JJNY : 4in1 สวนมะนาวขอปรับราคาเพิ่ม│คาดสงกรานต์ปี65ไม่คึกคัก│“ทนายรณณรงค์”โทร1330ได้คำตอบสุดอึ้ง│ศรีลังกาตัดไฟวันละ10ชม.

สวนมะนาว ขอปรับราคาเพิ่มอีก กระสอบละ 500 บาท เม.ย. แพงกว่านี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6971343
 
แม่ค้าขอนแก่นโอด สวนมะนาวขอปรับราคา เพิ่มอีกกระสอบละ 500 บาท ราคามะนาวเบอร์ 4 อยู่ที่ 3 ลูก 20 บาท เม.ย. นี้เตรียมขยับขึ้นอีก
 
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดสดขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีการปรับราคาจำหน่ายมะนาวขึ้นอีกรอบ หลังจากที่มีการปรับขึ้นราคามาแล้วมาเมื่อช่วงต้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา โดยล่าสุดพบว่ามีการปรับขึ้นราคากระสอบละ 500 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นในเดือนเมษายนนี้
 
นางวงเดือน พรมวิเชียร อายุ 46 ปี แม่ค้าขายมะนาว กล่าวว่า ยอมรับว่าช่วงนี้ราคามะนาวแพงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าที่จะหยุด โดยราคาจำหน่ายวันนี้มะนาวเบอร์ใหญ่อยู่ที่กระสอบละ 2,100-2,220 บาท โดย 1 กระสอบ จะมี 300 ลูก เบอร์เล็กกระสอบละ 1,900 บาท โดยที่ก่อนหน้านี้ช่วงต้นเดือนมีนาคม ราคามะนาวจะอยู่ที่กระสอบละ 1,700 บาท แต่มาจนถึงขณะนี้ราคามีการปรับขึ้นกระสอบละ 400-500 บาท
 
“โดยส่วนตัวคาดว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปถึงกระสอบละ 2,500 บาท ในเดือนเมษายน ทำให้ตอนนี้ที่ร้านนำ ซึ่งจำหน่ายมะนาวเบอร์ 4 ก็ได้ปรับแผนการขายนำมาขายปลีก 3 ลูก 20 บาท ขณะที่ เบอร์ 3 ของยังขาดตลาดและที่สำคัญทราบมาว่าราคาสูงถึงลูกละ 10 บาทแล้ว ซึ่งร้านไม่สามารถรับมาขายได้เพราะว่าขายออกยาก”
 
นางวงเดือน กล่าวต่อว่า ขณะนี้ลูกค้ามีกำลังซื้อน้อยลง ส่วนมากคนจะซื้อ 3 ลูก 20 บาทหรือเลือกซื้อลูกละ 5 บาท ซึ่งหากขายแพงกว่านี้ร้านจะ ขายออกยากและหากขายไม่หมดเก็บไว้ข้ามคืนมะนาวจะออกเป็นสีเหลืองไม่สวยลูกค้าก็จะไม่ซื้อ อย่างไรก็ดีจากราคามะนาวที่ปรับแพงขึ้น ทำให้น้ำมะนาวคั้น ขนาดขวดละ 1.5 ลิตร เดิมขายขวดละ 300 บาท จำเป็นต้องขายเป็นขวดละ 350 บาท อีกด้วย


 
คาดสงกรานต์ปี65 ไม่คึกคัก คนกรุงชะลอค่าใช้จ่ายลง 2.5% เงินหมุนเวียนเพียง 2.34 หมื่นลบ.
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/109543/

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าครองชีพสูง กระทบคนกรุงฯ ลดฉลองสงกรานต์ปี 2565 โดยมูลค่าการใช้จ่ายลดลง 2.5% เทียบจากปีก่อน มาอยู่ที่ 23,400 ล้านบาท เหตุส่วนใหญ่ยังกังวลเศรษฐกิจและระมัดระวังการใช้จ่าย
 
วันนี้( 30 มี.ค.65) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมิน มูลค่าการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 อยู่ที่ 23,400 ล้านบาท ลดลง 2.5% หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ผลจากค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเม็ดเงินใช้จ่ายรายกิจกรรมปรับตัวลดลงเกือบทุกประเภทกิจกรรม สอดคล้องกับสัญญาณการใช้จ่ายในภาพรวมที่ผู้บริโภคในทุกกลุ่มรายได้ปรับลดค่าใช้จ่ายลง เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันผู้ประกอบการร้านค้าก็เผชิญต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้ต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าบางส่วน ซึ่งนอกจากการส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องของธุรกิจในระยะนี้แล้ว ธุรกิจจะต้องเน้นการบริหารต้นทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการแข่งขันที่เข้มข้นในระยะยาว
 
โดยจากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารและสินค้าจำเป็น ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดปศุสัตว์และการลดลงของอุปทานในบางรายการสินค้า ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2565 ประกอบกับความตึงเครียดของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตอาหารและพลังงานดีดตัวสูงขึ้นอีก ส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นกดดันกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากการขาดรายได้ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะบรรเทาลงบ้างแล้ว แต่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้การจับจ่ายของประชาชนน่าจะยังไม่กลับมาคึกคัก สอดคล้องไปกับผลการสำรวจ  ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามทุกกลุ่มรายได้ปรับลดค่าใช้จ่ายลงเมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อนหน้า (รวมค่าใช้จ่ายสินค้าจำเป็น ค่าสาธารณูปโภค ชอปปิ้ง ค่าบริการ ท่องเที่ยว ฯลฯ) โดยเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างใช้จ่ายลดลง 1-25% ของค่าใช้จ่ายเดิมเมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อน และกลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่าย โดยเน้นการลดปริมาณการซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็น ลดการเดินทางและทานข้าวนอกบ้าน รวมถึงประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังมีความกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจยืดเยื้อออกไป จึงมีแนวโน้มจะระมัดระวังการใช้จ่ายจนกว่าสถานการณ์จะมีสัญญาณดีขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้มากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งราคาอาหาร ก๊าซหุงต้ม และค่าสาธารณูปโภค 2) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และ 3) ความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตามลำดับ
 
สำหรับ มูลค่าการใช้จ่ายรายกิจกรรมของคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเกือบทุกประเภท โดยเม็ดเงินใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงสังสรรค์ ค่าอาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนมากที่สุดที่ 40% ของเม็ดเงินรวม อยู่ที่ 9,500 ล้านบาท (-3.0% YoY) ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มีแผนจะปรุงอาหารทานเองที่บ้าน โดยลดปริมาณการซื้อวัตถุดิบเท่าที่จำเป็นและราคาไม่สูงมากนักเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
 
ส่วนเม็ดเงินการชอปปิ้งซื้อสินค้าอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท (-3.9% YoY) ซึ่งผลการสำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องแต่งกายเป็นหลัก แต่ลดจำนวนการซื้อสินค้าลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และงด/ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยลง โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าตามโปรโมชั่นลดราคาส่งเสริมการขายมากที่สุด นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังมีแนวโน้มชะลอการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ออกไปก่อน 
 
ขณะที่ค่าเดินทาง ค่าที่พักในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว อยู่ที่ 6,050 ล้านบาท (+1.1% YoY) เป็นผลหลักจากจำนวนผู้เดินทางที่อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามมาตรการสาธารณสุขที่ผ่อนคลายลง และให้สามารถจัดงานสงกรานต์ตามประเพณีในพื้นที่ที่มีการควบคุมได้ แต่ผู้เดินทางจะจัดสรรค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวังภายใต้งบประมาณที่ตั้งไว้ เช่น เลือกเดินทางด้วยรถโดยสารชั้น 2 ทดแทนรถชั้น 1 หรือเลือกที่พักที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐ เป็นต้น
 
ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เม็ดเงินการใช้จ่ายรวมในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565 (13-17 เมษายน 2565) จะอยู่ที่ประมาณ 23,400 ล้านบาท ลดลง 2.5% หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลหลักจากสัดส่วนคนกรุงเทพฯ ที่เลือกทำกิจกรรมฉลองสงกรานต์ลดลงจากปีที่แล้ว และลดการใช้จ่ายลงเหลือเท่าที่จำเป็น โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 5,600 บาท ลดลงจากปีก่อน
 
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 
 


“ทนายรณณรงค์” แจ้ง ติดโควิดยกครัว โทรหา 1330 ได้รับคำตอบสุดอึ้ง
https://www.matichon.co.th/social/news_3261946

“ทนายรณณรงค์” แจ้ง ติดโควิดยกครัว สุดอึ้งโทรหา 1330 แต่ได้รับแจ้งว่ามีสิทธิรักษากับประกันสังคม ต้องติดต่อ 1506 ในเวลาราชการเท่านั้น

ในช่วงสถานการณ์ที่โควิด-19 ระบาดอย่างต่อเนื่องนั้น
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ถึงคิวของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า #ทนายรณณรงค์ติดเชื้อ ในที่สุดก็ไม่รอด แล้วผมต้องทำยังไงต่อดีละนี่ แต่อาการวันนี้มีแต่น้ำมูก เมื่อวานไข้สูง วันนี้ไข้ลดระคายคอหน่อย สรุปติดทั้งบ้าน เพื่อนหมอผมนี่เดาแม่นจริงๆอาการมันใช่แต่แค่ผลยังไม่ขึ้น ติดเชื้อจนได้ต้องทำยังไงดี ไหนโทรหา1330 หน่อยซิ
 
ข้าวเช้ามื้อแรกของคนป่วย ถ้าผมแอดมิดแล้วใครจะดูลูก
 
อย่างไรก็ตาม ทนายรณรงค์ ได้มีการไลฟ์สด เพื่อติดต่อ 1330 ด้วย โดยในคลิปดังกล่าว ทนายรณรงค์บอกว่า ติดเชื้อโควิด จากการวัดATK ล่าสุด ขึ้น 2 ขีดหลังจากมีไข้สูง น้ำมูก กินยาฟ้าทะลายโจร และยาพารา ตรวจตอนเช้าด้วย ATK ปรากฎไม่ขึ้นคิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้เป็นโควิด แต่ถูกหมอซึ่งเป็นเพื่อนกันก็โทรมาด่าว่านี่คืออาการของโควิด วัน 2 วันอาจไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้น 2-3 วันแน่ ซึ่งผลปรากฎก็เป็นจริงตามที่หมอว่า
 
จากนั้น ทนายรณรงค์ก็ได้ลองโทร 1330 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจาก เอไอ ซึ่งปรากฎว่า สามารถติดต่อได้และเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนก็มีโอเปอเรเตอร์มารับสาย และระหว่างที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ก็มี 1330 โทรกลับมาด้วย
 
ทั้งนี้ทนายรณรงค์ได้แจ้งรายละเอียด ซึ่งทางเจ้าหน้านี้ยืนยันว่า ทนายรณรงค์มีสิทธิรักษาตามระบบประกันสังคมไม่ใช่บัตรทอง หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ของ 1330 โดยให้ทนายรณรงค์โทรไปที่ประกันสังคมคือเบอร์ 1506 แต่ต้องโทรในวันและเวลาราชการเท่านั้น
 
ทั้งนี้ทนายรณรงค์ระบุว่า ตัวเองได้วัคซีนไปแล้ว 3 เข็ม เป็นซีโนแวค 2 และไฟเซอร์ 1 เข็ม

https://www.facebook.com/FBaekx/videos/2203346929813425/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่