่ กลุ่มโรงแรมช้ันนําระดับโลก เช่น กลุ่มแมริออท เป็นต้น
นโยบายราคา (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
โครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ เน้นจับกลุ่มลูกค้าตลาดบน ซ่ึงแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดในปัจจุบัน จึงไม่มีความเสี่ยงทางการ แข่งทางด้านราคา
การวิเคราะห์จากข้อมูล
โดยข้อมูล ผมนำมาจาก
https://ppantip.com/topic/41197549
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็ได้ข้อมูลมาเพิ่มในส่วนของ ค่ารักษา Club รายปี ซึ่งเป็น ค่าใช้จ่ายแฝง ซึ่งไม่ได้ถูกยกขึ้นมามากนักในวันพรีเซ้นต์
โดยเบื้องต้น ผมได้รับเอกสารจากเพื่อน ที่ได้สมัครแล้ว ส่งมาให้ดู และจากอากู๋ ซึ่งทำให้ทราบการประเมินคร่าวๆได้
โดย ปี 2017 ค่า Club Fee อยู่ที่ 370USD (Ref. The Standard)
และ ปี 2022 ค่า Club Fee อยู่ที่ 495USD
หรือคิดได้ว่าขึ้นมาเฉลี่ยๆ 5-6% ซึ่งก็พอเทียบได้กับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยค่ารักษา Point ของแต่ละระดับ จะมีไม่เท่ากัน เช่น Jade 0.099USD/Point และ Ruby 0.074USD/Point
โดยลองดูได้จาก Google Sheet ที่ผมทำไว้ครับ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1TG8BNiaVEUE5_24IJAfZg9mH1yz2rZr69aPahDnNM1s/edit#gid=0
จากชีทจะเห็นได้ว่า ผมจะใช้ Best Case ในการคำนวณ เพราะถ้า Best Case แล้วยังไม่คุ้ม ก็คงไม่ต้องดู Worst Case แล้ว
โดยค่า Club Fee ผมให้ เพิ่มคงที่ 4% ต่อปี และการจ่ายเงินค่า Point แบ่งเป็น 5 ปี ดอกเบี้ย7.4%
ซึ่งจากข้อมูลนี้จะเห็นว่า เมื่อครบสัญญา 30 ปี จะเสียรวม $44,982.04 (1,484,407 บาท) ซึ่งเป็น Club Fee $27,762.04 และ ค่า Point $17,220.00
ส่วนแรกเข้า เล็กๆน้อยๆ ผมถือว่าไม่ได้คิดแล้วกันครับ ถ้าจำไม่ผิดจะมีค่าแรกเข้า ทำเอกสาร $199 ด้วย
หากคิดเฉลี่ยออกมาแล้ว จะพบว่า เราจะจ่ายจริงประมาณ $1,499.40 หรือ 49480 บาท ต่อปี
ซึ่งหากนำมาคิดย้อนกลับไป ที่ 5000 แต้ม ที่เคยคำนวณไว้ด้านบน ก็จะเห็นว่า จาก คืนละ 4000 นั้นกลายเป็นคืนละ 10000 ไปเสียแล้ว
โดยคิดง่ายๆ คือ 1 แต้ม = 9.90 บาท ไปหัวหิน วันเสาร์เดือนมกรา ใช้ 1100 แต้ม = 10890 บาท ต่อคืน
โดยคุณ jokas ได้ทำการเทียบราคาไว้ด้วย หากจองจากภายนอก (มีเฉพาะบางโรงแรม)
https://ppantip.com/topic/41197549
และหากเราประเมิน ค่าห้องโรงแรม มีการเพิ่มขึ้นที่อัตราเดียวกัน ขึ้นปีละ 4% เช่นกัน
เราก็จะได้ Ratio ของ เงินที่จ่ายเทียบกับสิ่งทีไ่ด้รับกลับมา
สิ่งที่ไม่ได้นำมาคิดในนี้
-โรงแรมที่เป็นส่วนของ เวเคชั่นคลับ หลายๆที่ไม่สามารถจองได้จากภายนอก ต้องเป็น สมาชิกเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ
-ส่วนของ RCI หรือก็คือ Resorts Condominiums International ซึ่งเป็น Club Member สามารถเข้าไปจองได้ โดยจะมีส่วนลด หรือใช้แต้มแลกก็ได้
-Member จะสามารถจอง โรงแรมในไทยได้ ในราคา 120 USD ต่อคืน เฉพาะ 7 แห่ง ที่เป็น Vacation Club
-จำนวน Member ที่ล่าสุดเพิ่ม 8% แต่ห้องพัก Forecast 3 ปีล่วงหน้า ห้องเพิ่มเพียงแค่ 10 ห้อง จาก 260 กว่าห้องเท่านั้น มีโอกาสเต็มหรือไม่?
สรุป
จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ส่วนตัวคิดว่า การลงเงินสมัคร Club Member นั้น มีความน่าสนใจหากว่า ชอบโรงแรมนี้จริงๆ และใช้งานทุกสิทธิประโยชน์อย่างคุ้มค่าจริงๆ
แต่ส่วนตัวผมคิดว่าการลงเงินล่วงหน้านานขนาดนี้ อาจมองเป็นการเดิมพันกับอนาคตที่ยังมองไม่เห็นเท่าไหร่นัก และเราไม่มีอำนาจควบคุมตัดสินใจใดๆได้ ในการลงเงินครั้งนี้ หากทางโรงแรมเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือเพิ่ม แต้มที่ใช้ในการแลกห้องพัก อาจทำให้ผู้ซื้อเสียประโยชน์ได้
อย่างไรก็ตาม ผมทำกระทู้นี้ขึ้นเพื่อหวังแลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูล และพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์
หากข้อมูลผมผิดพลาดอย่างไร ขออภัยไว้ด้วยครับ
ปล ทางเพื่อนที่ส่งข้อมูลให้กำลัง ยื่นเรื่องขอเงินคืน หลังจากผมช่วยนั่งทำตารางออกมา อย่างไร ปรึกษากันได้ครับ
Anantara Vacation Club คิด วิเคราะห์ แยกแยะ จากการไปฟังมาครับ
จึงลองค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งพันทิป Trip Advisor , flyertalk
ก็ยังไม่เจอข้อมูลที่มีการคิดละเอียดๆ หรือพูดถึงการวิเคราะห์เท่าไหร่ จึงอยากขอนำเสนอในมุมของผม แบ่งปันประสบการณ์กันครับ
ประสบการณ์เข้าพัก
โดยอยากบอกว่าประสบการณ์เข้าพักของผมนั้น ดีมากครับ เพราะเรื่องไม่เยอะมาก และไม่ได้ตั้ง Expectation ไว้สูง
สภาพห้องที่ได้รับดีมาก มีทุกอย่าง โดยเข้าพักเป็น 2 Bed Pool Villa ภูเก็ต และทราบถึงการต้องเข้ารับฟังพรีเซ้นอยู่แล้ว
ข้อเสียอาจจะมีเพียง รถกอล์ฟซึ่งมาช้า แต่ผมก็ไม่เคยรอ เพราะเดินเอาก็ไม่ได้ลำบากอะไร
ประสบการเข้าฟังพรีเซ้นต์
ในวันพรีเซ้นก็ไม่ได้เตรียมตัวหรืออ่านอะไรไปก่อนครับ ไม่อยากมีอคติในการฟัง ซึ่งพนักงานเซลค่อนข้างดี แต่ว่าแนวทางในการขาย ผมคิดว่าอาจจะพูดน้ำเยอะไปหน่อย และพูดส่วนของรายละเอียดแพคเกจน้อยไป ส่วนมากจะพยายามดึงไปใน อารมร่วม ให้เรารู้สึกเข้าถึง ความหรูและสิ่งที่จะได้รับ โดยไม่เข้าถึงราคาเท่าไหร่
แต่ด้วยความเป็นนักลงทุน ก็แทบอดรอฟังส่วนของราคาไม่ไหว
โดยผมคิดจาก Offer ที่ได้รับ โดยได้ 5000 แต้ม หรือ 10000 แต้ม ทุกปี เป็นระดับต่ำสุด Jade และเพิ่มขึ้นมา Ruby
จ่ายรวมประมาณ 17500USD และ 35000 USD โดยประมาณ (เฉพาะค่าแต้ม เดี๋ยวจะมีค่าอื่นๆ ซึ่งจะพูดถึงทีหลัง)
ซึ่งพูดคุยและคำนวณในหัวเร็วๆช่วงนั้น คือว่าเราจ่าย ประมาณปีละ 20,000 บาท จะได้นอนที่ภูเก็ตแบบนี้กี่คืน จาก 5000 แต้ม
ซึ่งเซลก็ให้เลขมาว่า 5 วันอย่างน้อย หมายความว่าคืนละ 1000 แต้ม หรือคิดง่ายๆก็จะเป็น คืนละ 4,000 บาท ซึ่งสำหรับสิ่งที่ได้รับแล้ว ผมว่าคุ้มค่าราคาเป็นอย่างมาก
ซึ่ง ผมยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อไปเพราะข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับผม แต่ก็ได้รับ Offer ให้กลับไปพัก เพื่อฟังข้อเสนออีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากได้กลับมาดูลึกๆแล้ว ยังมีอะไรซ้อนอยู่อีกที่ผมมองข้ามไป
ต่อไปลองดูข้อมูลคร่าวๆก่อนจะไปดูการวิเคราะห์ของผมกันครับ
จากเอกสาร รายงานประจำปีหุ้น MINT
ปัจจุบัน มีสมาชิกอยู่ที่ 16500 คน สิ้น Q4 ปี 64
ซึ่งเป็นคนไทยประมาณ 14% หรือประมาณ 2300 คน และจีน 44%
ลักษณะการประกอบธุรกิจ (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
ความสําเร็จจากการเข้าร่วมทุนกับกลุ่มแมริออท ในการพัฒนาโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา ภูเก็ต เวเคช่ัน คลับนั้น ช่วยให้ บริษัทสามารถพัฒนาโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลาภายใต้แบรนด์ของบริษัทเองเป็นคร้ังแรก คือ อนันตรา เวเคช่ัน คลับ โดยบริษัทได้เร่ิม พัฒนาโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับแห่งแรกท่ีบ่อผุด เกาะสมุย เป็นผลให้บริษัทมีห้องพักของโครงการเพ่ือรองรับการขายสิทธิในการเข้าพัก อาศัยตั้งแต่ปลายปี 2553 โดย ณ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีห้องพักและวิลล่าของโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ ท้ังสิ้น 265 ห้อง อยู่ที่เกาะส มุย ภูเก็ต ควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซานย่า ประเทศจีน เชียงใหม่ และ กรุงเทพฯ
สภาพการแข่งขันและคู่แข่ง (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
ปัจจุบัน จํานวนคู่แข่งที่ดําเนินธุรกิจโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลายังมีจํานวนไม่มากนัก เนื่องจากต้องอาศัย แบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักและได้รับการยอมรับ อีกทั้งยังต้องอาศัยเครือข่ายและจํานวนห้องพัก สิ่งอํานวยความสะดวกที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในและ ต่างประเทศ โดยคู่แข่งสําคัญของโครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ ได้แก่ กลุ่มโรงแรมช้ันนําระดับโลก เช่น กลุ่มแมริออท เป็นต้น
นโยบายราคา (โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา อนันตรา เวเคช่ัน คลับ)
โครงการอนันตรา เวเคช่ัน คลับ เน้นจับกลุ่มลูกค้าตลาดบน ซ่ึงแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดในปัจจุบัน จึงไม่มีความเสี่ยงทางการ แข่งทางด้านราคา
การวิเคราะห์จากข้อมูล
โดยข้อมูล ผมนำมาจาก
https://ppantip.com/topic/41197549
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็ได้ข้อมูลมาเพิ่มในส่วนของ ค่ารักษา Club รายปี ซึ่งเป็น ค่าใช้จ่ายแฝง ซึ่งไม่ได้ถูกยกขึ้นมามากนักในวันพรีเซ้นต์
โดยเบื้องต้น ผมได้รับเอกสารจากเพื่อน ที่ได้สมัครแล้ว ส่งมาให้ดู และจากอากู๋ ซึ่งทำให้ทราบการประเมินคร่าวๆได้
โดย ปี 2017 ค่า Club Fee อยู่ที่ 370USD (Ref. The Standard)
และ ปี 2022 ค่า Club Fee อยู่ที่ 495USD
หรือคิดได้ว่าขึ้นมาเฉลี่ยๆ 5-6% ซึ่งก็พอเทียบได้กับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยค่ารักษา Point ของแต่ละระดับ จะมีไม่เท่ากัน เช่น Jade 0.099USD/Point และ Ruby 0.074USD/Point
โดยลองดูได้จาก Google Sheet ที่ผมทำไว้ครับ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1TG8BNiaVEUE5_24IJAfZg9mH1yz2rZr69aPahDnNM1s/edit#gid=0
จากชีทจะเห็นได้ว่า ผมจะใช้ Best Case ในการคำนวณ เพราะถ้า Best Case แล้วยังไม่คุ้ม ก็คงไม่ต้องดู Worst Case แล้ว
โดยค่า Club Fee ผมให้ เพิ่มคงที่ 4% ต่อปี และการจ่ายเงินค่า Point แบ่งเป็น 5 ปี ดอกเบี้ย7.4%
ซึ่งจากข้อมูลนี้จะเห็นว่า เมื่อครบสัญญา 30 ปี จะเสียรวม $44,982.04 (1,484,407 บาท) ซึ่งเป็น Club Fee $27,762.04 และ ค่า Point $17,220.00
ส่วนแรกเข้า เล็กๆน้อยๆ ผมถือว่าไม่ได้คิดแล้วกันครับ ถ้าจำไม่ผิดจะมีค่าแรกเข้า ทำเอกสาร $199 ด้วย
หากคิดเฉลี่ยออกมาแล้ว จะพบว่า เราจะจ่ายจริงประมาณ $1,499.40 หรือ 49480 บาท ต่อปี
ซึ่งหากนำมาคิดย้อนกลับไป ที่ 5000 แต้ม ที่เคยคำนวณไว้ด้านบน ก็จะเห็นว่า จาก คืนละ 4000 นั้นกลายเป็นคืนละ 10000 ไปเสียแล้ว
โดยคิดง่ายๆ คือ 1 แต้ม = 9.90 บาท ไปหัวหิน วันเสาร์เดือนมกรา ใช้ 1100 แต้ม = 10890 บาท ต่อคืน
โดยคุณ jokas ได้ทำการเทียบราคาไว้ด้วย หากจองจากภายนอก (มีเฉพาะบางโรงแรม) https://ppantip.com/topic/41197549
และหากเราประเมิน ค่าห้องโรงแรม มีการเพิ่มขึ้นที่อัตราเดียวกัน ขึ้นปีละ 4% เช่นกัน
เราก็จะได้ Ratio ของ เงินที่จ่ายเทียบกับสิ่งทีไ่ด้รับกลับมา
สิ่งที่ไม่ได้นำมาคิดในนี้
-โรงแรมที่เป็นส่วนของ เวเคชั่นคลับ หลายๆที่ไม่สามารถจองได้จากภายนอก ต้องเป็น สมาชิกเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ
-ส่วนของ RCI หรือก็คือ Resorts Condominiums International ซึ่งเป็น Club Member สามารถเข้าไปจองได้ โดยจะมีส่วนลด หรือใช้แต้มแลกก็ได้
-Member จะสามารถจอง โรงแรมในไทยได้ ในราคา 120 USD ต่อคืน เฉพาะ 7 แห่ง ที่เป็น Vacation Club
-จำนวน Member ที่ล่าสุดเพิ่ม 8% แต่ห้องพัก Forecast 3 ปีล่วงหน้า ห้องเพิ่มเพียงแค่ 10 ห้อง จาก 260 กว่าห้องเท่านั้น มีโอกาสเต็มหรือไม่?
สรุป
จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ส่วนตัวคิดว่า การลงเงินสมัคร Club Member นั้น มีความน่าสนใจหากว่า ชอบโรงแรมนี้จริงๆ และใช้งานทุกสิทธิประโยชน์อย่างคุ้มค่าจริงๆ
แต่ส่วนตัวผมคิดว่าการลงเงินล่วงหน้านานขนาดนี้ อาจมองเป็นการเดิมพันกับอนาคตที่ยังมองไม่เห็นเท่าไหร่นัก และเราไม่มีอำนาจควบคุมตัดสินใจใดๆได้ ในการลงเงินครั้งนี้ หากทางโรงแรมเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือเพิ่ม แต้มที่ใช้ในการแลกห้องพัก อาจทำให้ผู้ซื้อเสียประโยชน์ได้
อย่างไรก็ตาม ผมทำกระทู้นี้ขึ้นเพื่อหวังแลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูล และพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์
หากข้อมูลผมผิดพลาดอย่างไร ขออภัยไว้ด้วยครับ
ปล ทางเพื่อนที่ส่งข้อมูลให้กำลัง ยื่นเรื่องขอเงินคืน หลังจากผมช่วยนั่งทำตารางออกมา อย่างไร ปรึกษากันได้ครับ