คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
สธ.ออกแนวทางเวชปฏิบัติระบุเงื่อนไขการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์แก่คนไข้โควิดอาการน้อย
ประกอบด้วย 4 ข้อ คือ
1) อายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ร่วมกับ
2) มีปัจจัยเสี่ยงอันใดอันหนึ่ง อีก 1 ข้อ ได้แก่
-โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ
-โรคไตเรื้อรัง ระยะ 3 ขึ้นไป
-โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด
-โรคหลอดเลือดสมอง
-เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
-ภาวะอ้วน
-ตับแข็ง
-ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
-ผู้ติดเชื้อ HIV
3) ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือได้รับวัคซีนน้อยกว่า 2 เข็ม
4) ต้องไม่เป็นผู้ป่วยในกลุ่ม สตรีตั้งครรภ์ & สตรีให้นมบุตร เป็นโรคไต มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ หรือ เกล็ดเลือดต่ำ
อ่านข่าว: http://www.realnewsthailand.net/article/20879/
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/1149196585913070
แนวปฏิบัติสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง โรคโควิด 19
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/332438362251841
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 127,383,667 โดส และทั่วโลกแล้ว 11,112 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 1,019.4 ล้านโดส
(21 มีนาคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 11,112 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 19.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 558 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 217 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 1,019.4 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (95% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 365.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 127,383,667 โดส
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 11,112 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 127,383,667 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 54,881,239โดส (82.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 50,116,759 โดส (75.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 22,325,669 โดส (33.8% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 21 มี.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 127,383,667 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 93,021 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 175,025 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,913,484 โดส
- เข็มที่ 2 3,601,264 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,954,208 โดส
- เข็มที่ 2 28,524,542 โดส
- เข็มที่ 3 5,290,706 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,557,956 โดส
- เข็มที่ 2 7,250,655 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 9,688,705 โดส
- เข็มที่ 2 9,857,238 โดส
- เข็มที่ 3 13,588,369 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 766,886 โดส
- เข็มที่ 2 883,060 โดส
- เข็มที่ 3 3,506,594 โดส
4) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 1,019,433,401 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 365,613,760 โดส (70.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 201,660,445 โดส (81.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 145,729,130 โดส (63%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 127,383,667 โดส (82.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 68,484,635 โดส (84%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 48,265,243โดส (46.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 37,589,551 โดส (87.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,721,340 โดส (93%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 9,923,785 โดส (74.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 1,061,845 โดส (95%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
5) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.7%
2. ยุโรป 9.98%
3. อเมริกาเหนือ 8.51%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.2%
5. แอฟริกา 3.98%
6. โอเชียเนีย 0.63%
6) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,222,87 ล้านโดส (227.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,811.18 ล้านโดส (131.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 558.41 ล้านโดส (166.6%)
4. บราซิล จำนวน 407.27ล้านโดส (192.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 365.61ล้านโดส (132.5%)
7) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (310.8%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (262.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (257.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. กาตาร์ (243.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
5. มัลดีฟส์ (241.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. บรูไน (240.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
7. ฝรั่งเศส (236.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna, J&J และ AstraZeneca/Oxford)
8. เกาหลีใต้ (235.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
9. ภูฏาน (233.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm Pfizer/BioNTech AstraZeneca/Oxford และ Sputnik V)
10. สิงคโปร์ (233.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/281172674204172
สธ.ออกแนวทางเวชปฏิบัติระบุเงื่อนไขการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์แก่คนไข้โควิดอาการน้อย
ประกอบด้วย 4 ข้อ คือ
1) อายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ร่วมกับ
2) มีปัจจัยเสี่ยงอันใดอันหนึ่ง อีก 1 ข้อ ได้แก่
-โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ
-โรคไตเรื้อรัง ระยะ 3 ขึ้นไป
-โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด
-โรคหลอดเลือดสมอง
-เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
-ภาวะอ้วน
-ตับแข็ง
-ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
-ผู้ติดเชื้อ HIV
3) ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือได้รับวัคซีนน้อยกว่า 2 เข็ม
4) ต้องไม่เป็นผู้ป่วยในกลุ่ม สตรีตั้งครรภ์ & สตรีให้นมบุตร เป็นโรคไต มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ หรือ เกล็ดเลือดต่ำ
อ่านข่าว: http://www.realnewsthailand.net/article/20879/
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/1149196585913070
แนวปฏิบัติสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง โรคโควิด 19
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/332438362251841
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 127,383,667 โดส และทั่วโลกแล้ว 11,112 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 1,019.4 ล้านโดส
(21 มีนาคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 11,112 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 19.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 558 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 217 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 1,019.4 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (95% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 365.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 127,383,667 โดส
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 11,112 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 127,383,667 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 54,881,239โดส (82.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 50,116,759 โดส (75.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 22,325,669 โดส (33.8% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 21 มี.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 127,383,667 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 93,021 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 175,025 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,913,484 โดส
- เข็มที่ 2 3,601,264 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,954,208 โดส
- เข็มที่ 2 28,524,542 โดส
- เข็มที่ 3 5,290,706 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,557,956 โดส
- เข็มที่ 2 7,250,655 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 9,688,705 โดส
- เข็มที่ 2 9,857,238 โดส
- เข็มที่ 3 13,588,369 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 766,886 โดส
- เข็มที่ 2 883,060 โดส
- เข็มที่ 3 3,506,594 โดส
4) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 1,019,433,401 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 365,613,760 โดส (70.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 201,660,445 โดส (81.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 145,729,130 โดส (63%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 127,383,667 โดส (82.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 68,484,635 โดส (84%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 48,265,243โดส (46.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 37,589,551 โดส (87.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,721,340 โดส (93%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 9,923,785 โดส (74.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 1,061,845 โดส (95%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
5) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.7%
2. ยุโรป 9.98%
3. อเมริกาเหนือ 8.51%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.2%
5. แอฟริกา 3.98%
6. โอเชียเนีย 0.63%
6) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,222,87 ล้านโดส (227.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,811.18 ล้านโดส (131.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 558.41 ล้านโดส (166.6%)
4. บราซิล จำนวน 407.27ล้านโดส (192.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 365.61ล้านโดส (132.5%)
7) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (310.8%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (262.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (257.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. กาตาร์ (243.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
5. มัลดีฟส์ (241.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. บรูไน (240.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
7. ฝรั่งเศส (236.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna, J&J และ AstraZeneca/Oxford)
8. เกาหลีใต้ (235.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
9. ภูฏาน (233.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm Pfizer/BioNTech AstraZeneca/Oxford และ Sputnik V)
10. สิงคโปร์ (233.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/281172674204172
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน💗22มี.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย21,382คน หาย24,824คน ตาย83คน/3ปัจจัยเกาหลีใต้ติดเชื้อพุ่ง/สธ.ปรับสูตรฉีดวัคซีน
https://siamrath.co.th/n/333232
https://www.thairath.co.th/news/politic/2347767
https://www.naewna.com/local/638606
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2347160
https://www.sanook.com/news/8535494/
..ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
.....🤟💕