ของที่ได้มาก็อยากรักษา หนี้ก็อยากเคลียร์

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตของเรา ที่เป็นปัญหามาระยะนึงแล้วเกี่ยวกับหนี้สิน
ก่อนหน้านี้ เราอายุ 34 ปีค่ะ ทำงานประจำที่กรุงเทพฯ ค่ะ เงินเดือนเราอยู่ที่ 25K-29K อาหารฟรี 2 มื้อ ค่าใช้จ่ายจริงๆ มีแต่ ค่าน้ำมันรถ 
ของกินจุกจิก สังสรรค์กับเพื่อนบ้าง และค่าเช่าห้องค่ะ เงินเหลือเก็บไว้เผื่อที่บ้านฉุกเฉินสบายๆ เลย
แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ตามเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี้เลยค่ะ 
ในช่วงที่เราไม่มีแฟนเราทำงานตั้งแต่ต้นจนผ่านไปได้ 2 ปี เราก็เริ่มมีบัตรเครดิต 1 ใบ จากนั้นก็มีมาอีก 1 ใบ รวมเป็น 2 ใบ 
เราเอาไว้ผ่อนของใช้บ้าง เอาไว้รูดจ่ายทั่วไปบ้าง พอถึงดิวจ่ายเราก็ไม่เคยจ่ายยอดขึ้นต่ำเลย จ่ายเต็มจำนวนทุกครั้ง 
จนบัตรไม่มีการใช้จ่าย แต่เราก็เก็บบัตรไว้อยู่เผื่อฉุกเฉิน
จากนั้นผ่านมา ปีที่ 2 เข้าปีที่ 3 เราก็มีแฟนและมาอยู่ด้วยกัน เลยยื่นกู้ซื้อคอนโดคนเดียว ราคาอยู่ที่ 1.9M 
ซึ่งช่วงนั้นเงินเดือนเรา สามารถผ่อนคอนโดและจ่ายบัตรเก็บให้ที่บ้าน ตอนนั้นก็พอดีใช้จ่ายอยู่ค่ะ และนี้ก็คือหนี้ก้อนที่ 1
จากนั้นมาช่วงปีที่ 5 เราเริ่มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะแฟนเราเปลี่ยนงานบ่อย และท้ายที่สุดก็หาเงินรายวันจากวิ่งส่งของของ เดลิเวอร์รี่เจ้าหนึ่ง 
รายได้แฟนน้อยมากๆ พอเป็นแบบนี้ เราก็หันมาใช้เงินร่วมกัน ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะ ปกติเราแยกกระเป๋ากันใช้ตั้งแต่แรกที่ตกลงกันไว้ โดยทั้งคู่หักจ่ายทั้งหมดแล้วก็เอามารวมกัน แบ่งกันใช้ อันไหนเป็นค่าใช้จ่ายแฟน เราก็ให้ยืมเงินเก็บเราก่อน แล้วค่อยเอามาจ่ายคืนถ้าหางานทำได้แล้ว
จากนั้นผ่านไปซักระยะ แฟนก็ยังไม่ได้งานประจำทำค่ะ จะวิ่งงานเดลิเวอร์รี่อย่างเดียว เงินเก็บเราก็เริ่มใกล้จะหมดค่ะ เหลือน้อยกว่า 5 หมื่น 
เราก็รู้สึกไม่ดีมาซักระยะแล้วก็เลยหยุดเอาเงินออกมาใช้และไม่ให้แฟนยืม แรกๆ แฟนไม่พอใจเราเป็นเดือนเลย 
พอมีเวลาเราก็มานั่งคุยกันสรุปได้ว่าเค้าขอเอาบัตรไปใช้ (แฟนคนนี้ติดบูโรเลยไม่มีเครดิตอะไร) แล้วแยกกระเป๋ากันใช้จ่ายไปเลยเหมือนแต่แรก 
เค้าก็ตกลงและรับปากว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ด้วยความไว้ใจแหละค่ะ ถึงให้เอาไปใช้ง่ายๆ จนวันนึงเราได้รับจดหมาย 
แจ้งว่าไม่มีการชำระเงินบัตรเลย และแจ้งจำนวนเงินค้างชำระให้รู้ เราก็ตกใจมากเลย ในระยะเวลา ไม่ถึง 4 เดือนด้วยซ้ำ 
เราคิดว่าแฟนเรารับผิดชอบทุกอย่างได้ มันผิดจากที่คุยและแผนที่วางกันไว้มากๆ ค่ะ เราด้วยความร้อนใจก็เลยมานั่งเช็ครายการจ่ายเลยค่ะ 
สรุปคือเค้าก็เอาเงินในบัตรไปจ่ายฟุ่มเฟือย ทั้งโอนเงินออกมา และรูดจ่ายทั่วไป เราก็ไม่เคยเช็คเลยว่าซื้ออะไรบ้าง และที่หนักกว่านั้น 
ด้วยความที่เราเช็คละเอียดมากก็เลยรู้ด้วยว่าเค้ามีคนอื่น เงินที่รูดไป แน่นอนค่ะเค้าใช้ด้วยกัน เราทะเลาะกันรุนแรงมาก 
สุดท้ายก็เลิกกันด้วยไม่ดี และภาระหนี้ทั้งหมด เกือบแสน ทั้งเงินเราที่เค้ายืม ทั้งเงินบัตรที่พวกเค้าใช้ ก็เป็นเราต้องรับผิดชอบค่ะ 
ทำอะไรไม่ได้เลยไม่กล้าปรึกษาที่บ้านด้วย และนี่คือหนี้ก้อนที่ 2
จากนั้นเราอยู่กับตัวเองมาซักตอนนี้จะอยู่ในช่วงเข้าปีที่ 6 โควิดก็เข้ามาไทยแล้วระยะนึงตอนนั้นนะคะ และเราก็มาคบกับแฟนคนปัจจุบัน 
เค้าก็ทำงานที่บ้านค่ะ รายได้ไม่ได้เยอะอะไร พอคบกันมาได้เกือบปี รถมอเตอร์ไซด์ที่ใช้ขับไปทำงานใช้ไม่ค่อยดี 
มันจำเป็นและต้องใช้ขับไปทำงานทุกวัน ก็เลยคุยกันกับแฟน สรุปเราเอาเงินที่เก็บเราบางส่วนมาดาวน์รถมอเตอร์ไซด์ใหม่ และนี่ก็คือหนี้ก้อนที่ 3  
หลังจากนั้นไม่นาน เราก็มีการย้ายงานเพราะรายได้เราลดลงมากเหลือไม่ถึง 19 Kเราก็ค่อยๆ วางแผนใหม่ หางานและได้งานใหม่แถวบ้านแฟน
เงินเดือน 18K ตอนนั้นเรามองว่าไม่ต่างกับที่เก่า ทำไปก่อนถ้าเหตุการณ์ปกติโรงแรมทำการปกติค่อยกลับไปทำอีกครั้ง 
ตอนนี้คอนโดกำลังจะเข้าช่วงปีที่ 3 ซึ่งดอกเบี้ยจะปรับขึ้น บวกด้วยช่วงโควิดจึงเข้าโครงการพักชำระไป หนี้ก้อนที่ 2 ยังจ่ายไม่หมด
เราจึงปล่อยเช่าคอนโดในราคา 5 พัน เราคิดว่าเอามาเพิ่มรายได้หลักก็ยังมีเงิน 23K แต่เท่าที่คำนวนเราจ่ายได้อยู่ 
หลังจากปล่อยเช่า เราก็ย้ายไปอยู่บ้านแฟน และก็มีความคิดที่อยากจะทำอะไรซักอย่างให้มีรายได้เพิ่มและเป็นรายได้หลักของแฟนไปด้วยเลย 
ซึ่งตอนนั้นคิดแค่จะหาเงินเพิ่มให้ได้อย่างเดียวเลย ไม่ได้คิดถึงโควิดอะไรเลย เพราะมันเหมือนจะซาลงอีกแล้วเราก็เลยไปยื่นกู้ธนาคาร
เป็นชื่อเราคนเดียวเพื่อลงทุน แต่ด้วยเราขอไปค่อนข้างสูง ฐานเงินเดือนเราและภาระไม่ผ่านเกณฑ์ ธนาคารเลยไม่อนุมัติง่ายๆ
และเราก็ไม่รอถามธนาคารอื่นค่ะ เราหันไปทำบัตรกดเงินสด 2 ค่ายค่ะ เป็นชื่อเราทั้งสองใบ (แฟนเราคนนี้ไม่ได้ทำงานประจำเลยยื่นเรื่องสินเชื่อไม่ได้) สรุปผ่าน ได้วงเงินมารวมกันเกือบ 6 หมื่นบาท และนี่ก็คือหนี้ก้อนที่ 4 
เราก็เอาเงินไปลงทุนขายเสื้อผ้าค่ะ เราขายของแถวบ้านแฟน ขายดีมากๆ ค่ะ แฟนเราขยันออกไปขายของทุกวันขายแค่วันนึง 6 ชม. 
ได้เงินเพิ่มเข้ามาในกระเป๋าตกเดือนละ 18K Up 
รายได้เราทั้งคู่ขั้นต่ำ ณ ตอนนั้น คือ 40K  ซึ่งเราคำนวนแล้วก็เห็นว่าเอามาผ่อนจ่ายทุกอย่างได้ เราก็อยากจะจริงจังมากขึ้น ขนของสะดวก 
ไปรับของส่งของสะดวก แต่ไม่มีรถยนต์ขนของ เพราะที่ผ่านมาเอารถมอเตอร์ไซด์ขนเองบ้าง เรียกแกร๊บบ้าง แท็กซี่บ้าง 
ก็เลยมีความคิดว่าถ้ามีรถยนต์ก็คงดีจะได้ไม่เสียค่าจ้างตรงนี้ และไม่ช้าค่ะ เราเอาเงินที่ทั้งเงินเก็บและเงินกำไรที่ขายของได้
ไปดาวน์รถออกมา ผ่อนอีกที ต้นปีหน้าตามโปรฯ เราก็มองว่าเออ มีเวลาเก็บเงินนะ จ่ายได้สบายอยู่แล้ว
ก็เลยดำเนินการทันทีสัญญาเป็นชื่อเรา และนี่ก็คืนหนี้ก้อนที่ 5 
ด้วยอะไรก็ไม่รู้ ขายของยังไม่ถึงครึ่งปี โควิดระบาดหนักเข้ามาอีกรอบ เศรษฐกิจมันแย่กว่าเดิม 
ปัญหาที่เราเจอคือ รายได้ลดลง สินค้าที่เราขายขายได้น้อยมากๆ ถึงขั้น ค้างสต๊อกเป็นหมื่นๆ ขายหน้าร้านก็แล้ว ออนไลน์ก็แล้ว 
แต่ก็รายได้ลดลงมาก และเงินที่ได้มาจากรายได้เราก็เอามาช่วยค่าใช้จ่ายที่บ้านแฟนด้วย เงินเก็บบางส่วนและเงินขายของ เราก็เอาออกมาใช้ค่ะ 
ยอมรับว่าจัดการระบบบัญชีร้านค้าได้ไม่ดีเลย ไม่มีแผนเลยค่ะเงินใช้มั่วไปหมด พอเกิดแบบนี้แฟนเราก็เลยต้องหางานประจำทำ 
ที่สามารถแบ่งเวลามาขายของในร้านตัวเองได้ แต่ก็ใช่จะหางานในช่วงโควิดง่ายนะคะ แฟนเราไม่ได้งานค่ะ ก็เลยขายของตลาดบ้างออนไลน์บ้าง
รายได้ทั้งคู่ตอนนั้นเหลือขั้นต่ำ 27K เราทั้งคู่เริ่มเครียด เหลือกินเหลือใช้ไม่ถึง 4 พัน บอกก่อนว่าเราไปอยู่บ้านแฟนเรากับแฟนเอารายได้เราจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ที่บ้านแฟนด้วยนะคะ  ปลายปีต้องเริ่มจ่ายค่าผ่อนรถยนต์แล้ว งวดแรกเราเครียดมากเลยค่ะ 
 
และในความโชคร้ายยังไม่โชคดีแว๊ปเข้ามาค่ะ คือที่ทำงานเก่าเรียกตัวเราก็เลยลาออกจากที่เก่าแล้วกลับมาทำงานโรงแรม
ซึ่งเงินเดือนเราก็ได้อยู่ที่ 23K-24K ซึ่งเรารับได้และจับเหมาะกับผู้เช่าหมดสัญญาพอดี เลยกลับไปอยู่คอนโดกับแฟน 
และขายของออนไลน์+แฟนได้งานที่นั้นพอดี รายได้ตอนนี้รวมกันอยู่ที่ 33K ค่ะ 
ถามว่าพอใช้จ่ายไหม ตอบเลยว่าพอดีแปะ จ่ายแต่หนี้สินนะคะ ไม่ได้มีไว้กินเลย เราก็เลยเอาของมาโล๊ะขายขาดทุนหมด
เพื่อเอามาเตรียมจ่ายอย่างอื่นทั้งที่บ้านแฟนที่เรารับผิดชอบ ค่ากิน เอาให้ที่บ้านแฟนก่อนออกมา (มีปัญหากับที่บ้านแฟน ตัดขาดกันไปแล้ว)
และค่าส่วนกลางของคอนโด สรุปทุนที่ลงขายของหมดกับค่าใช้จ่ายพวกนี้ค่ะ และไม่พอใช้จ่ายด้วย
รถมอเตอร์ไซด์ก็เลยค้างชำระ 1 เดือน เราเลยจ่ายไล่หลังเพื่อทบเดือนไป 
ในส่วนของงาน พอเรามาทำงานเดือนแรกใช่ไหมเงินได้ไม่เต็มค่ะ แฟนก็ด้วย เงินไม่พอจ่ายค่ารถยนต์งวดแรก 
และค่ามอเตอร์ไซด์งวดถัดไปค่ะช๊อตอีกค่ะ สิ่งที่ทำได้คือเอารถมอเตอร์ไซด์อีกคันไปเข้าไฟแนนซ์ ไอแพด+ไอโฟนที่เคยใช้ทำงานเอาไปจำนำ 
ได้เงินมาพอประมาณค่ะ เลยเอามาแบ่งจ่ายโน้นนี่นั้นไปก่อน ที่เหลือเก็บไว้กิน พอเงินเดือนออกก็ไปหมุนจ่ายไปจนถึงตอนนี้ค่ะ 
ซึ่งรายได้กับค่าใช้จ่ายรวมกันตอนนี้ ติดลบค่ะ รายได้เรากับแฟนรวมกันก็จ่ายหนี้หลักๆ ได้ค่ะแต่อาจเรทหน่อย แต่บัตร ไฟแนนซ์ 
ดอกเบี้ยของจำนำ เราหมุนจ่ายไม่ทันจริงๆ ดอกเบี้ยแพงมาก
ตอนนี้เรามานั่งดูตารางค่าใช้จ่ายเราแล้ว ถ้าเรารวมหนี้บัตร ของจำนำ และไฟแนนซ์รวมกัน 
มันอยู่ที่ 270,000 ถ้าเรามีเงินมาปิดตรงนี้ จะจัดการค่าใช้จ่ายได้อยู่ เพราะค่าใช้จ่ายของพวกนี้ 
รวมแล้วเดือนนึง เราจ่ายเกือบ 13K ต่อเดือนเลย ซึ่งมันหนักไป 
ตอนนี้เราก็เลยมองหางานพิเศษพาร์ทไทม์หลังเลิกงาน ได้ชั่วโมงละ 50 บาทก็ยังดี น่าจะพอหมุนจ่ายหนี้ไปค่ะ
เราคิดว่ารายจ่ายเราถ้าไม่มีพวกที่เป็นยอด 270000 นั้นเราจะเหลือแค่ ค่าคอนโด 12000 + ค่ารถยนต์ 11500  2 อย่างเท่านั้นเอง
ดังนั้นเราจึงมองหาช่องทางหาเงินมาปิดยอด ใหญ่นี้ให้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับตอนนี้รึป่าวก็ไม่รู้
แต่ก็ยากค่ะมันเยอะ เห้อออ .. 
 
ตอนนี้เราเหนื่อยกับตัวเองมากๆ เรารู้สึกแย่ เพราะเราไม่เคยทุกข์ขนาดนี้ บางครั้งไม่มีกำลังใจเลยค่ะ
เราไม่อยากเดือดร้อนเพื่อนที่บางครั้งเรายืมเงินมาหมุน มองแฟนที่กลับจากที่ทำงานมาเจอกันก็สีหน้าไม่ต่างกันเลยค่ะ 
แต่เราทั้งคู่ไม่เคยคิดสั้นนะคะ มีแต่ให้กำลังใจกัน เราอยากให้ที่บ้านเราช่วยมากๆ 
แต่เราไม่อยากเดือดร้อนพวกเค้าเพราะที่บ้านเราคือครอบตัวใหม่ของแม่ เค้าดีกับเรามากๆ จนเราไม่กล้ารบกวน 
อีกอย่างเราไม่อยากให้ที่บ้านมองแฝนเราไม่ดีด้วย ....
เราไม่ได้โทษใครเลยที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ เราโทษที่เราวางแผนชีวิตเราผิดเอง 
แต่ถ้าใครอยากแนะนำอะไร บอกกันได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับพื้นที่นี้ ...............
...............................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่