ชาตินี้ผมไม่เคยคิดจะตั้งกระทู้เลย แต่รอบนี้คิดว่าต้องพูดอะไรซักหน่อยแล้ว
เห็นหลายคอมเม้นต์แล้วผมรู้สึกไม่สบายใจมาก กับอนาคตของประเทศตัวเอง และสังคมที่ตัวเองอยู่ คนหลายคนคอมเม้นต์เห็นดีเห็นงามกับความรุนแรง บอกChris rock สมควรโดนบ้างละ ควรโดนหนักกว่านี้บ้างละ บอกChris rock เล่นแรงไปมากต้องโดน อ้างเหตุผลกันมาต่างๆนาๆ แถมบางทีสนับสนุนยกย่อWillอีก
เห้ยย ผมว่าเราต้องกลับมาคิดกันให้หนักแล้วละครับ ว่าเรากําลังอยู่ในสังคมแบบไหนที่ทําให้เราเห็นด้วยกับความรุนแรงทางกายกันได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้
ถ้าไปดูคอมเม้นต์ต่างประเทศจะเห็นความต่างที่ชัดเจนเลยครับ ซึ่งผมมองว่ามันบอกอะไรเราได้หลายๆอย่าง อยากให้ทุกท่านไปคิดกันดู
(เรื่องนี้ในมุมมองของผม)
1. บางคนอาจจะมองว่ามุกของChris rockแรงไป (อันนี้อาจจะถกเถียงกันได้) แต่ขอให้ดูบริบทกันหน่อยครับ ถ้าดูoscarย้อนกลับไป เอาซัก10ปีที่ผ่านมาก็ได้ พิธีกรจะแซวนักแสดง(หรือผู้เข้าร่วมงาน) เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะนั้นคืองานของเขา คือสร้างการสีสัน สร้างเสียงหัวเราะ ให้mood มันสนุกเป็นกันเองก่อนเริ่มงาน บางคนแซวแรง แซวเบาต่างสไตล์กันไป นั้นคือบริบทที่ผมว่าทุกคนในงานก็เข้าใจและเคารพ (ไม่งั้นคงมีตบกันทุกปี) คือไม่ถือสา มันเรื่องjoke นักแสดงมารวมตัว มาสนุกกัน และมารับรางวัล คือมันเป็นส่วนหนึ่งของงานและ ไม่มีอะไรpersonal (ถ้าใครอยากรู้ว่างานรับรางวัลพวกนี้เขาเล่นแรงกันได้ถึงขนาดไหน ให้เริ่มไปดูจาก Ricky Gervais พิธีกรในงานgolden globes ปี 2016 ก็ได้ครับ) มุกของChris rockที่บางคนมองว่าก้าวล่วง ถ้าไปดูดีๆแล้ว เขาแค่แตะๆแล้วปล่อยผ่านครับ ไม่ได้ขยี้อะไร เอาจริงๆ ยังไม่จบงานคนก็ลืมกันหมดแล้วครับ เหมือนมุกอีกหลายมุกที่เคยถูกปล่อยบนเวที และถึงต่อให้มุกมันจะไม่ดีมากๆ ถามตัวคุณเองจริงๆเถอะครับ ว่าการเดินเข้าไปตบเขาเลย คือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะควรแล้วหรอ? นั้นคือสิ่งที่คนโตๆแล้วจะทําหรอครับ?
2. อีกประเด็นที่อยากจะเสริมเลย และเป็นประเด็นที่ผมกังวลสุดๆ คือบางคนแยกความรุนแรงทางกายกับความรุนแรงทางคําพูดไม่ออกครับ คือนึกว่าเป็นเรื่องเดี่ยวกัน ระดับความรุนแรงเท่ากัน "ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ" ความรุนแรงทางกายส่วนใหญ่เป็นobjective fact คือเกิดจริงๆ วัดได้เลย ไม่ต้องอาศัยการแปลมาก แต่ความรุนแรงทางคําพูดนี่คือแปลอะไรได้เยอะครับ(Subjective feeling) จากผู้ส่ง ถึงผู้รับ สารมันเปลี่ยนได้ ดอกไม้อาจกลายเป็นมีดแหลม การแซวแบบเพื่อนอาจจะกลายเป็นการด่า ฯลฯ ในแทบทุกกรณีต้องใช้บริบทมาช่วยมากๆ ในการจะเข้าใจว่าผู้ส่งจะสื่ออะไร ดังนั้นเราต้องให้โอกาศผู้ส่งในการเข้าใจผู้รับด้วยครับว่าแบบไหนโอเคไม่โอเค คือต้องมีการพูดคุย ไม่ใช่ไปทําร้ายเขา ผมว่านี้คงเป็นเหตุผล ที่ทําให้ผมประหลาดใจว่าทําไมคนบางกลุ่มซึ่งโตแล้วด้วยนะครับ บางคนมีผู้ติดตามเป็นพัน เป็นหมื่น ที่โพสแนว สะใจ ถูกใจ ละเลย ปิดตาจากการกระทํารุนแรง "ทางกาย" ที่โจ่งแจ้งนี้ เห็นมันเป็นเรื่องตลก รับได้ สมควร แต่กลับไปเห็นใจคนที่อาจถูกกระทําความรุนแรงทาง"คําพูด"แทน ว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เลย ทั้งที่มันควรจะเป็นตรงกันข้ามเพราะความรุนแรงมันคนละระดับกันเลย เน้นว่าความรุนแรง"ทางกาย" เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยครับ "ไม่ได้เลย" เพราะมันเป็นobjective fact. สุดท้ายในโลกนี้ไม่มีใครควรถูกทําร้ายหรอกครับ ไม่ว่าจะทางไหนก็ตามแต่เราไม่ควรไปสนับสนุนให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงทางกาย
3. เหตุการณ์นี้เป็นความunprofessionalสุดๆของ Will ที่ทําแบบนั้น และเป็นตัวอย่างที่อันตรายมาก เพราะเขารอดไปได้ ยังไม่มีใครต่อว่าหรือห้ามเขาในงานเลย แม้หลังจากนั้นก็ตาม คือการเดินขึ้นไปตบพิธีกรกลางเวทีรับรางวัลที่กําลังถ่ายทอดไปทั่วโลก นี่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อคนรุ่นหลังด้วย ไม่ว่าจะเป็นต่อนักแสดง หรือเด็กๆที่รับชม เพราะถ้าเอาตามนี้ใครพูดอะไรไม่ถูกหูก็แค่เดินไปตบเลย จบ เพราะขนาดถ่ายทอดสดระดับโลกยังทํากันได้ แล้วทําไมในบ้านหรือในชุมชนจะทําไม่ได้ละ ผมอยากให้ทุกท่านลองนึกถึงสังคมที่เป็นแบบนั้น คือใครไม่พอใจที่ใครพูดอะไร ก็แค่เดินไปทําร้ายอีกคนตามที่เราในเวลานั้นเห็นสมควรก็พอ แล้วแบบนี้บ้านเมืองจะมีศาลไว้ทําไมครับ? บ้านเมืองของเราจะมีหน้าตาเป็นแบบไหนหรอครับ? ถ้าเราตัดสินใจกันตามอารมณ์แบบนั้นแล้วมันถูก
self-controlคือหัวใจหลักของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และการทําอะไรที่ฝืนอารมณ์สัญชาตญานพื้นฐานตามธรรมชาติ เช่น อารมณ์ชั่ววูบ นั้นแหละครับคือหัวใจหลักของการเติบโตเป็นมนุษย์ อยากเตือนไว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
3. ผมขอชื่นชมChris rock ครับ คือself-controlของเขาสุดยอดและควรเอาอย่างในจุดนี้ คือเขาเข้าใจบริบทของพิธีกรอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นthe show must go on ต้องkeep moodสนุกไว้ อย่าให้moodในงานเสีย นั้นแหละครับคือความprofessionalที่ผมคาดหวังจากคนระดับHollywood และคิดว่าเขาก็คงได้รับบทเรียนราคาแพงในการดําเนินงานของเขาแล้ว และเป็นบทเรียนให้กับพิธีกรคนอื่นๆด้วย ต่อจากนี้คงจะระมัดระวังคําพูดมากขึ้น
.
ผมผิดหวังกับผู้จัดoscarครับ ผิดหวังกับWillนักแสดงที่ผมเคยชอบ และผิดหวังกับคนบางกลุ่มครับที่พยายามจะอ้างเหตุผลเพื่อสนับสนุนความรุนแรงที่ไม่จําเป็นนี้ และขอยําครับว่า ตราบใดเราที่ยังคงยึด"อารมณ์ระยะสั้น"ในการตัดสินใจ แทน "เหตุผลและหลักการระยะยาว" แล้วละก็ ไม่มีวันเจริญหรอกครับ ไม่ว่าจะชาติหรือคน
*ผมเคารพความเห็นที่แตกต่างนะครับ สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้
ใครที่ไม่เข้าใจประเด็น ผมได้พิมเคลียประเด็นหลักไว้ที่ความคิดเห็นที่ 21-1 และเคลียประเด็นรอบสุดท้ายที่ความคิดเห็นที่ 25 นะครับ
ขอแสดงความกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนบ้างกลุ่มที่สนับสนุนการกระทําของWill ในงานOscarที่ผ่านมา
เห็นหลายคอมเม้นต์แล้วผมรู้สึกไม่สบายใจมาก กับอนาคตของประเทศตัวเอง และสังคมที่ตัวเองอยู่ คนหลายคนคอมเม้นต์เห็นดีเห็นงามกับความรุนแรง บอกChris rock สมควรโดนบ้างละ ควรโดนหนักกว่านี้บ้างละ บอกChris rock เล่นแรงไปมากต้องโดน อ้างเหตุผลกันมาต่างๆนาๆ แถมบางทีสนับสนุนยกย่อWillอีก
เห้ยย ผมว่าเราต้องกลับมาคิดกันให้หนักแล้วละครับ ว่าเรากําลังอยู่ในสังคมแบบไหนที่ทําให้เราเห็นด้วยกับความรุนแรงทางกายกันได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้
ถ้าไปดูคอมเม้นต์ต่างประเทศจะเห็นความต่างที่ชัดเจนเลยครับ ซึ่งผมมองว่ามันบอกอะไรเราได้หลายๆอย่าง อยากให้ทุกท่านไปคิดกันดู
(เรื่องนี้ในมุมมองของผม)
1. บางคนอาจจะมองว่ามุกของChris rockแรงไป (อันนี้อาจจะถกเถียงกันได้) แต่ขอให้ดูบริบทกันหน่อยครับ ถ้าดูoscarย้อนกลับไป เอาซัก10ปีที่ผ่านมาก็ได้ พิธีกรจะแซวนักแสดง(หรือผู้เข้าร่วมงาน) เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะนั้นคืองานของเขา คือสร้างการสีสัน สร้างเสียงหัวเราะ ให้mood มันสนุกเป็นกันเองก่อนเริ่มงาน บางคนแซวแรง แซวเบาต่างสไตล์กันไป นั้นคือบริบทที่ผมว่าทุกคนในงานก็เข้าใจและเคารพ (ไม่งั้นคงมีตบกันทุกปี) คือไม่ถือสา มันเรื่องjoke นักแสดงมารวมตัว มาสนุกกัน และมารับรางวัล คือมันเป็นส่วนหนึ่งของงานและ ไม่มีอะไรpersonal (ถ้าใครอยากรู้ว่างานรับรางวัลพวกนี้เขาเล่นแรงกันได้ถึงขนาดไหน ให้เริ่มไปดูจาก Ricky Gervais พิธีกรในงานgolden globes ปี 2016 ก็ได้ครับ) มุกของChris rockที่บางคนมองว่าก้าวล่วง ถ้าไปดูดีๆแล้ว เขาแค่แตะๆแล้วปล่อยผ่านครับ ไม่ได้ขยี้อะไร เอาจริงๆ ยังไม่จบงานคนก็ลืมกันหมดแล้วครับ เหมือนมุกอีกหลายมุกที่เคยถูกปล่อยบนเวที และถึงต่อให้มุกมันจะไม่ดีมากๆ ถามตัวคุณเองจริงๆเถอะครับ ว่าการเดินเข้าไปตบเขาเลย คือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะควรแล้วหรอ? นั้นคือสิ่งที่คนโตๆแล้วจะทําหรอครับ?
2. อีกประเด็นที่อยากจะเสริมเลย และเป็นประเด็นที่ผมกังวลสุดๆ คือบางคนแยกความรุนแรงทางกายกับความรุนแรงทางคําพูดไม่ออกครับ คือนึกว่าเป็นเรื่องเดี่ยวกัน ระดับความรุนแรงเท่ากัน "ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ" ความรุนแรงทางกายส่วนใหญ่เป็นobjective fact คือเกิดจริงๆ วัดได้เลย ไม่ต้องอาศัยการแปลมาก แต่ความรุนแรงทางคําพูดนี่คือแปลอะไรได้เยอะครับ(Subjective feeling) จากผู้ส่ง ถึงผู้รับ สารมันเปลี่ยนได้ ดอกไม้อาจกลายเป็นมีดแหลม การแซวแบบเพื่อนอาจจะกลายเป็นการด่า ฯลฯ ในแทบทุกกรณีต้องใช้บริบทมาช่วยมากๆ ในการจะเข้าใจว่าผู้ส่งจะสื่ออะไร ดังนั้นเราต้องให้โอกาศผู้ส่งในการเข้าใจผู้รับด้วยครับว่าแบบไหนโอเคไม่โอเค คือต้องมีการพูดคุย ไม่ใช่ไปทําร้ายเขา ผมว่านี้คงเป็นเหตุผล ที่ทําให้ผมประหลาดใจว่าทําไมคนบางกลุ่มซึ่งโตแล้วด้วยนะครับ บางคนมีผู้ติดตามเป็นพัน เป็นหมื่น ที่โพสแนว สะใจ ถูกใจ ละเลย ปิดตาจากการกระทํารุนแรง "ทางกาย" ที่โจ่งแจ้งนี้ เห็นมันเป็นเรื่องตลก รับได้ สมควร แต่กลับไปเห็นใจคนที่อาจถูกกระทําความรุนแรงทาง"คําพูด"แทน ว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เลย ทั้งที่มันควรจะเป็นตรงกันข้ามเพราะความรุนแรงมันคนละระดับกันเลย เน้นว่าความรุนแรง"ทางกาย" เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยครับ "ไม่ได้เลย" เพราะมันเป็นobjective fact. สุดท้ายในโลกนี้ไม่มีใครควรถูกทําร้ายหรอกครับ ไม่ว่าจะทางไหนก็ตามแต่เราไม่ควรไปสนับสนุนให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงทางกาย
3. เหตุการณ์นี้เป็นความunprofessionalสุดๆของ Will ที่ทําแบบนั้น และเป็นตัวอย่างที่อันตรายมาก เพราะเขารอดไปได้ ยังไม่มีใครต่อว่าหรือห้ามเขาในงานเลย แม้หลังจากนั้นก็ตาม คือการเดินขึ้นไปตบพิธีกรกลางเวทีรับรางวัลที่กําลังถ่ายทอดไปทั่วโลก นี่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อคนรุ่นหลังด้วย ไม่ว่าจะเป็นต่อนักแสดง หรือเด็กๆที่รับชม เพราะถ้าเอาตามนี้ใครพูดอะไรไม่ถูกหูก็แค่เดินไปตบเลย จบ เพราะขนาดถ่ายทอดสดระดับโลกยังทํากันได้ แล้วทําไมในบ้านหรือในชุมชนจะทําไม่ได้ละ ผมอยากให้ทุกท่านลองนึกถึงสังคมที่เป็นแบบนั้น คือใครไม่พอใจที่ใครพูดอะไร ก็แค่เดินไปทําร้ายอีกคนตามที่เราในเวลานั้นเห็นสมควรก็พอ แล้วแบบนี้บ้านเมืองจะมีศาลไว้ทําไมครับ? บ้านเมืองของเราจะมีหน้าตาเป็นแบบไหนหรอครับ? ถ้าเราตัดสินใจกันตามอารมณ์แบบนั้นแล้วมันถูก
self-controlคือหัวใจหลักของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และการทําอะไรที่ฝืนอารมณ์สัญชาตญานพื้นฐานตามธรรมชาติ เช่น อารมณ์ชั่ววูบ นั้นแหละครับคือหัวใจหลักของการเติบโตเป็นมนุษย์ อยากเตือนไว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
3. ผมขอชื่นชมChris rock ครับ คือself-controlของเขาสุดยอดและควรเอาอย่างในจุดนี้ คือเขาเข้าใจบริบทของพิธีกรอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นthe show must go on ต้องkeep moodสนุกไว้ อย่าให้moodในงานเสีย นั้นแหละครับคือความprofessionalที่ผมคาดหวังจากคนระดับHollywood และคิดว่าเขาก็คงได้รับบทเรียนราคาแพงในการดําเนินงานของเขาแล้ว และเป็นบทเรียนให้กับพิธีกรคนอื่นๆด้วย ต่อจากนี้คงจะระมัดระวังคําพูดมากขึ้น
.
ผมผิดหวังกับผู้จัดoscarครับ ผิดหวังกับWillนักแสดงที่ผมเคยชอบ และผิดหวังกับคนบางกลุ่มครับที่พยายามจะอ้างเหตุผลเพื่อสนับสนุนความรุนแรงที่ไม่จําเป็นนี้ และขอยําครับว่า ตราบใดเราที่ยังคงยึด"อารมณ์ระยะสั้น"ในการตัดสินใจ แทน "เหตุผลและหลักการระยะยาว" แล้วละก็ ไม่มีวันเจริญหรอกครับ ไม่ว่าจะชาติหรือคน
*ผมเคารพความเห็นที่แตกต่างนะครับ สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้
ใครที่ไม่เข้าใจประเด็น ผมได้พิมเคลียประเด็นหลักไว้ที่ความคิดเห็นที่ 21-1 และเคลียประเด็นรอบสุดท้ายที่ความคิดเห็นที่ 25 นะครับ