ไปดูมาแล้วเมื่อวาน ตอนที่ชอบที่สุดคือตอนแรก ห้องเชียร์ปีสุดท้าย
แคลร์เล่นดีมากๆ เข้าใจทุกความอึดอัดกดดันที่ต้องแบกไว้
มิวสิคก็เล่นแนวนี้ได้ดี ออร่าสดใสของน้องเปลี่ยนเป็นทึมเทา กลายเป็นเด็กผู้หญิงติดเพื่อน ขี้กลัว
ตอนจบของเรื่อง ฉากบนดาดฟ้าคือดีมากๆ
"ถ้าเจอกันอีก ก็อย่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน"
ผีในเรื่องนี้สำหรับเราเลยเป็นโครงสร้างอะไรก็ตามที่กดทับคนอยู่ คนที่เห็นก็คือเห็น และไม่อาจทำเป็นไม่เห็นมันได้
คนที่เลือกทางแกล้งทำเป็นไม่เห็นคือคนที่ยอมปล่อยให้ระบบกดทับผู้คนต่อไป แค่แกล้งไม่เห็นก็เท่ากับไม่มี
ถ้ามองในมุมนี้ คนที่ถูกทอดทิ้ง ถูกบังคับให้ต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็นเพื่อจะกลายเป็นคนปกติในสายตาคนทั่วไป ก็จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
เรื่องนี้ถ้าได้ขยายความต่ออีกหน่อยจะดีมากๆ อยากให้ทำเป็นหนังเต็มเรื่องไปเลย
ตอนที่สอง เหมือนดูหนังผีที่เล่นกับสังขาร เราหลุดหัวเราะบ่อยมากๆ คนนึงก็ลมชัก ผีก็กระดูกหักมาทั้งตัว
เดาได้แต่แรกเลยว่าคำปฏิญาณจะช่วยชีวิตไว้ได้ แค่ลุ้นไปเรื่อยๆ ว่าคนกับผีจะมาเจอกันได้ยังไง
เรื่องนี้ปมน้อยไป ไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย จบแบบจบไปได้ก็ดี ทรมานสังขาร เมื่อยแทนเจมี่เจมส์
อาจเป็นเพราะเราชอบผีที่ไม่เห็นตัว ถ้ามาเป็นเงาๆ เห็นแค่รูปส่วนหักงอ รอยเลือด อาจจะเว้นพื้นที่ให้คนดูได้ใช้จินตนาการได้มากกว่านี้
ถึงจะไม่ค่อยชอบตอนนี้ แต่ทุกคนแสดงดีมากๆ ฉากคุยกันบนเตียงของเจมส์กับนาน่าดีมากๆ เข้าใจความกดดัน รู้สึกว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ
ตอนที่สาม แอบคาดหวังความฮาโบ๊ะบ๊ะ กิตเล่นดีมาก แก๊งค์พี่สาวสามคนรับส่งจังหวะกันดี แต่พอผีมีแต่สามตัว เล่นซ้ำไปซ้ำมา รู้ว่าผีจะทำอะไรแล้วมันก็เบื่อ ผีครูก็ทวงยา ผีชุดครุยก็หักตัวไปๆ มาๆ กระอักเลือด ผีตะเคียนไม่มีอะไร ถ้าไม่ไปใกล้ป้าย เรื่องผีที่ท้าทายผีได้เจ็บแสบและตลกมากสำหรับเราอาจเป็นแนวหอแต๋วแตก จริงๆ เรื่องนี้ก็ทำได้ดี ชอบการตั้งคำถามเรื่องผีกับเด็กสายวิทย์ ผีชุดครุยกับเด็กเรียนไม่จบ ครูผู้เมตตาที่กลายเป็นผีทวงยา แต่ก็ชอบน้อยกว่าเรื่องแรกที่มีประเด็นชัดเจน ทำออกมาได้กลมกลืนกว่า
ถ้าใครลังเลจะไปดู อย่าลังเลเลย ได้อะไรกลับไปคิดต่อเยอะแยะทีเดียวสำหรับตอนหนึ่ง ได้ดูทักษะการแสดงของเจมี่เจมส์ในตอนสอง ได้เสียงหัวเราะสำหรับตอนสาม
ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านสายตาและประมวลจากความคิดของตัวเอง
[CR] เทอมสองสยองขวัญ รีวิวตามความชอบ มีสปอยล์นะคะ
แคลร์เล่นดีมากๆ เข้าใจทุกความอึดอัดกดดันที่ต้องแบกไว้
มิวสิคก็เล่นแนวนี้ได้ดี ออร่าสดใสของน้องเปลี่ยนเป็นทึมเทา กลายเป็นเด็กผู้หญิงติดเพื่อน ขี้กลัว
ตอนจบของเรื่อง ฉากบนดาดฟ้าคือดีมากๆ
"ถ้าเจอกันอีก ก็อย่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน"
ผีในเรื่องนี้สำหรับเราเลยเป็นโครงสร้างอะไรก็ตามที่กดทับคนอยู่ คนที่เห็นก็คือเห็น และไม่อาจทำเป็นไม่เห็นมันได้
คนที่เลือกทางแกล้งทำเป็นไม่เห็นคือคนที่ยอมปล่อยให้ระบบกดทับผู้คนต่อไป แค่แกล้งไม่เห็นก็เท่ากับไม่มี
ถ้ามองในมุมนี้ คนที่ถูกทอดทิ้ง ถูกบังคับให้ต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็นเพื่อจะกลายเป็นคนปกติในสายตาคนทั่วไป ก็จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
เรื่องนี้ถ้าได้ขยายความต่ออีกหน่อยจะดีมากๆ อยากให้ทำเป็นหนังเต็มเรื่องไปเลย
ตอนที่สอง เหมือนดูหนังผีที่เล่นกับสังขาร เราหลุดหัวเราะบ่อยมากๆ คนนึงก็ลมชัก ผีก็กระดูกหักมาทั้งตัว
เดาได้แต่แรกเลยว่าคำปฏิญาณจะช่วยชีวิตไว้ได้ แค่ลุ้นไปเรื่อยๆ ว่าคนกับผีจะมาเจอกันได้ยังไง
เรื่องนี้ปมน้อยไป ไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย จบแบบจบไปได้ก็ดี ทรมานสังขาร เมื่อยแทนเจมี่เจมส์
อาจเป็นเพราะเราชอบผีที่ไม่เห็นตัว ถ้ามาเป็นเงาๆ เห็นแค่รูปส่วนหักงอ รอยเลือด อาจจะเว้นพื้นที่ให้คนดูได้ใช้จินตนาการได้มากกว่านี้
ถึงจะไม่ค่อยชอบตอนนี้ แต่ทุกคนแสดงดีมากๆ ฉากคุยกันบนเตียงของเจมส์กับนาน่าดีมากๆ เข้าใจความกดดัน รู้สึกว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ
ตอนที่สาม แอบคาดหวังความฮาโบ๊ะบ๊ะ กิตเล่นดีมาก แก๊งค์พี่สาวสามคนรับส่งจังหวะกันดี แต่พอผีมีแต่สามตัว เล่นซ้ำไปซ้ำมา รู้ว่าผีจะทำอะไรแล้วมันก็เบื่อ ผีครูก็ทวงยา ผีชุดครุยก็หักตัวไปๆ มาๆ กระอักเลือด ผีตะเคียนไม่มีอะไร ถ้าไม่ไปใกล้ป้าย เรื่องผีที่ท้าทายผีได้เจ็บแสบและตลกมากสำหรับเราอาจเป็นแนวหอแต๋วแตก จริงๆ เรื่องนี้ก็ทำได้ดี ชอบการตั้งคำถามเรื่องผีกับเด็กสายวิทย์ ผีชุดครุยกับเด็กเรียนไม่จบ ครูผู้เมตตาที่กลายเป็นผีทวงยา แต่ก็ชอบน้อยกว่าเรื่องแรกที่มีประเด็นชัดเจน ทำออกมาได้กลมกลืนกว่า
ถ้าใครลังเลจะไปดู อย่าลังเลเลย ได้อะไรกลับไปคิดต่อเยอะแยะทีเดียวสำหรับตอนหนึ่ง ได้ดูทักษะการแสดงของเจมี่เจมส์ในตอนสอง ได้เสียงหัวเราะสำหรับตอนสาม
ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านสายตาและประมวลจากความคิดของตัวเอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้