ขออนุญาติสอบถามเพื่อนสมาชิก
เนื่องจากผมกับแฟนติด covid 19 ด้วยกันทั้งคู่ แต่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม คนละ รพ. กัน โดยของแฟน ขออนุญาติเอ่ยชื่อ รพ. เนื่องจากให้บริการดีกว่า คือ รพ ศิครินทร์ ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. ของ รพ ศิครินทร์ ตอนนี้ ตรวจ RT-PCR ของประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าบริการ สามารถตรวจได้ และได้ผลในวันถัดไป แต่ก็มีเงื่อนไขการตรวจ เป็นมาตรฐานไป เช่นต้องระบุว่ากลุ่มเสี่ยง มีไข้ หรืออะไรก็แล้วแต่ก็ว่าไป แต่ในส่วนของ รพ ประกันสังคมที่ผมใช้อยุ่นั้น เป็น รพ เอกชน อีกที แต่ตอนไปตรวจระบุไว้ว่า ต้องเสียค่าตรวจ RT-PCR เอง อยู่ที่ 2700 บาท โดยไปตรวจที่ รพ. ก็จะตรวจให้แค่ ATK เท่านั้น ถ้าจะตรวจ RT-PCR ต้องเสียตังค์เองคือ 2700 ซึ่ง จขกท ก็ต้องจ่ายเพื่อใช้ยืนกับทางบริษัทที่ทำงาน และประกัน
2. การจ่ายยา ของ รพ.ศิครินทร์ จ่ายยาตามอาการ แต่ยังคงมีการจ่ายยา ฟาวิ ให้อยู่ แต่ของ รพ ของ จขกท เองนั้น ได้แค่ยาตามอาการ คือ ฟ้าทลายโจร แล้วก็ยาแก้น้ำมูก ยาแก้ไอ อ้อลืมตัวยาพระเอกสำคัญไปคือ พารา โดยไม่มียา ฟาวิ มาให้ ซึ่งทานได้ประมาณ 5 วันก็หมดแล้ว โดย จขกท กักตัว HomeI มา 6 วันแล้ว อาการยังคงทรงตัวคือ มีน้ำมูก เสลด ไอบ้างไม่ถี่ เจ็บหน้าอก มีอาการเหนื่อยบ้างแต่ไม่มาก ปวดหัว เสียงแหบ ท้องเสียเป็นระยะ และเมื่อวัดด้วยเครื่องวัด O2 มีค่าแกว่ง วัดได้ต่ำสุดคือ 88 - 96 โดยเมื่อโทรปรึกษากับทาง รพ. ได้คำตอบกลับมาว่า ที่วัดได้ 88 อาจจะคลาดเคลื่อน ถ่านหมด ถ้าวัดได้ 88 คงไม่สามารถมาพูดคุยกับทาง รพ ได้ คงจริง นั้นหมายถึง อุปกรณ์ที่ให้มาไม่มีมาตรฐานเลยหรือ หรือว่าก็ต้องตามมีตามเกิดเอา และก็ให้ดูแลตัวเอง กินน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆ ครับ นั้นคือคำตอบของเจ้าหน้าที่ รพ. ที่คนไข้จะขอฝากชีวิตและการรักษาไว้ คือมีแค่นี้จริงๆ หรือ
สรุปคือ แต่ละ รพ. ประกันสังคม มาตรฐานไม่เท่ากันงั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ปีหน้า คงต้องทำเรื่องย้าย รพ ประกันสังคมไป รพของแฟนน้าจะดีกว่า ทั้งๆที่ รพ ที่ จขกท อยู่ก็ได้ชื่อว่าเป็น Inter เป็น รพ เอกชนในเครือที่ถือว่าใหญ่ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
มาตรฐานการรักษา Covid 19 ของประกันสังคมแต่ละ รพ. ไม่เท่ากันหรือ ???
เนื่องจากผมกับแฟนติด covid 19 ด้วยกันทั้งคู่ แต่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม คนละ รพ. กัน โดยของแฟน ขออนุญาติเอ่ยชื่อ รพ. เนื่องจากให้บริการดีกว่า คือ รพ ศิครินทร์ ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. ของ รพ ศิครินทร์ ตอนนี้ ตรวจ RT-PCR ของประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าบริการ สามารถตรวจได้ และได้ผลในวันถัดไป แต่ก็มีเงื่อนไขการตรวจ เป็นมาตรฐานไป เช่นต้องระบุว่ากลุ่มเสี่ยง มีไข้ หรืออะไรก็แล้วแต่ก็ว่าไป แต่ในส่วนของ รพ ประกันสังคมที่ผมใช้อยุ่นั้น เป็น รพ เอกชน อีกที แต่ตอนไปตรวจระบุไว้ว่า ต้องเสียค่าตรวจ RT-PCR เอง อยู่ที่ 2700 บาท โดยไปตรวจที่ รพ. ก็จะตรวจให้แค่ ATK เท่านั้น ถ้าจะตรวจ RT-PCR ต้องเสียตังค์เองคือ 2700 ซึ่ง จขกท ก็ต้องจ่ายเพื่อใช้ยืนกับทางบริษัทที่ทำงาน และประกัน
2. การจ่ายยา ของ รพ.ศิครินทร์ จ่ายยาตามอาการ แต่ยังคงมีการจ่ายยา ฟาวิ ให้อยู่ แต่ของ รพ ของ จขกท เองนั้น ได้แค่ยาตามอาการ คือ ฟ้าทลายโจร แล้วก็ยาแก้น้ำมูก ยาแก้ไอ อ้อลืมตัวยาพระเอกสำคัญไปคือ พารา โดยไม่มียา ฟาวิ มาให้ ซึ่งทานได้ประมาณ 5 วันก็หมดแล้ว โดย จขกท กักตัว HomeI มา 6 วันแล้ว อาการยังคงทรงตัวคือ มีน้ำมูก เสลด ไอบ้างไม่ถี่ เจ็บหน้าอก มีอาการเหนื่อยบ้างแต่ไม่มาก ปวดหัว เสียงแหบ ท้องเสียเป็นระยะ และเมื่อวัดด้วยเครื่องวัด O2 มีค่าแกว่ง วัดได้ต่ำสุดคือ 88 - 96 โดยเมื่อโทรปรึกษากับทาง รพ. ได้คำตอบกลับมาว่า ที่วัดได้ 88 อาจจะคลาดเคลื่อน ถ่านหมด ถ้าวัดได้ 88 คงไม่สามารถมาพูดคุยกับทาง รพ ได้ คงจริง นั้นหมายถึง อุปกรณ์ที่ให้มาไม่มีมาตรฐานเลยหรือ หรือว่าก็ต้องตามมีตามเกิดเอา และก็ให้ดูแลตัวเอง กินน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆ ครับ นั้นคือคำตอบของเจ้าหน้าที่ รพ. ที่คนไข้จะขอฝากชีวิตและการรักษาไว้ คือมีแค่นี้จริงๆ หรือ
สรุปคือ แต่ละ รพ. ประกันสังคม มาตรฐานไม่เท่ากันงั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ปีหน้า คงต้องทำเรื่องย้าย รพ ประกันสังคมไป รพของแฟนน้าจะดีกว่า ทั้งๆที่ รพ ที่ จขกท อยู่ก็ได้ชื่อว่าเป็น Inter เป็น รพ เอกชนในเครือที่ถือว่าใหญ่ระดับหนึ่งเลยทีเดียว