สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การติดโควิดที่สิงคโปร์ค่ะ
หนีโควิดจากไทยมาติดโควิดที่นี่
#ไอ้ต้าวโควิดตัวร้าย
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเรานั้นมาเป็นแรงงานที่สิงคโปร์ค่ะอยากลองมาเจออะไรใหม่ๆ ก็คือเจอเล๊ยยย ได้รู้เลย ที่จริงก็หายมาได้เดือนกว่าๆ แล้วแต่เราเพิ่งมีเวลามาเขียนแชร์เรื่องราวของเราเองค่ะ โดยเรานั้นฉีด AZ สองเข็มมาจากที่ไทย โดยเข็มสองนั้นฉีด 11 พย. เราต้องบินเข้าสิงคโปร์วันที่ 29 ธันวาคม ระยะยังฉีดบูสเตอร์จากไทยไม่ได้ ก็กะว่าจะมาบูสเตอร์ที่สิงคโปร์ แต่ดันดิดโควิดก่อนค่ะ
โดยวันที่เรารู้ว่าเราเป็นโควิดคือวันที่ 29 มกราคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 เดือนในการมาทำงานที่สิงคโปร์พอดีค่ะ โดยย้อนกลับไปวันที่เริ่มมีอาการเลยค่ะ โดยไม่รู้เหมือนกันว่ารับเชื้อมาจากที่ไหน เพราะช่วงสองสามวันก่อนเริ่มมีอาการก็ไปทำงาน ซื้อของใช้ปกติค่ะ ตอนที่เราเป็นเราเป็นคนไทยคนที่ 2 ของบริษัทที่เรามาทำงานนะคะที่ติดโควิด ตอนที่ติดมีพี่อีกคนกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนามของสิงคโปร์
วันที่ 27 มกราคม
เริ่มรู้สึกปวดหลัง ปวดตามตัว เอ่อ เราก็แบบทำงานหนักติดต่อกันหลายวันแน่ๆ เลยแค่รู้สึกปวดหลัง เลยไปซื้อยาแก้ปวดมากิน Panadol มันก็ดีขึ้น ก็ไม่ได้คิดอะไร พอ
วันที่ 28 มกราคม
ไปทำงานวันนี้ไปทำ OT เริ่มมีอาการไอบ้างค่ะ ทำงานไปได้ครึ่งวันรู้สึกไม่โอเค ไปห้องพยาบาลที่บริษัทขอยาพารามากิน ชีให้กินเลย 3 เม็ดก็กินไปเลยสิคะ พอช่วงบ่ายๆ เย็นๆ มันก็รู้สกดีขึ้นแต่ยังมีไอบ้าง พี่คนไทยที่ทำงานด้วยกันก็ทักนะ ว่าเราเป็นโควิดหรือเปล่า พี่เขาบอกพี่เขาเรื่มรู้สึกเจ็บคอ
เราก็คิดในใจ พี่ขาพี่จะติดจากหนูเร็วขนาดนั้นเลยหรอ เราก็หัวเราะแห้งๆ บอกไปว่า
"แค่ไข้หวัดแหละค่ะพี่ ไม่เป็นหรอกโควิด" กลับบ้านนั่งรถบัสบริษัทนั่งข้างๆ พี่ที่ทักเราด้วยนะ กลับก็เริ่มเลย ตัวเริ่มรุมๆ ก่อนกลับเข้าบ้านก็แวะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารที่ MRT แยกย้ายกลับพี่เขาและเราก็ไปซื้อยาลดไข้แก้ไอต่างๆ กลับห้องมาก็กินยานอนงีบเลย ตื่นมา 5 ทุ่มก็รู้สึกเออ ดีขึ้นนะ ไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนต่อค่ะ
วันที่ 29 มกราคม
พอเช้าวันที่ 29 รูมเมทตื่นไปทำงาน เรารู้สึกไม่ดี เลยตื่นมากินยา 1 เม็ดแล้วก็นอนต่อ จนช่วงสายๆ 10 โมงตื่น เพราะวันนี้มีนัดกับน้องคนไทยพี่คนไทย จะแบบฟีลไปมีตติ้งกินข้าวทำอาหารที่ห้องพี่เขา เราก็ตื่นเพราะมีคิวนัดเที่ยงๆ พี่คนไทยที่เราอยู่ด้วยกันเมื่อวานก็โทรมาถามว่าเราตรวจโควิดยังเป็นไหม เพราะวันต่อไปเราต้องเข้างานเลยต้องตรวจ ATK ส่งหัวหน้าว่าเราผลเป็นลบถึงจะไปทำงานได้
เราก็เลยตรวจ แหย่ๆ หมุนๆ หยดไปจ้า แถบแสดงผลมันขึ้นตัว T ก่อนเลยค่ะ เราก็ตาถลนสิคะ แล้วมันก็ไปที่ C ขึ้นสองขีดฉ่ำๆ เราก็คิดในใจเอาแล้ว ฉันนี่นะจะเป็นโควิด ตายแล้วเอาใหม่ค่ะ มันอาจจะขึ้นผิด แกะที่ตรวจอีกอัน เราใช้ยี่ห้อ Standard Q ตรวจค่ะ ทำเหมือนเดิม ลุ้นๆ เหมือนผลล็อตเตอรี่ที่ไทย ป๊าปขึ้นที่ T เหมือนเดิม กรี้ดในใจยอมรับแล้วว่าติดจริงๆ
ขีดแดงนั้นมันช่างเข้มถึงใจเหลือเกิน
เราเองรีบโทรไปแคลเซิลมีตติ้งมีตใจค่ะ ส่งผลให้หัวหน้า หัวหน้าบอกว่า HR ที่บริษัทโทรมาคุยบอกเสต็ปต่างๆ ให้เราต้องทำยังไง แล้วก็โทรไปบอกที่บ้านหนึ่งว่า ฟ้าไม่รอดแล้ว ฟ้าเกมแล้ว
HR ก็บอกให้เราไปหาตรวจ PCR ยืนยันผล เออ เราก็แบบเปิดประตูออกไป ชะเง้อหน้าออกไปดูว่ามีใครอยู่ในบ้านไหม ด้วยความวันเสาร์อ่ะ วันหยุดวันพักผ่อน ลูกๆ สองคนของเจ้าห้องห้องอยู่ กับแฟนคนเวียดนามอยู่ เราก็รีบผลุบกลับเข้าห้องกลัวเชื้อแพร่ใส่เขา เพื่อนของพี่สาวที่เป็นคนสิงคโปร์ก็ทักมาถามเราว่าเราติดโควิดหรอ แล้วอย่างนี้ช่วงที่กักตัว ใครจะส่งอาหาร ซื้ออาหารให้ เขาก็สั่งอาหารมาให้เรา ปลื้มใจมากค่ะ ที่มีคนเป็นห่วง ด้วยเวลาก็ล่วงเลยไปจะบ่ายแล้ว เราเลยรีบใส่แมส ออกไปจากห้องชะเง้อดูคนเวียดนามเลยตะโกนเรียกหนึ่ง
"ขอโทษนะคะ"
"ว่าไงสาว"
"ไอผลตรวจโควิดผลเป็นบวกอ่ะจ้า"
"วอท อะไรนะ พูดใหม่สิ"
"ฉันผลเป็นบวกค่า โควิดบวกๆ พลัสๆ ขออาบน้ำออกไปคลินิกไปตรวจโควิดได้บ่ สาว"
"โอ้ๆ เอาเลยๆ คุณรีบเลย" แล้วคนเวียดนามก็ให้ลูกเล็กเด็กแดงทั้งสองใส่แมสกันยกใหญ่
เราก็อาบน้ำแบบรีบยิ่ง เพราะด้วยวันเสาร์คลินิกที่สิงคโปร์ชอบปิดไว เราก็แต่งตัวออกจากห้อง อาหารของเพื่อนพี่สาว หนุ่มฟูดแพนด้าเอามาส่งแล้ว เราก็หยิบเข้าไปไว้ในห้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แนบรูปอาหารที่หามาจากอินเตอร์เน็ตนะคะ
เราไม่ได้ถ่ายหน้าตาเก็บไว้แต่อร่อยมาก เป็นซีฟู๊ด
ด้วยความรีบยังไมได้กิน รีบออกไปคลินิกก่อน ก็ได้ยินเมียเวียดนามเขาคุยมือถือ เป็นภาษาจีน รู้เลยน่าจะโทรไปบอกสามีเค้าค่ะ
เราออกจากห้องปุ๊ปจะเดินไปคลินิกที่ยังเปิด และรับตรวจ PCR เบอร์เจ้าของห้องก็โทรมา
ตัวอย่างบทสนทนาสั้นๆ ที่จริงมันเยอะและเค้าโทรมาย้ำหลายรอบมาก
"ยูเป็นโควิดหรอ"
"ใช่ค่า ฉันกำลังออกไปหาคลินิกตรวจ"
"อั๊ยหยาาาา ยูห้ามกลับเข้าบ้านฉันเลยนะ"
เราก็แบบร้องหาาาาาาในใจดังมาก
"ยูติดต่อบริษัทคุณเลย ให้เขาหาโรงแรมหรือที่ใดๆ ในการกักตัวช่วงคุณป่วยได้ไหม ห้ามกักตัวที่บ้านฉันนะ บ้านฉันคนเยอะ" โน่นนี่สารพัด 108 ก็คือจะให้เราออกไปนอนที่อื่นค่ะ
เราก็รีบบอก HR เลยค่ะ นางบอกว่าเราเป็นโควิดฉันไม่สามารถหาที่ให้คุณได้จริง แล้วนางก็ส่งเบอร์ Hot line ของกระทรวงสาธาณสุขให้เราไปติดต่อเอง แบบอื้อหือ สุดๆ มาก โอเค ฉันช่วยตัวเองก็ได้ค่า
เราก็ไปคลินิก แบบเอ้อคนก็เยอะ ทำไงดี เลยเอามือปิดแมสเข้าไปถามพนักงานในนั้นว่าที่นี่ตรวจได้ไหม นางบอกได้ แต่คุณไปรอข้างนอกก่อน เราก็ออกไปรอระหว่างรอก็โทรคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่นี่ แบบตอนนั้น ความรู้สึกดาวน์มาก เป็นคนต่างชาติ มาเจอโควิดแล้วยังเจอเจ้าของให้ไปหาที่อื่นอยู่ช่วงติดโควิด น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาเลย แบบเจ้าหน้าที่ก็บอก
"คุณอย่าร้องค่า ไม่ต้องกลัวเราช่วยคุณแน่ๆ เทคแคร์น้า อย่าร้องเลยค่ะ" เราก็หยุดต้องตั้งสติ คุยโน่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็วางสายจนบ่ายสองครึ่ง ถึงเวลาปิดคลินิกช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่คลินิกก็ออกมา ถามอาการเราเบื้องต้นว่าเราเป็นอย่างไร เราก็บอกเล่าไปตามอาการที่เกิดขึ้น
แล้วนางก็เฉลยว่า...
"คลินิกตอนนี้ปิดแล้วนะคะ คุณหมอไม่อยู่ คุณไปคลินิกที่ตึกข้างหน้าแทนได้ไหม"
เราก็ได้แต่โอเคในใจ อยากทุบมาก ทำไมปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน เราก็เดินไปคลินิกข้างหน้า เอ้อคนก็เยอะอีกแล้ว เลยโทรเข้าคลินิกเพื่อจะถาม แต่ชีตัดสาย แล้วก็เห็นมีพ่อแม่ลูกพาเด็กน้อยมาตรวจพอดี เพราะเห็นที่ตรวจข้างนอก เราเลยเดินเข้าไปแบบมั่นๆ ถามว่ารับตรวจอยู่ไหม ชีก็บอก "อ่อ ตอนนี้ ปิดแล้วค่ะ" นางก็ถามเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาว่าจะรับอีกไหม นางก็บอกไม่รับแล้ว เราก็แบบเอ้าในเว็บแจ้งว่าปิดห้าโมงเย็น
คลินิกที่เรามาตรวจอีกที่ แต่ในรูปถ่ายไว้วันอื่น เหมือนเป็นคลินิกทำฟัน แต่ตรวจโควิดได้ด้วย
เราก็เลยต่อสายคุยกับ HR นางก็ส่งชื่อโรงพยาบาล Khoo Teak Paut มาให้ นางบอกให้นั่ง Taxi ไปเลยน้า ไม่เป็นไรหรอกยู เลยตัดสินใจไปไปหาแท็กซี่เลยค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าของบ้านก็โทรมาถามต่างๆ อีก แบบเวิ้นมาก เข้าใจแหละค่ะ ว่าเป็นห่วงคนในบ้านด้วย เป็นห่วงเราด้วย เราเลยถามฉันกลับไปเอาพาวเวอร์แบงก์ได้ไหม แบตฉันจะหมด นางก็เซย์โนไม่ให้เรากลับ เราเลยไปหาแท็กซี่ไปเลย
แต่จะหาแท็กซี่ไปได้ก็ลำบากค่ะ คนก็ต่อคิวเรียกแท็กซี่กันพรึ่บ เราเลยแบบเดินจาก Sembawang MRT ไป Canberra MRT ไม่ได้หยิบบัตร ezylink มาด้วย คิดว่าไปตรงนั้นรถแท็กซี่จะเยอะ ปรากฏไม่เลย หายากมากเหมือนกัน ในที่สุดก็เจอหนึ่งคันที่ป้ายเขียนไป Yisun เลยโบกหนึ่งแล้วไปโรงพยาบาลเลยก็โดนค่ารถไป 5.90 ดอล ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาเลยเพราะต้องเซฟแบตอันน้อยนิดไว้ และเกือบห้าโมงเย็นก็มาถึงโรงพยาบาล
ลงจากรถก็งงว่าต้องไปทางไหน เลยไปถาม เจ้าหน้าที่ข้างหน้าที่ลงรถเลย "ฉันอยากไปตรวจ PCR ฉันต้องไปทางไหนคะ" เขาก็บอกให้ไปทางขวาเดินตรงไปแล้วจะเจอ เราก็เดินไปแล้วเห็นตู้ ART ข้างหน้า รู้ล่ะว่าไม่ใช่เลยเดินกลับไป สงสัยฟังไม่ออก ไม่ค่อยเป๊ะภาษาอังกฤษมากค่ะ เลยพิมพ์กูเกิล เขาก็ให้บอกเราไปด้านซ้าย เราก็เดินไปด้านหน้า Emergency เห็นป้ายบอกค่าตรวจ 128$ ก็คิดในใจว่าจุกมาก
ด้านหน้าทางเข้าที่เรามาตรวจค่ะ
ลักษณะเป็นเต๊นท์ต่อออกมาจากตัวอาคารโรงพยาบาลอีกที
แต่ท่องไว้ถ้าจ่ายก็ไปเคลมกับบริษัทได้ เลยบอกประวัติโน่นนี่ยื่น Passport ต่างๆ ให้ แต่ไม่เก็บเงินค่ะ คิดว่าอาจจะเก็บทีหลังก็ได้ (แล้วก็เก็บทีหลังจริงๆ ค่ะ ส่ง SMS มาหลังจากผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน555) แล้วเจ้าหน้าที่ก็เดินพาเราไปข้างใน ในส่วนของที่ตรวจโควิด ก็เจอคนสิงคโปร์ ที่นั่งอยู่กันพรึ่บ ก็คือคนที่ติดทั้งหมด ก็ไม่ได้มีเราคนเดียวค่ะ
เข้าไปนั่งก็มีเจ้าหน้าที่มาถามเรื่องการทานยาต่างๆ ว่าเรากินอะไรมาก่อนไหม อาการที่เกิด ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็น ทำไมถึงมาโรงพยาบาลต่างๆ เราก็ให้ข้อมูลไปก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจวัดความดัน อาการเราไม่หนักมากเลยไม่ต้องเอ็กซ์เรย์ปอด ก็ไปตรวจ RT-PCR แหย่ทั้งจมูกและคอ และผลก็ยืนยันออกมาว่าเป็นบวก เตรียมตัวส่งไปอยู่ที่กักตัว แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าที่ไหน เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งเลย เพราะเราแจ้งไปว่าเจ้าของห้องไม่ให้เรากักตัวที่บ้าน ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ
ระหว่างนั่งรอก็เห็นคนเข้าๆ ออกๆ มาเยอะมากที่ติดทั้งหมด และในที่สุดแบตเราก็ไปค่ะ เราก็ถามว่าฉันกลับไปเอาที่ชาร์ชได้ไหม เขาก็บอกไม่ได้แล้ว "ยูก็คิดว่าปล่อยให้โทรศัพท์คุณได้พักผ่อนน้าาา ลาก่อน"
เราก็คิดในใจตายแล้ว ถ้าต้องกักตัว 14 วันจะทำไง ละครก็อยากดูหลายเรื่อง F4 ก็กำลังสนุก ทำไงดี สองทุ่มกว่าแล้ว ตาดีเห็นผู้หญิงที่ติดโควิดฝั่งตรงข้ามมีพาวเวอร์แบงก์ เลยดุ่มๆ เข้าไปขอยืมค่ะ เขาก็ใจดีให้ยืม พอเครื่องเปิดแล้วเห็นสายโทรมาจากเจ้าของห้องที่ไม่ได้รับเกือบห้าสาย ก็บอกไปแล้ว่าแบตจะหมด ก็ไม่ให้ฉันกลับบ้านไปเอาพาวเวอร์แบงค์เองอ่ะ ตอนนั้นคือแคปรูปส่งให้ด้วยนะ
ติดโควิดวอยซ์ที่ส่งมาอ่ะ คือส่งมาพูดเรื่องค่าเช่าห้อง โอ้ยตาย
คือคิดในใจไง มันใช่เวลามาทวงค่าห้องตอนนี้ไหมน้อ
ถ้าการใช้ภาษาไม่ถูกต้องอย่าว่าเราเลยนะคะ ก็ใช้กูเกิลช่วยบ้าง พิมพ์เองบ้างค่ะ
*เดี๋ยวมาเล่าต่อ PART 2 นะคะ ตัวอักษรจะเต็มแล้วหนึ่ง
ซีซันนี้ไปไม่รอด ติดโควิดที่สิงคโปร์
โดยวันที่เรารู้ว่าเราเป็นโควิดคือวันที่ 29 มกราคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 เดือนในการมาทำงานที่สิงคโปร์พอดีค่ะ โดยย้อนกลับไปวันที่เริ่มมีอาการเลยค่ะ โดยไม่รู้เหมือนกันว่ารับเชื้อมาจากที่ไหน เพราะช่วงสองสามวันก่อนเริ่มมีอาการก็ไปทำงาน ซื้อของใช้ปกติค่ะ ตอนที่เราเป็นเราเป็นคนไทยคนที่ 2 ของบริษัทที่เรามาทำงานนะคะที่ติดโควิด ตอนที่ติดมีพี่อีกคนกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนามของสิงคโปร์
วันที่ 27 มกราคม
เริ่มรู้สึกปวดหลัง ปวดตามตัว เอ่อ เราก็แบบทำงานหนักติดต่อกันหลายวันแน่ๆ เลยแค่รู้สึกปวดหลัง เลยไปซื้อยาแก้ปวดมากิน Panadol มันก็ดีขึ้น ก็ไม่ได้คิดอะไร พอ
วันที่ 28 มกราคม
ไปทำงานวันนี้ไปทำ OT เริ่มมีอาการไอบ้างค่ะ ทำงานไปได้ครึ่งวันรู้สึกไม่โอเค ไปห้องพยาบาลที่บริษัทขอยาพารามากิน ชีให้กินเลย 3 เม็ดก็กินไปเลยสิคะ พอช่วงบ่ายๆ เย็นๆ มันก็รู้สกดีขึ้นแต่ยังมีไอบ้าง พี่คนไทยที่ทำงานด้วยกันก็ทักนะ ว่าเราเป็นโควิดหรือเปล่า พี่เขาบอกพี่เขาเรื่มรู้สึกเจ็บคอ
เราก็คิดในใจ พี่ขาพี่จะติดจากหนูเร็วขนาดนั้นเลยหรอ เราก็หัวเราะแห้งๆ บอกไปว่า "แค่ไข้หวัดแหละค่ะพี่ ไม่เป็นหรอกโควิด" กลับบ้านนั่งรถบัสบริษัทนั่งข้างๆ พี่ที่ทักเราด้วยนะ กลับก็เริ่มเลย ตัวเริ่มรุมๆ ก่อนกลับเข้าบ้านก็แวะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารที่ MRT แยกย้ายกลับพี่เขาและเราก็ไปซื้อยาลดไข้แก้ไอต่างๆ กลับห้องมาก็กินยานอนงีบเลย ตื่นมา 5 ทุ่มก็รู้สึกเออ ดีขึ้นนะ ไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนต่อค่ะ
วันที่ 29 มกราคม
พอเช้าวันที่ 29 รูมเมทตื่นไปทำงาน เรารู้สึกไม่ดี เลยตื่นมากินยา 1 เม็ดแล้วก็นอนต่อ จนช่วงสายๆ 10 โมงตื่น เพราะวันนี้มีนัดกับน้องคนไทยพี่คนไทย จะแบบฟีลไปมีตติ้งกินข้าวทำอาหารที่ห้องพี่เขา เราก็ตื่นเพราะมีคิวนัดเที่ยงๆ พี่คนไทยที่เราอยู่ด้วยกันเมื่อวานก็โทรมาถามว่าเราตรวจโควิดยังเป็นไหม เพราะวันต่อไปเราต้องเข้างานเลยต้องตรวจ ATK ส่งหัวหน้าว่าเราผลเป็นลบถึงจะไปทำงานได้
เราก็เลยตรวจ แหย่ๆ หมุนๆ หยดไปจ้า แถบแสดงผลมันขึ้นตัว T ก่อนเลยค่ะ เราก็ตาถลนสิคะ แล้วมันก็ไปที่ C ขึ้นสองขีดฉ่ำๆ เราก็คิดในใจเอาแล้ว ฉันนี่นะจะเป็นโควิด ตายแล้วเอาใหม่ค่ะ มันอาจจะขึ้นผิด แกะที่ตรวจอีกอัน เราใช้ยี่ห้อ Standard Q ตรวจค่ะ ทำเหมือนเดิม ลุ้นๆ เหมือนผลล็อตเตอรี่ที่ไทย ป๊าปขึ้นที่ T เหมือนเดิม กรี้ดในใจยอมรับแล้วว่าติดจริงๆ
HR ก็บอกให้เราไปหาตรวจ PCR ยืนยันผล เออ เราก็แบบเปิดประตูออกไป ชะเง้อหน้าออกไปดูว่ามีใครอยู่ในบ้านไหม ด้วยความวันเสาร์อ่ะ วันหยุดวันพักผ่อน ลูกๆ สองคนของเจ้าห้องห้องอยู่ กับแฟนคนเวียดนามอยู่ เราก็รีบผลุบกลับเข้าห้องกลัวเชื้อแพร่ใส่เขา เพื่อนของพี่สาวที่เป็นคนสิงคโปร์ก็ทักมาถามเราว่าเราติดโควิดหรอ แล้วอย่างนี้ช่วงที่กักตัว ใครจะส่งอาหาร ซื้ออาหารให้ เขาก็สั่งอาหารมาให้เรา ปลื้มใจมากค่ะ ที่มีคนเป็นห่วง ด้วยเวลาก็ล่วงเลยไปจะบ่ายแล้ว เราเลยรีบใส่แมส ออกไปจากห้องชะเง้อดูคนเวียดนามเลยตะโกนเรียกหนึ่ง
"ขอโทษนะคะ"
"ว่าไงสาว"
"ไอผลตรวจโควิดผลเป็นบวกอ่ะจ้า"
"วอท อะไรนะ พูดใหม่สิ"
"ฉันผลเป็นบวกค่า โควิดบวกๆ พลัสๆ ขออาบน้ำออกไปคลินิกไปตรวจโควิดได้บ่ สาว"
"โอ้ๆ เอาเลยๆ คุณรีบเลย" แล้วคนเวียดนามก็ให้ลูกเล็กเด็กแดงทั้งสองใส่แมสกันยกใหญ่
เราก็อาบน้ำแบบรีบยิ่ง เพราะด้วยวันเสาร์คลินิกที่สิงคโปร์ชอบปิดไว เราก็แต่งตัวออกจากห้อง อาหารของเพื่อนพี่สาว หนุ่มฟูดแพนด้าเอามาส่งแล้ว เราก็หยิบเข้าไปไว้ในห้อง
เราออกจากห้องปุ๊ปจะเดินไปคลินิกที่ยังเปิด และรับตรวจ PCR เบอร์เจ้าของห้องก็โทรมา
ตัวอย่างบทสนทนาสั้นๆ ที่จริงมันเยอะและเค้าโทรมาย้ำหลายรอบมาก
"ยูเป็นโควิดหรอ"
"ใช่ค่า ฉันกำลังออกไปหาคลินิกตรวจ"
"อั๊ยหยาาาา ยูห้ามกลับเข้าบ้านฉันเลยนะ"
เราก็แบบร้องหาาาาาาในใจดังมาก
"ยูติดต่อบริษัทคุณเลย ให้เขาหาโรงแรมหรือที่ใดๆ ในการกักตัวช่วงคุณป่วยได้ไหม ห้ามกักตัวที่บ้านฉันนะ บ้านฉันคนเยอะ" โน่นนี่สารพัด 108 ก็คือจะให้เราออกไปนอนที่อื่นค่ะ
เราก็รีบบอก HR เลยค่ะ นางบอกว่าเราเป็นโควิดฉันไม่สามารถหาที่ให้คุณได้จริง แล้วนางก็ส่งเบอร์ Hot line ของกระทรวงสาธาณสุขให้เราไปติดต่อเอง แบบอื้อหือ สุดๆ มาก โอเค ฉันช่วยตัวเองก็ได้ค่า
เราก็ไปคลินิก แบบเอ้อคนก็เยอะ ทำไงดี เลยเอามือปิดแมสเข้าไปถามพนักงานในนั้นว่าที่นี่ตรวจได้ไหม นางบอกได้ แต่คุณไปรอข้างนอกก่อน เราก็ออกไปรอระหว่างรอก็โทรคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่นี่ แบบตอนนั้น ความรู้สึกดาวน์มาก เป็นคนต่างชาติ มาเจอโควิดแล้วยังเจอเจ้าของให้ไปหาที่อื่นอยู่ช่วงติดโควิด น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาเลย แบบเจ้าหน้าที่ก็บอก
"คุณอย่าร้องค่า ไม่ต้องกลัวเราช่วยคุณแน่ๆ เทคแคร์น้า อย่าร้องเลยค่ะ" เราก็หยุดต้องตั้งสติ คุยโน่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็วางสายจนบ่ายสองครึ่ง ถึงเวลาปิดคลินิกช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่คลินิกก็ออกมา ถามอาการเราเบื้องต้นว่าเราเป็นอย่างไร เราก็บอกเล่าไปตามอาการที่เกิดขึ้น
แล้วนางก็เฉลยว่า... "คลินิกตอนนี้ปิดแล้วนะคะ คุณหมอไม่อยู่ คุณไปคลินิกที่ตึกข้างหน้าแทนได้ไหม"
เราก็ได้แต่โอเคในใจ อยากทุบมาก ทำไมปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน เราก็เดินไปคลินิกข้างหน้า เอ้อคนก็เยอะอีกแล้ว เลยโทรเข้าคลินิกเพื่อจะถาม แต่ชีตัดสาย แล้วก็เห็นมีพ่อแม่ลูกพาเด็กน้อยมาตรวจพอดี เพราะเห็นที่ตรวจข้างนอก เราเลยเดินเข้าไปแบบมั่นๆ ถามว่ารับตรวจอยู่ไหม ชีก็บอก "อ่อ ตอนนี้ ปิดแล้วค่ะ" นางก็ถามเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาว่าจะรับอีกไหม นางก็บอกไม่รับแล้ว เราก็แบบเอ้าในเว็บแจ้งว่าปิดห้าโมงเย็น
แต่จะหาแท็กซี่ไปได้ก็ลำบากค่ะ คนก็ต่อคิวเรียกแท็กซี่กันพรึ่บ เราเลยแบบเดินจาก Sembawang MRT ไป Canberra MRT ไม่ได้หยิบบัตร ezylink มาด้วย คิดว่าไปตรงนั้นรถแท็กซี่จะเยอะ ปรากฏไม่เลย หายากมากเหมือนกัน ในที่สุดก็เจอหนึ่งคันที่ป้ายเขียนไป Yisun เลยโบกหนึ่งแล้วไปโรงพยาบาลเลยก็โดนค่ารถไป 5.90 ดอล ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาเลยเพราะต้องเซฟแบตอันน้อยนิดไว้ และเกือบห้าโมงเย็นก็มาถึงโรงพยาบาล
ลงจากรถก็งงว่าต้องไปทางไหน เลยไปถาม เจ้าหน้าที่ข้างหน้าที่ลงรถเลย "ฉันอยากไปตรวจ PCR ฉันต้องไปทางไหนคะ" เขาก็บอกให้ไปทางขวาเดินตรงไปแล้วจะเจอ เราก็เดินไปแล้วเห็นตู้ ART ข้างหน้า รู้ล่ะว่าไม่ใช่เลยเดินกลับไป สงสัยฟังไม่ออก ไม่ค่อยเป๊ะภาษาอังกฤษมากค่ะ เลยพิมพ์กูเกิล เขาก็ให้บอกเราไปด้านซ้าย เราก็เดินไปด้านหน้า Emergency เห็นป้ายบอกค่าตรวจ 128$ ก็คิดในใจว่าจุกมาก
เข้าไปนั่งก็มีเจ้าหน้าที่มาถามเรื่องการทานยาต่างๆ ว่าเรากินอะไรมาก่อนไหม อาการที่เกิด ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็น ทำไมถึงมาโรงพยาบาลต่างๆ เราก็ให้ข้อมูลไปก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจวัดความดัน อาการเราไม่หนักมากเลยไม่ต้องเอ็กซ์เรย์ปอด ก็ไปตรวจ RT-PCR แหย่ทั้งจมูกและคอ และผลก็ยืนยันออกมาว่าเป็นบวก เตรียมตัวส่งไปอยู่ที่กักตัว แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าที่ไหน เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งเลย เพราะเราแจ้งไปว่าเจ้าของห้องไม่ให้เรากักตัวที่บ้าน ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ
ระหว่างนั่งรอก็เห็นคนเข้าๆ ออกๆ มาเยอะมากที่ติดทั้งหมด และในที่สุดแบตเราก็ไปค่ะ เราก็ถามว่าฉันกลับไปเอาที่ชาร์ชได้ไหม เขาก็บอกไม่ได้แล้ว "ยูก็คิดว่าปล่อยให้โทรศัพท์คุณได้พักผ่อนน้าาา ลาก่อน"
เราก็คิดในใจตายแล้ว ถ้าต้องกักตัว 14 วันจะทำไง ละครก็อยากดูหลายเรื่อง F4 ก็กำลังสนุก ทำไงดี สองทุ่มกว่าแล้ว ตาดีเห็นผู้หญิงที่ติดโควิดฝั่งตรงข้ามมีพาวเวอร์แบงก์ เลยดุ่มๆ เข้าไปขอยืมค่ะ เขาก็ใจดีให้ยืม พอเครื่องเปิดแล้วเห็นสายโทรมาจากเจ้าของห้องที่ไม่ได้รับเกือบห้าสาย ก็บอกไปแล้ว่าแบตจะหมด ก็ไม่ให้ฉันกลับบ้านไปเอาพาวเวอร์แบงค์เองอ่ะ ตอนนั้นคือแคปรูปส่งให้ด้วยนะ
*เดี๋ยวมาเล่าต่อ PART 2 นะคะ ตัวอักษรจะเต็มแล้วหนึ่ง