ก่อนไปเข้ามาหาข้อมูลในนี้เยอะมาก เอาจริงๆถ้าไม่มี Pantip ก็หาข้อมูลยากเอาการอยู่กับการไปท่องยุโรปครั้งแรก
ถึงตาเราที่จะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างแล้วสินะ (ถึงจะขี้เกียจก็เถอะ ฮา)
ทริปนี้จริงๆที่ตั้งใจไว้จะเป็น Switzerland 4 คืน Paris 3 คืน
แต่ช่วงที่เราไปนั้นที่ฝรั่งเศสติดเชื้อเยอะมากวันละไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนคน
แล้วตอนนั้นขั้นตอนการกลับเข้าไทยต้องตรวจทั้งก่อนขึ้นเครื่อง 1 ครั้ง
ถึงสุวรรณภูมิตรวจอีก 1 ครั้ง
วันที่ 5 ตรวจอีก 1 ครั้ง
เราเลยไม่กล้าเสี่ยงถ้าเกิดต้องตรวจแล้วผลเป็นบวกที่นั่นน่าจะยุ่งยากพอสมควร เราเลยเลือกอยู่สวิส 7 วัน มีวันสุดท้ายข้ามไป Colmar 1 วัน
แต่!!เรื่องตื่นเต้นก็เกิดขึ้นกับเรา หลังจากที่เราไปถึงได้วันเดียว วันที่ 16 ก.พ. ทางการสวิสประกาศยกเลิกใส่แมสก์ทั่วประเทศ
ยกเว้นในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทร้านขายยาและบ้านพักคนชรา
ส่วนตัวเราสองคนไม่กลัวหรอกโควิด แต่เพราะเราต้องเดินทางกลับเข้าประเทศไทยที่ตอนนั้นถ้าใครกำลังวางแผนไปจะรู้เลยว่ามันยุ่งยากมากกกกก
ทั้ง Thailand Pass เอย
ผลตรวจก่อนขึ้นเครื่องเอย
ใบฉีดวัคซีนเอย
เช็คข่าวกันวันต่อวัน
เราสองคนเลยตัดสินใจใส่หน้ากากอนามัยตลอดที่เราเที่ยวอยู่ที่นั่นแม้จะไม่ได้อยู่บนขนส่งสาธารณะก็ตาม
เพราะเรากลัวจะติดเชื้อแล้วกลับประเทศไม่ได้ ฮา เลยกลายเป็นคนเอเชียสองคนที่ดูเขินๆหน่อย 555
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
เราเดินทางกันวันที่ 14-22 ก.พ. 2022 ทั้งหมด 7 คืน
เราบินกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ สายการบินที่ดีที่สุดในโลกกี่สมัยซ้อนไม่รู้ ไปหาเอาเอง 555
ออกจากไทย 20.00 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 1.50 ชม. ถึงซูริค 7.50 เราได้ตั๋วค่อนข้างถูก ไปกลับ คนละไม่ถึงหมื่นห้า
แนะนำใครจะบินสิงคโปร์ หาเวลาต่อเครื่องนานๆหน่อยครับ อาคารสนามบินใหญ่มากกกกก แต่ที่สนามบินมี Wifi ฟรีครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีเกร็ดเล็กๆแนะนำนิดนึงครับ ที่สนามบินชางงี ถ้าคนไม่เคยต่อเครื่องอย่างเราอาจจะงง ขั้นตอนคือ จากสุวรรณภูมิบินมาถึงสิงคโปร์ปุ้บลงเครื่องมาเราต้องมาหาจอดูว่าเลขที่ไฟท์เราออกจากอาคารไหน เกทไหนอย่างเช่น ไฟท์ที่ SQ111 ต้องไปที่ Gate A11 อาคาร 3 แต่ที่สิงคโปร์ดั๊นมี ผมไม่แน่ใจว่าเค้าใช้คำว่า sector หรือ counter แล้วคือที่จอไฟท์เรามันขึ้นว่า อาคาร 3 Gate A 11 แต่ดั๊น sector B อ้าวว!!! แล้วสรุปมัน A or B กันแน่ เริ่มงง
แล้วอาคารเค้าใหญ่มากเดินกันหอบอะครับ เลยตัดสินใจถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่า ไม่ต้องสนใจว่าจะเซกเตอร์ไหน ดูที่เกทเป็นพอ แล้วก็ไปรอตามเกทนั้นๆได้เลย ไปถึงเกทจะมีจอเล็กๆให้ดูไฟท์อีกที ถ้าดูแล้วยังไม่เจอไม่ต้องตกใจเหมือนผมนะครับ ไฟท์บินเข้าออกเค้าถี่มาก หน้าจอจะแสดงไฟท์ที่จะออกก่อนครับ
ผมว่าทุกคนน่าจะมีคำถามว่าใช้เงินเท่าไหร่
ค่าตั๋ว ค่าโรงแรม น่าจะแล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน แต่ที่สำคัญคือ ค่าอาหารซะมากกว่า
เพราะผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะคำนวณค่ากินกันไม่ถูกว่าต่อวันต้องใช้วันละเท่าไหร่ มื้อละเท่าไหร่ ข้าวของต่อชิ้นเท่าไหร่
เช่น โค้กขวดละกี่บาท ขนมละ กาแฟละ กินข้าวตามร้านละ ขนมปังละ
เราก็เช่นกันครับ เดี๋ยวจะสรุปรายละเอียดให้ท้ายๆนะครับ
ค่าตั๋วเราได้ไปกลับคนละ 13,xxx
ค่าโรงแรมเราตั้งไว้ไม่เกินคืนละ3,000*7=20,000
Swiss Pass 7 วัน ผู้ใหญ่ 13,xxx แฟนผมยังเยาวชน รู้สึกจะ 10,xxx (อันนี้ซื้อเถอะครับ แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น)
ส่วนค่ากินเราตีไปคนละ 100CHF/วัน ตอนนั้นเรทอยู่ที่ 35 บาท
เราตั้งกฎกันว่าวันไหนขึ้นเขาที่แพงๆต้องกลับมากินมาม่าที่พกไปจากไทย
ส่วนวันไหนไม่ขึ้นเขากินได้เต็มที่
เบ็ดเสร็จเราใช้ไปสองคน 120,xxx มีทอนนิดหน่อยครับ
อันนี้ไม่รวมค่าขอวีซ่ากับมาตราการตรวจโควิดช่วงนั้นนะครับ
รีวิวของผมอาจจะไม่ละเอียดมากนะครับ รูปอาจจะไม่เยอะเพราะปกติไม่ค่อยถ่ายรูปเท่าไหร่
จะชอบเซลฟี่กันสองคนซะมากกว่า 555
แต่พอจะมีทริกหรือเรื่องที่ควรรู้ในการไปเที่ยวต่างประเทศโซนยุโรปซะมากกว่า
เพราะทริปนี้เป็นการไปยุโรปครั้งแรกของเราสองคน ก่อนหน้านี้เคยไปญี่ปุ่นมาสองครั้ง
ภาษาเราก็งูๆปลาๆ พอสื่อสารได้บ้างไม่ได้บ้าง ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ตอนแรกก็กลัว
ว่าแบบยุโรปเลยน้า เราจะคุยกับเค้ารู้เรื่องไหม จะกินอะไรบ้านเค้าได้บ้าง ผ่านตม.เค้าจะถามอะไรเราบ้าง
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยากอะไรครับ แนะนำใครที่อยากไปวางแผนทำการบ้านดีๆ แทบไม่ต้องคุยกับใครเลยครับ
ลุยโลดดดด!! เราไปได้คุณก็ไปได้
โปรแกรมเรา คือ
นอน Lucerne 2 คืน
Interlaken 2 คืน
Geneva 1 คืน
Zurich 2 คืน
เราไปไหนมาบ้าง
Lucerne-Rigi-Bern-Interlaken-Lauterbrunnen-Mürren-Zermatt-Matterhorn-Geneva-Montruex-Titlis-Colmar-Zurich
ภาพนี้น่าจะกำลังแลนดิ้งลง Zurich
ตัดมาที่ตม.เลยครับ พอดีแฟนผมไม่เก่งภาษาอังกฤษผมเลยเข้าไปพร้อมกันทั้งสองคนเลยครับ ถามเราสองคำถาม ว่า ทำงานอะไร กับ ไปไหนบ้าง
เสร็จแล้วเดินมารับกระเป๋าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำสนามบิน เพราะตอนเราไปเป็นหน้าหนาว หนาวมากครับ
เสร็จแล้วนั่งรถไฟไป Lucerne ครับ เพื่อไปเขาริกิ
วันนี้เราเลือกนั่งเรือจากหน้าสถานีรถไฟ Lucerne ไปลงที่สถานี Vitznau ได้เลยครับ Swiss Pass ขึ้นฟรีจนถึง rigi เลยครับ อย่าลืมโหลดแอพ SBB ไว้ด้วยนะครับ สะดวกมาก
ดูได้ทุกอย่างที่เป็นขนส่งสาธารณะ ทั้ง เรือ รถราง รถเมล์ รถไฟ จนกระทั้ง รถรางขึ้นเขาหรือกระเช้า
วิวช่วงที่ออกจากท่าเรือหน้าสถานี Lucerne ครับ
สุดท้ายไม่ไหวต้องย้ายมานั่งข้างใน หนาวจริงๆ
ข้างในจะมีร้านอาหารด้วย
เรือจะวิ่งไปจอดตามท่าเรือต่างๆตลอดทาง แล้วเราก็ลงที่สถานี Vitznau เพื่อจะต่อรถรางขึ้นเขาคันสีแดง
ส่วนขากลับเราเลือกลงรถไฟคันสีฟ้าไปลงที่สถานี Arth-Goldau แล้วต่อรถไฟกลับ Lucerne
ส่วนใครจะกลับทางเดิมก็ได้เช่นกันครับ
นี่ พระเอกของเรา
วิวระหว่างนั่งรถไฟฟันเฟืองขึ้นเขา สวยมากครับ
แต่เสียดายครับช่วงที่เราไปฝนตก ฟ้าปิด ขึ้นไปไม่ได้ถ่ายรูปวิวเลยครับ หิมะตกหนักทำได้เพียงเดินเล่นนิดๆหน่อยๆแล้วรอเวลารถออกเพื่อลงเขาครับ
ฟ้าปิดจริงๆ มีแต่รูปคู่ครับ ฮา
กลับมาถึง Lucerne มีเวลวเดินเล่นในเมืองนิดหน่อยครับข้ามสะพานมาอีกฝั่ง
วิวระหว่างเดินกลับที่พักครับ
หลักจากเดินเล่นในเมืองเราก็กลับเข้าที่พักครับ
พรุ่งนี้เราจะไป เมืองหลวงกันครับ Bern
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราพักที่ Ibis budget Lucerne 2 คืนครับ นั่งรถรางจากหน้าสถานีได้เลยครับ ประมาณ 5 นาที ก็ถึงครับสะดวกมากๆ
ผมมีทริกนิดหน่อยครับ ถ้าเป็นรถรางหรือรถบัส ผมจะดูจาก Google map เอาครับ มันจะเรียลไทม์มากกว่าแอพ SBB มันจะบอกเลยว่าขึ้นสายไหน โดยสารกี่ป้าย ลงป้ายไหน กี่นาทีบัสจะมา สายไหนเข้าป้ายมาก่อน แต่ถ้ารถไฟต้องยกให้ SBB ครับ
[CR] ครั้งนึงในชีวิตเราก็เคยไปนะ Switzerland
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้