'ธรรมะ' คือ 'ความจริงของชีวิต' : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

กระทู้คำถาม
การศึกษาธรรมะตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนา เรามุ่งที่จะศึกษาให้รู้สภาพความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง ศาสนาพุทธ คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องของความจริงของสภาวธรรม เพื่อจะทำความเข้าใจกับท่านผู้ฟัง ธรรมะที่เราถือว่าเป็นคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท ๑. สภาวธรรม ๒. ธรรมคำสอน https://www.naewna.com/likesara/645904

ธรรมะประเภทที่เป็นสภาวธรรม เป็นสิ่งที่มีมาก่อนพระพุทธเจ้าเกิด ที่เรายอมรับว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เพราะเหตุว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงรู้ความจริงของสภาวธรรม เช่น รู้อริยสัจธรรมทั้งสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นต้น อันนี้มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นรู้ คนอื่นแม้ว่าจะมีส่วนรู้อยู่บ้างแต่ก็ยังไม่รู้เหตุหรือผลไม่ลึกซึ้งเหมือนพระพุทธเจ้า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นบทความจริงของสภาวธรรมที่จะเป็นไปนั้น พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงทราบ เป็นผู้ทรงรู้ เมื่อก่อนที่พระพุทธเจ้ายังไม่เกิดนั้น การเปลี่ยนแปลงของสภาวธรรมที่เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงมาก่อนแล้ว แต่ถึงจะมีผู้รู้อยู่บ้างก็ไม่ละเอียดและรู้ไม่ถึงแก่น แต่เมื่อพระพุทธเจ้ามารู้แจ้งเห็นจริงแล้ว จึงเอาแก่นแท้ของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ออกมาตีแผ่ให้ชาวโลกได้รู้ข้อเท็จจริง
 
คำว่าสภาวธรรมหมายถึงอะไร เราทุกคนมีสภาวธรรมเป็นสมบัติประจำตัวกันอยู่ทุกคน สภาวธรรมอันนั้นคือกายกับใจ กายกับใจคือสภาวธรรม นอกจากกายกับใจจะเป็นสภาวธรรมแล้ว สถานการณ์แห่งสิ่งแวดล้อมทั้งหลายที่เราประสบอยู่ เช่นลมหายใจเข้าออก อันนั้นก็คือสภาวธรรม แม้แต่วิชาความรู้ที่เราเรียนมา จะเป็นแขนงไหนศาสตร์ไหน สิ่งเหล่านั้นคือสภาวธรรม นี่คือสภาวธรรมที่พระพุทธเจ้ารู้แจ้งเห็นจริงมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวธรรมอันเป็นของของเรา คือ กายกับใจ

นอกจากพระพุทธเจ้าจะทรงรู้ความเป็นจริงของมันแล้ว ก็ยังสามารถที่จะทราบความจริงว่าสภาวธรรมนี้มันเกิดมาเพราะอาศัยอะไรเป็นเหตุ ที่เกิดมาเป็นคนอาศัยอะไรเป็นเหตุ อันนี้พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุ ที่ทำให้คนต้องเกิดมาเป็นคนก็เพราะอาศัยว่าคนพยายามรักษาศีล ๕ รักษากรรมบถ ๑๐ และใครทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์จริง ผู้นั้นมีสติเที่ยงแท้ก็เกิดมาเป็นคน พระพุทธเจ้าก็ทรงทราบ เมื่อก่อนพระพุทธเจ้ายังไม่เกิด ยังไม่มีใครเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย พระพุทธเจ้าทรงให้เราพิจารณาให้รู้ซึ้งเห็นจริงตามความเป็นจริง

บางท่านอาจจะคิดว่า ใครๆ เขาก็รู้กันอยู่ เกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงให้มาพิจารณาดูความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่พระองค์ให้พิจารณาความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็เพื่อเป็นอุบายให้สาธุชนรู้แจ้งเห็นจริงถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่เราได้ยินได้ฟังหรือรู้ๆ กันมานั้นเป็นแต่เพียงรู้ด้วยปัญญาว่าเราจะต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย แต่มันยังไม่ซึ้งถึงจิตถึงใจ จิตใจของเราจึงไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น เมื่อเราไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงของสิ่งเหล่านั้น เราก็ฝืนกฎของความเป็นจริง ในเมื่อประสบความแก่เราเกิดทุกข์ เกิดความเจ็บเราทุกข์ เกิดความตายเราทุกข์ หรือคิดว่าเราจะตายเราเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเราไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าเราจะเป็นอย่างนั้น แล้วไปฝืนกฎของความเป็นจริง จึงพากันเกิดทุกข์
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เราเคยฟังคลิปนี้
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่