ครั้งแรก! รัสเซียโวใช้ ‘ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก’ ยิงทำลายคลังแสงในยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศนำขีปนาวุธ “คินซาล” (Khinzhal) ซึ่งเป็นระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นล่าสุดออกมาใช้เป็นครั้งแรกในสงครามยูเครนเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) โดยส่งไปทำลายคลังแสงแห่งหนึ่งในเมืองทางภาคตะวันตกของยูเครน
“ระบบขีปนาวุธคินซาลซึ่งเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวแบบไฮเปอร์โซนิก ได้ทำลายคลังอาวุธใต้ดินขนาดใหญ่ซึ่งใช้เก็บขีปนาวุธและกระสุนอากาศยาน ที่หมู่บ้านเดเลียทีน (Deliatyn) ในภูมิภาคอิวาโน-ฟรังคีฟส์ (Ivano-Frankivsk)” กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันนี้ (19 มี.ค.)
สำนักข่าว RIA Novosti ของทางการรัสเซียยืนยันว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกคินซาลถูกนำออกมาใช้งานจริง ระหว่าง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของรัสเซียในยูเครน
ด้านสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์รายงานว่า กองทัพรัสเซียยังสามารถทำลายศูนย์วิทยุสื่อสารและหน่วยสอดแนมของกองทัพยูเครนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองท่าโอเดสซา (Odessa) โดยใช้ระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่ง
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เคยกล่าวยกย่องขีปนาวุธคินซาลซึ่งแปลว่า “มีดสั้น” (dagger) ว่าเป็น “อาวุธในอุดมคติ” ที่สามารถเดินทางได้เร็วกว่าเสียงถึง 10 เท่า และยังสามารถหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ทุกชนิด
สำหรับหมู่บ้านเดเลียทีนนั้นตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคาร์เพเทียนในภูมิภาคอิวาโน-ฟรังคีฟส์ ซึ่งมีพรมแดนยาว 50 กิโลเมตรติดกับ “โรมาเนีย” ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกนาโต
ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์
https://mgronline.com/around/detail/9650000027054
เปิดใจอาสาสมัครต่างชาติที่เทยูเครนหลังถูกรัสเซียถล่มฐานฝึก
วันที่ 19 มี.ค. 2565 เวลา 14:20 น.
อาสาสมัครชาวอังกฤษรายหนึ่งเผ่นกลับบ้านหลังเหยียบยูเครนแค่ 9 ชั่วโมง
อาสาสมัครชาวต่างชาติที่เดินทางไปรบกับกองทัพรัสเซียหลายคนพากันหนีออกจากยูเครนหลังรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อม เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเจอความเป็นจริงอันโหดร้ายของการทำสงครามกับกองทัพที่ทันสมัยของรัสเซีย
หลังจากประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศรับสมัครอาสาสมัครต่างชาติมาช่วยรบกับรัสเซียก็มีช่าวต่างชาติจากกว่า 50 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดาขันอาสากว่า 16,000 คน
ทว่าเมื่อวันที่ 13 มี.ค. รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อมของอาสาสมัครเหล่านี้ในเมืองยาโวริฟใกล้กับชายแดนโปแลนด์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 35 รายส่วนใหญ่เป็นชาวยูเครน และบาดเจ็บอีก 134 รายตามตัวเลขของทางการยูเครน แต่รัสเซียอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้
เหตุการณ์นี้ทำให้อาสาสมัครต่างชาติหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องการจัดการที่ไม่ค่อยดี การขาดแคลนอาวุธและการฝึกซ้อม และการเซ็นสัญญาที่ไม่กำหนดเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจนเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว เริ่มเปลี่ยนใจกลับบ้านกันมากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ เจสเปอร์ โซเดอร์ (Jesper Söder) ชาวสวีเดนที่เล่าถึงการโจมตีเมื่อวันที่ 13 กับสำนักข่าว AP ว่า “นรกชัดๆ ทั้งเสียงยิง เสียงตะโกน ความหวาดกลัว ไหนจะระเบิดกับขีปนาวุธอีก”
หลังถูกโจมตีโซเดอร์และกลุ่มอาสาสมัครต่างชาติรวมทั้งชาวสแกนดิเนเวีย อังกฤษ และอเมริกันออกจากฐานฝึกซ้อมกลับไปยังชายแดนโปแลนด์
ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันที่ใช้ชื่อว่า ฮิว (Hieu) ที่รอดชีวิตจากการถูกรัสเซียโจมตีเผยกับ Task & Purpose ว่า “ผมรอดเพราะขีปนาวุธตกใส่โครงสร้างที่แข็งแรงแทนที่จะเป็นเต็นท์ที่ผมอยู่ ยูเครนเสนอจะพาคนที่ไม่ต้องการรบแล้วหลังถูกขีปนาวุธถล่มกลับไปยังชายแดน”
ฮิวซึ่งเป็นอดีตพลรถถัง M1 Abrams ที่เคยไปรบที่อัฟกานิสถานเมื่อปี 2012 เล่าว่า อาสาสมัครที่อยู่ในเต็นท์เดียวกับเขา 23 คน มีเพียง 7 คนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ
ส่วนในชุมชนออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Reddit ผู้ใช้คนหนึ่งซึ่งลบบัญชีไปแล้วโพสต์คลิปให้เห็นสภาพหลังการโจมตีลงในฟอรัม “อาสาสมัครเพื่อยูเครน” พร้อมกับเตือนว่า ให้คิดดีๆ ก่อนไปยูเครน เพราะสถานการณ์แย่มาก
“ไปร่วมกับกองกำลังต่างชาติเลยพวก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ให้คิดให้ดีว่าเคียฟจะแย่แค่ไหน แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่ารัสเซียมีเครื่องบินรบ และพวกนายแทบจะไม่มีอะไรเลย แล้วจงยอมรับว่ามีโอกาสตาย พวกเราที่ออกมา รวมทั้งกองกำลังพิเศษจากหลายๆ ประเทศแค่ต้องการลดความเสี่ยง ไม่มีใครอยากตายในการต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมหรอก และหลังจากโดนขีปนาวุธถล่มอย่างหนักวันนี้ ผมอยากให้พวกคุณคิดให้ดีก่อนจะไป”
เจ้าของบัญชีรายนี้ระบุอีกว่า “มีชาวต่างชาต 60 คนรวมทั้งผมออกมาหลังถูกโจมตี พวกเขาส่งคนที่ไม่เคยฝึกซ้อมไปแนวหน้าโดยมีกระสุนน้อยนิดกับอากาห่วยๆ แล้วคนพวกนี้ก็ถูกฆ่า...พวกที่ยังอยู่จะถูกส่งไปที่เคียฟและอีกหลายคนจะต้องตาย กองกำลังต่างชาติมีกำลังคนน้อยกว่า และมีผู้นำยูเครนบ้าๆ อีก 2-3 คนเท่านั้น”
เช่นเดียวกับ เจค ไพรเดย์ (Jake Priday) ครูจากเมืองคาร์ดิฟฟ์ของอังกฤษบอกกับ The Economist ว่า เขาออกมาจากยูเครนหลังไปเหยียบที่นั่นได้เพียง 9 ชั่วโมง หลังจากทราบว่าจะต้องเซ็นสัญญาที่ผูกกับกฎอัยการศึกซึ่งกำหนดให้พวกเขารบโดยไม่มีกำหนดตายตัว โดยไม่มีการอธิบายขยายความใดๆ จากยูเครน
“สำหรับผมมันคือการหลอกลวง” ครูวัย 25 ซึ่งผ่านการเป็นทหารมาแล้วเผย “พวกเขาขายฝันให้คุณ คุณสามารถช่วยชาวยูเครน! แล้วจากนั้นคุณกลับถูกส่งตัวไปยังที่ที่แย่ที่สุดในสมรภูมิ”
ไพรเดย์ยังกังวลว่าหากถูกรัสเซียจับตัวไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รัสเซียประกาศเตือนว่านักรบต่างชาติจะถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากร เจสัน เฮ (Jason Haigh) อดีตแพทย์ทหารที่เคยไปรบในอิรักเผยกับ The Sun เมื่อช่วงต้นเดือนว่า เขาออกมาจากยูเครนแล้วหลังจากเผชิญหน้ากับกองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียระหว่างสู้รบที่เมืองอันโตนอฟในช่วงแรกๆ ของสงครามยูเครน
อดีตแพทย์ทหารวัย 34 ถูกฝูงเครื่องบินเจ็ตของรัสเซียยิงจรวดใส่ระหว่างร่วมกับกองทัพยูเครนมุ่งหน้าไปยังสนามบินฮอสโตเมลในกรุงเคียฟ ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตีของรัสเซียอีกฝูงหนึ่งจะตามมาสมทบ
เขาเล่าว่า “ทันใดนั้นประตูนรกก็เปิดรอต้อนรับพวกเรา พวกเราเกือบถูกถล่ม ผมไม่เคยเจอการยิงที่มีอานุภาพขนาดนี้มาก่อน และไม่คิดว่าคนในยุคนี้เคยเห็นเหมือนกัน อิรักกับอัฟกานิสถานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กองทัพรัสเซียทันสมัยมาก”
เฮเล่าอีกว่าหลังการสู้รบ เขากับเพื่อนชาวอเมริกันอีก 1 คนถูกเจ้าหน้าที่ยูเครนคุมตัวและทุบตีจนสะบักสะบอมเพราะคิดว่าเป็นฝ่ายรัสเซียและถูกนำตัวไปสอบสวนที่ฐาน 3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกมา เขาตัดสินใจขึ้นรถไฟหนีไปยังเมืองลวิวก่อนจะข้ามชายแดนเข้าโปแลนด์
อีกคนหนึ่งคือ เบ็น สแปนน์ (Ben Spann) ชาวอังกฤษเผยกับ Sky News ว่า เขาตัดสินใจออกมาจากสมรภูมิยูเครนเพราะกลัวว่าจะต้องเจอกับ “ภารกิจฆ่าตัวตาย” ทั้งยังไม่กล้าบอกภรรยากับลูกชายว่าไปรบที่ยูเครน โดยเขาไปช่วยยูเครนเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ แต่ยอมรับภายหลังว่า “เป็นฝันร้ายสุดๆ”
สแปนน์เล่าว่า หลังนั่งเครื่องบินจากสนามบินลอนดอนสแตนสเต็ดไปยังเมืองสเชชชินของโปแลนด์เมื่อวันที่ 2 มี.ค. และได้พบกับอดีตทหารอังกฤษ 4 คนที่มีแผนจะเข้าไปรบในยูเครนจึงข้ามพรมแดนไปด้วยกัน
พวกเขาอยู่ในเซฟเฮ้าส์เล็กๆ หลังหนึ่งเป็นเวลา 5 วัน จู่ๆ หน่วยสวาทของยูเครน 10 คนก็บุกเข้าไปแล้วใช้ปืน AK-47 หลายกระบอกจ่อที่ศีรษะราว 20-30 นาทีเพื่อค้นตัวและสอบสวนจนเข้าใจว่าพวกเขามาช่วยรบ
ทว่าหลังจากต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่อันตรายกว่าเดิมในยูเครนโดยไม่มีอาวุธติดตัว สแปนน์ก็ตัดสินใจกลับบ้านทันที
REUTERS/Alexandros Avramidis
https://www.posttoday.com/world/678566
ยุโรป อเมริกา เขาพัฒนาอาวุธกันไป
ประเทศไทยพัฒนาการเกษตร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาสวัสดิการประชาชน ดูแลทุกคนให้พ้นเชื้อโควิด
อยู่อย่างเป็นกลางสร้างสุขด้วยฝีมือนายกฯลุงตู่
อย่าไปโชว์คึกคะนองเลือกข้างดีแล้วค่ะ
💜มาลาริน/สงครามโชว์อาวุธ ประเทศรัสเซียทันสมัยสุดๆ ไทยเราอยู่เฉยๆเป็นกลางดีกว่าค่ะ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศนำขีปนาวุธ “คินซาล” (Khinzhal) ซึ่งเป็นระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นล่าสุดออกมาใช้เป็นครั้งแรกในสงครามยูเครนเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) โดยส่งไปทำลายคลังแสงแห่งหนึ่งในเมืองทางภาคตะวันตกของยูเครน
“ระบบขีปนาวุธคินซาลซึ่งเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวแบบไฮเปอร์โซนิก ได้ทำลายคลังอาวุธใต้ดินขนาดใหญ่ซึ่งใช้เก็บขีปนาวุธและกระสุนอากาศยาน ที่หมู่บ้านเดเลียทีน (Deliatyn) ในภูมิภาคอิวาโน-ฟรังคีฟส์ (Ivano-Frankivsk)” กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันนี้ (19 มี.ค.)
สำนักข่าว RIA Novosti ของทางการรัสเซียยืนยันว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกคินซาลถูกนำออกมาใช้งานจริง ระหว่าง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของรัสเซียในยูเครน
ด้านสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์รายงานว่า กองทัพรัสเซียยังสามารถทำลายศูนย์วิทยุสื่อสารและหน่วยสอดแนมของกองทัพยูเครนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองท่าโอเดสซา (Odessa) โดยใช้ระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่ง
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เคยกล่าวยกย่องขีปนาวุธคินซาลซึ่งแปลว่า “มีดสั้น” (dagger) ว่าเป็น “อาวุธในอุดมคติ” ที่สามารถเดินทางได้เร็วกว่าเสียงถึง 10 เท่า และยังสามารถหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ทุกชนิด
สำหรับหมู่บ้านเดเลียทีนนั้นตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคาร์เพเทียนในภูมิภาคอิวาโน-ฟรังคีฟส์ ซึ่งมีพรมแดนยาว 50 กิโลเมตรติดกับ “โรมาเนีย” ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกนาโต
ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์
https://mgronline.com/around/detail/9650000027054
เปิดใจอาสาสมัครต่างชาติที่เทยูเครนหลังถูกรัสเซียถล่มฐานฝึก
วันที่ 19 มี.ค. 2565 เวลา 14:20 น.
อาสาสมัครชาวอังกฤษรายหนึ่งเผ่นกลับบ้านหลังเหยียบยูเครนแค่ 9 ชั่วโมง
อาสาสมัครชาวต่างชาติที่เดินทางไปรบกับกองทัพรัสเซียหลายคนพากันหนีออกจากยูเครนหลังรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อม เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเจอความเป็นจริงอันโหดร้ายของการทำสงครามกับกองทัพที่ทันสมัยของรัสเซีย
หลังจากประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศรับสมัครอาสาสมัครต่างชาติมาช่วยรบกับรัสเซียก็มีช่าวต่างชาติจากกว่า 50 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดาขันอาสากว่า 16,000 คน
ทว่าเมื่อวันที่ 13 มี.ค. รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มฐานฝึกซ้อมของอาสาสมัครเหล่านี้ในเมืองยาโวริฟใกล้กับชายแดนโปแลนด์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 35 รายส่วนใหญ่เป็นชาวยูเครน และบาดเจ็บอีก 134 รายตามตัวเลขของทางการยูเครน แต่รัสเซียอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้
เหตุการณ์นี้ทำให้อาสาสมัครต่างชาติหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องการจัดการที่ไม่ค่อยดี การขาดแคลนอาวุธและการฝึกซ้อม และการเซ็นสัญญาที่ไม่กำหนดเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจนเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว เริ่มเปลี่ยนใจกลับบ้านกันมากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ เจสเปอร์ โซเดอร์ (Jesper Söder) ชาวสวีเดนที่เล่าถึงการโจมตีเมื่อวันที่ 13 กับสำนักข่าว AP ว่า “นรกชัดๆ ทั้งเสียงยิง เสียงตะโกน ความหวาดกลัว ไหนจะระเบิดกับขีปนาวุธอีก”
หลังถูกโจมตีโซเดอร์และกลุ่มอาสาสมัครต่างชาติรวมทั้งชาวสแกนดิเนเวีย อังกฤษ และอเมริกันออกจากฐานฝึกซ้อมกลับไปยังชายแดนโปแลนด์
ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันที่ใช้ชื่อว่า ฮิว (Hieu) ที่รอดชีวิตจากการถูกรัสเซียโจมตีเผยกับ Task & Purpose ว่า “ผมรอดเพราะขีปนาวุธตกใส่โครงสร้างที่แข็งแรงแทนที่จะเป็นเต็นท์ที่ผมอยู่ ยูเครนเสนอจะพาคนที่ไม่ต้องการรบแล้วหลังถูกขีปนาวุธถล่มกลับไปยังชายแดน”
ฮิวซึ่งเป็นอดีตพลรถถัง M1 Abrams ที่เคยไปรบที่อัฟกานิสถานเมื่อปี 2012 เล่าว่า อาสาสมัครที่อยู่ในเต็นท์เดียวกับเขา 23 คน มีเพียง 7 คนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ
ส่วนในชุมชนออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Reddit ผู้ใช้คนหนึ่งซึ่งลบบัญชีไปแล้วโพสต์คลิปให้เห็นสภาพหลังการโจมตีลงในฟอรัม “อาสาสมัครเพื่อยูเครน” พร้อมกับเตือนว่า ให้คิดดีๆ ก่อนไปยูเครน เพราะสถานการณ์แย่มาก
“ไปร่วมกับกองกำลังต่างชาติเลยพวก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ให้คิดให้ดีว่าเคียฟจะแย่แค่ไหน แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่ารัสเซียมีเครื่องบินรบ และพวกนายแทบจะไม่มีอะไรเลย แล้วจงยอมรับว่ามีโอกาสตาย พวกเราที่ออกมา รวมทั้งกองกำลังพิเศษจากหลายๆ ประเทศแค่ต้องการลดความเสี่ยง ไม่มีใครอยากตายในการต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมหรอก และหลังจากโดนขีปนาวุธถล่มอย่างหนักวันนี้ ผมอยากให้พวกคุณคิดให้ดีก่อนจะไป”
เจ้าของบัญชีรายนี้ระบุอีกว่า “มีชาวต่างชาต 60 คนรวมทั้งผมออกมาหลังถูกโจมตี พวกเขาส่งคนที่ไม่เคยฝึกซ้อมไปแนวหน้าโดยมีกระสุนน้อยนิดกับอากาห่วยๆ แล้วคนพวกนี้ก็ถูกฆ่า...พวกที่ยังอยู่จะถูกส่งไปที่เคียฟและอีกหลายคนจะต้องตาย กองกำลังต่างชาติมีกำลังคนน้อยกว่า และมีผู้นำยูเครนบ้าๆ อีก 2-3 คนเท่านั้น”
เช่นเดียวกับ เจค ไพรเดย์ (Jake Priday) ครูจากเมืองคาร์ดิฟฟ์ของอังกฤษบอกกับ The Economist ว่า เขาออกมาจากยูเครนหลังไปเหยียบที่นั่นได้เพียง 9 ชั่วโมง หลังจากทราบว่าจะต้องเซ็นสัญญาที่ผูกกับกฎอัยการศึกซึ่งกำหนดให้พวกเขารบโดยไม่มีกำหนดตายตัว โดยไม่มีการอธิบายขยายความใดๆ จากยูเครน
“สำหรับผมมันคือการหลอกลวง” ครูวัย 25 ซึ่งผ่านการเป็นทหารมาแล้วเผย “พวกเขาขายฝันให้คุณ คุณสามารถช่วยชาวยูเครน! แล้วจากนั้นคุณกลับถูกส่งตัวไปยังที่ที่แย่ที่สุดในสมรภูมิ”
ไพรเดย์ยังกังวลว่าหากถูกรัสเซียจับตัวไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รัสเซียประกาศเตือนว่านักรบต่างชาติจะถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากร เจสัน เฮ (Jason Haigh) อดีตแพทย์ทหารที่เคยไปรบในอิรักเผยกับ The Sun เมื่อช่วงต้นเดือนว่า เขาออกมาจากยูเครนแล้วหลังจากเผชิญหน้ากับกองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียระหว่างสู้รบที่เมืองอันโตนอฟในช่วงแรกๆ ของสงครามยูเครน
อดีตแพทย์ทหารวัย 34 ถูกฝูงเครื่องบินเจ็ตของรัสเซียยิงจรวดใส่ระหว่างร่วมกับกองทัพยูเครนมุ่งหน้าไปยังสนามบินฮอสโตเมลในกรุงเคียฟ ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตีของรัสเซียอีกฝูงหนึ่งจะตามมาสมทบ
เขาเล่าว่า “ทันใดนั้นประตูนรกก็เปิดรอต้อนรับพวกเรา พวกเราเกือบถูกถล่ม ผมไม่เคยเจอการยิงที่มีอานุภาพขนาดนี้มาก่อน และไม่คิดว่าคนในยุคนี้เคยเห็นเหมือนกัน อิรักกับอัฟกานิสถานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กองทัพรัสเซียทันสมัยมาก”
เฮเล่าอีกว่าหลังการสู้รบ เขากับเพื่อนชาวอเมริกันอีก 1 คนถูกเจ้าหน้าที่ยูเครนคุมตัวและทุบตีจนสะบักสะบอมเพราะคิดว่าเป็นฝ่ายรัสเซียและถูกนำตัวไปสอบสวนที่ฐาน 3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกมา เขาตัดสินใจขึ้นรถไฟหนีไปยังเมืองลวิวก่อนจะข้ามชายแดนเข้าโปแลนด์
อีกคนหนึ่งคือ เบ็น สแปนน์ (Ben Spann) ชาวอังกฤษเผยกับ Sky News ว่า เขาตัดสินใจออกมาจากสมรภูมิยูเครนเพราะกลัวว่าจะต้องเจอกับ “ภารกิจฆ่าตัวตาย” ทั้งยังไม่กล้าบอกภรรยากับลูกชายว่าไปรบที่ยูเครน โดยเขาไปช่วยยูเครนเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ แต่ยอมรับภายหลังว่า “เป็นฝันร้ายสุดๆ”
สแปนน์เล่าว่า หลังนั่งเครื่องบินจากสนามบินลอนดอนสแตนสเต็ดไปยังเมืองสเชชชินของโปแลนด์เมื่อวันที่ 2 มี.ค. และได้พบกับอดีตทหารอังกฤษ 4 คนที่มีแผนจะเข้าไปรบในยูเครนจึงข้ามพรมแดนไปด้วยกัน
พวกเขาอยู่ในเซฟเฮ้าส์เล็กๆ หลังหนึ่งเป็นเวลา 5 วัน จู่ๆ หน่วยสวาทของยูเครน 10 คนก็บุกเข้าไปแล้วใช้ปืน AK-47 หลายกระบอกจ่อที่ศีรษะราว 20-30 นาทีเพื่อค้นตัวและสอบสวนจนเข้าใจว่าพวกเขามาช่วยรบ
ทว่าหลังจากต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่อันตรายกว่าเดิมในยูเครนโดยไม่มีอาวุธติดตัว สแปนน์ก็ตัดสินใจกลับบ้านทันที
REUTERS/Alexandros Avramidis
https://www.posttoday.com/world/678566
ยุโรป อเมริกา เขาพัฒนาอาวุธกันไป
ประเทศไทยพัฒนาการเกษตร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาสวัสดิการประชาชน ดูแลทุกคนให้พ้นเชื้อโควิด
อยู่อย่างเป็นกลางสร้างสุขด้วยฝีมือนายกฯลุงตู่
อย่าไปโชว์คึกคะนองเลือกข้างดีแล้วค่ะ