สามารถดูในรูปแบบวิดีโอได้ตามนี้หรือเลี่อนลงไปถ้าจะอ่านในรูปแบบของบทความ
.
เห็นน้องๆ ม.6 หลายคนสอบ O–NET แล้วกลับไปมองย้อนตัวเอง น้องๆ หลายคนจริงจังกับคะแนนสอบ บางคนได้คะแนนน้อยก็รู้สึกผิดหวัง ท้อใจ ไม่รู้ชีวิตจะเดินต่ออย่างไร ? งั้นพี่จะมาขอพูดในมุมของพี่บ้าง
.
.
เมื่อ 8 ปีที่แล้วพี่ก็สอบ O–NET ม.6 เหมือนกัน ตอนนั้นก็ได้คะแนนน้อย น้องดูซิพี่ผ่านแค่ 2 วิชาก็คือการงานอาชีพและเทคโนโลยี และสุขศึกษาและพละศึกษา แถมผ่านได้ไม่เยอะอีกด้วย ในตอนนั้นคะแนนออกมาพี่ไม่กล้าโชว์ให้ใครดู ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่ก็ไม่คิดว่าจะแย่ขนาดนี้ แต่ที่พี่จะบอกก็คือทุกวันนี้ไม่มีใครสนใจคะแนนพวกนี้แล้ว พี่ว่าคะแนนพวกนี้มันเป็นแค่ใบผ่านทางแค่ช่วงเดียวแต่มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะไม่ดีจริงๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีชีวิตดีๆ ในอนาคต และมันไม่ได้บอกด้วยว่าเราโง่เพราะมันเป็นแค่ข้อสอบวัดเฉยๆ ซึ่งมันไม่ได้วัดว่าเรามีความรู้จริงๆ ในด้านอื่นๆ ไหม เห็นไหมว่ามันวัดแค่ 8 วิชาเอง
.
.
ทุกวันนี้เวลาผ่านไป 8 ปี จากที่น้องเห็นว่าคะแนนพี่ห่วยแต่ในปัจจุบันพี่ก็สามารถเรียนเกือบจบป. โท ได้แล้ว (เหลือแค่รอเวลาตีพิมพ์วรสารก็จะจบอย่างเป็นทางการ) จะเห็นได้เลยว่า O–NET มันไม่ได้เป็นตัวบอกว่าเราเก่งหรือไม่เก่งจริงๆ คิดง่ายๆ เลย พี่เรียนป.ตรีบริหาร ป.โทจิตวิทยา ถ้าพี่จบทั้งป.ตรีและป.โทได้ก็แปลว่าพี่ก็ต้องไม่ใช่คนที่ห่วยแล้วเพราะถ้าห่วยจริงพี่ก็คงเรียนไม่จบ แต่สิ่งที่น้องๆ ได้เห็นอีกอย่างก็คือพี่สามารถเรียนจบทั้งบริหารและจิตวิทยาได้ทั้งๆ ที่คะแนน O–NET ห่วย ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นจริงอย่างที่พี่บอกว่าคะแนน O–NET มันวัดเพียงแค่ไม่กี่ด้านจริงๆ ลองถ้าตอน ม.6 มีสอบ O–NET วิชาจิตวิทยาซิพี่ไม่ตกแน่นอน 555
.
.
สุดท้ายน้องๆ อย่าไปท้อใจเลยครับคะแนนมันก็เป็นแค่ตัวชี้วัดบางด้านในเวลานั้นแค่นั้นเอง เพื่อนพี่หลายๆ คนตอนนั้นคะแนนก็ไม่ดีแต่ทุกวันนี้มีงานดีๆ ทำกันต้องเยอะ แล้วถ้าจะพูดกันตามความเป็นจริง เมื่อ 8 ที่แล้วคะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศก็ตกกันเกือบทุกวิชาเหมือนที่น้องเห็น พอมามองปีนี้ก็แทบจะไม่ต่างกันเลย หมายความว่า 8 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังจะตกกันทั้งประเทศแบบนั้น นี้มันสะท้อนให้เห็นว่าบางครั้งมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็กอย่างเดียวแต่มันอยู่ที่ระบบการศึกษาประเทศเราพัง ขนาดสิ่งที่เราใช้สิ่งวัด เราวัดจากหลักสูตรที่เราสอนเรายังตกกันเลย
.
.
พี่เข้าใจนะว่าคะแนนการสอบกลางหลายๆ อย่างนอกเหนือจาก O–NET มันส่งผลต่อการเข้ามหา’ลัย แต่เชื่อเหอะว่าชีวิตคนเรายังไงมันก็มีทางที่เหมาะสม บางครั้งทางที่เหมาะสมอาจไม่ใช่สิ่งที่เราฝัน แต่สุดท้ายมันอาจดีกว่าที่เราฝันซะอีก และสุดท้ายการที่เราจะวัดการประสบความสำเร็จในชีวิตมันไม่ได้อยู่ที่ มหา’ลัยที่เรียน หรืออยู่ที่เกรดและคะแนนสอบหรอกครับ บางครั้งการที่เราจะรู้ว่าชีวิตเราดีจริงไหมมันต้องดูผลที่ไกลกว่านั้น ในตอนใช้ชีวิตจริงๆ หลังจากที่เรียนจบแล้ว
.
.
บางครั้ง บางคนก็ต้องการหน้าตา เชิดชู้คนที่สอบได้คะแนนเยอะๆ ถึงกับประกาศให้โลกรู้อย่างหน้าตาเบิกบานว่าลูกศิษย์ฉัน ลูกฉัน นักเรียนในโรงเรียนฉัน สอบได้คะแนน O-NET วิชานี้เต็ม 100 ทำให้คนพวกนั้นมีแสงฉายลงมา มีพื้นที่ให้ผู้คนชื่นชม มีหลายคนสดุดีเพราะทำให้เขาได้หน้าได้ตา พี่ก็จะบอกว่าปล่อยเขาไปเถอะครับ ถือว่าเขาชนะเราแค่ยกแรกและแค่บางมุมของชีวิต แต่ชีวิตจริงๆ ของคนเรายังมีอีกยาวนาน บางทีตอนนี้เขาอาจชนะเรา แต่อีก 20 ปี เราอาจประสบความสำเร็จมากกว่าเขาก็ได้ครับ
.
.
ไม่ว่าอย่างไรเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนครับ
ผม P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
สามารถติดตามและพูดคุยกับผมได้ที่เพจ : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
ช่อง Youtube : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
ข้อคิดเล็กน้อยที่อยากจะฝากถึงน้องๆ ที่สอบ O–NET