[CR] รีวิว "ป๋าป้า เตี้ยมซิม" ร้านกุยช่ายเจ้าเก่าแก่แห่งตลาดพลูก่อตั้งความอร่อยระดับตำนานมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๖

ถ้านึกถึงตลาดพลูอย่างแรกที่ทุกคนพูดเหมือนกันหมดก็คือแหล่งรวมของอร่อยระดับตำนานหลายร้านและวันนี้เราจะพามาทานขนมกุยช่ายอันเลื่องชื่อและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เพราะเป็นเจ้าเก่าในย่านนี้ก็คือ "ป๋าป้า เตี้ยมซิม" ตั้งแต่รุ่นอาม่าเข็นรถขายอยู่หน้าวัดกันตทารารามหรือวัดใหม่จีนกันตรงซอยเทอดไท 23 จนตอนนี้กลายมาเป็นตึกแถวขนาดใหญ่มีพื้นที่ให้นั่งทานสบายๆรวมระยะเวลาเกือบ 50 ปี จุดเด่นของทางร้านคือเป็นสูตรโบราณแป้งบางไส้เยอะรสชาติกลมกล่อมกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด นำไปนึ่งหรือทอดเสิร์ฟให้กินสดใหม่ร้อนๆจนกลายเป็นเมนูเด็ดที่ผู้คนในย่านตลาดพลูเลื่องลือเรื่องความอร่อยกันจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีอาหารประจำวัน/เครื่องดื่ม/ขนมหวานสไตล์จีนโบราณเปลี่ยนไปทุก 7 วันไม่ซ้ำกันให้ลูกค้าไม่เบื่อ วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวปักหมุดมาที่ร้านข้างหน้ามีลานจอดขนาดใหญ่ให้บริการ ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีตลาดพลูแล้ว เดินเท้าหรือเรียกรถเข้ามาอีกประมาณ 800 เมตรก็จะพบกับป้าย "ป๋าป้า เตี้ยมซิม" สีน้ำเงินเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวขนาดใหญ่มองเห็นเด่นชัดตรงประตูหน้าทางเข้าโครงการ T-biz home แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้นแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับผม
 

เรามาถึงช่วงบ่ายตอนที่ลูกค้ามีน้อยเลยขอเดินสำรวจตามมุมต่างๆภายในกันก่อน เริ่มจากหน้าประตูทางเข้าวางชั้นขายขนมขบเคี้ยวแบบไทย/ตู้ไอศครีมของ ETE/ตู้แช่แข็งขนมกุยช่ายสำหรับเอาไปเป็นของฝากให้นึ่งหรือทอดกินเองต่อที่บ้าน/ป้ายเมนูแนะนำประจำวันเขียนด้วยมือและจุดลงทะเบียนไทยชนะพร้อมเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าไปในร้าน ด้านซ้ายมือเป็นเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยขนมกุยช่ายไส้ต่างๆเรียงในตู้กระจกใสปิดสนิทป้องกันแมลงดูสะอาดพร้อมกระทะแบนสีดำขนาดใหญ่เอาไว้ทอดและตู้นึ่งใส่ซาลาเปาหมั่นโถวเอาไว้ ติดกันมีตู้แช่เย็นขนาดใหญ่ที่ด้านในมีขนมหวาน-เครื่องดื่มและน้ำสมุนไพรต่างๆให้หยิบได้ด้วยตัวเอง สำหรับคนรีบมากเป็นพิเศษสามารถออเดอร์กับน้องพนักงานเดินเลือกของที่อยากได้จากจุดนี้หรือจะซื้อไปทาน-ฝากคนที่บ้านต่อก็สะดวกรวดเร็วดีครับ

ด้านขวามือเป็นโซนโต๊ะเก้าอี้ทำจากชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งและหินอ่อนแผ่นสีขาวขนาดใหญ่ดูแข็งแรงทนทานเหมือนได้นั่งทานข้าวที่บ้าน เปิดแอร์พร้อมพัดลมเย็นสบายดีแต่ไม่มีกระจกกั้นด้านหน้าร้านจึงไม่ค่อยรู้สึกชุ่มฉ่ำปอดสักเท่าไหร่ ภายตกแต่งร้านด้วยสีแดงสดสลับน้ำเงินผนังติดกระจกขนาดใหญ่และเพดานสูงจึงทำให้รู้สึกกว้างถึงแม้จะมีพื้นที่เพียง 1 ช่วงตึกเท่านั้น บนกำแพงวาดรูปศิลปะพู่กัน-ติดสติกเกอร์ลายจีนสีสดใสและด้านในสุดเป็นชั้นวางพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่เจ้าของร้านนับถือดูง่ายๆ เพิ่มความอบอุ่นด้วยโคมไฟทำจากไม้ไผ่สานโทนสีเหลือง-ส้มชวนให้นั่งนานโดยแต่ละโต๊ะมีฉากกั้นพลาสติกเอาไว้ให้เลื่อนขยับไป-มาตามจำนวนคนได้ด้วยตัวเอง ตามมาด้วยประวัติของทางร้านที่เขียนรายละเอียดต่างๆพอจับใจความได้ว่า เป็นต้นตำรับกุยช่ายตลาดพลูก่อตั้งโดยอาม่ากุ้ยไน้เริ่มต้นเมื่อปี 2516 เป็นโรงงานผลิตพร้อมเปิดหน้าร้านเป็นรถเข็นเล็กๆอยู่หน้าวัดกันตทารารามหรือวัดใหม่จีนกันริมคลองบางน้ำชนเจ้าแรกจนสมัยนั้นใครก็เรียกว่ากุยช่ายหน้าวัด สูตรความอร่อยต่างๆก็ถูกส่งต่อมาเรื่อยเป็น "ป๋าป้า เตี้ยมซิม" แปลว่าของว่างที่กินแล้วอิ่ม จุดเด่นนั่นคือขนมกุยฉ่ายที่มีรอยจีบทำมือไส้เยอะและสะอาดถูกหลักอนามัยจึงอยู่มาได้จนถึงปัจจุบันนับถึงตอนนี้ก็ 49 ปีแล้วพร้อมรูปถ่ายเก่าสมัยนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นของจริงแท้แน่นอนครับ

มาถึงก็นั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็ยกเล่มเมนูออกมาให้เป็นหน้าปกแข็งกระดาษหนาเย็บสันแข็งแรงคุณภาพดีมากๆ หน้าแรกเป็นประวัติร้านที่เราได้สรุปไปแล้วและเมนูเด็ดอย่าง "ขนมกุยช่าย" เห็นการตกแต่งร้านสวยงามขนาดนี้ขายราคาเริ่มต้นเพียงชิ้นละ 10 บาท แพงสุดเป็นกุยช่ายแก้ผ้าทอดกรอบ-กุยช่ายใบโพธิ์ชิ้นยักษ์ราคาแค่ชิ้นละ 25 บาท มีให้เลือก 4 ไส้ได้แก่ 1. ไส้ผักหรือกุยช่ายสับที่เราคุ้นเคย 2. ไส้เผือกซึ่งขายดีมากๆ 3. ไส้หน่อไม้ และ 4 ไส้มันแกว ที่แปลกหน่อยก็จะเป็นเผือกเปลือยชิ้นละ 15 บาท และบางรายการไม่ได้ขายตลอดแต่ต้องโทรจองล่วงหน้า 1-2 วันซึ่งแน่นอนว่าวันนี้เราได้จัดการเอาไว้แล้ว นอกจากกุยช่ายแล้วยังมีรายการอาหารประจำวัน (ร้านนี้ปิดทุกๆวันจันทร์) เริ่มจากวันอังคารมีก๋วยเตี๋ยวหลอด-วันพุธก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ-วันพฤหัสบดีข้าวซี่โครงหมูอบ-วันศุกร์มีก๋วยเตี๋ยวน้ำใสแต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นขายทุกวันใส่ลูกชิ้นแคะ/ลูกชิ้นหมู/เกี๊ยวหมู/เกี๊ยวกุ้ง/หมูแดงและเลือกเส้นได้ว่าจะเอาเล็ก/ใหญ่/หมี่ขาวหรือบะหมี่ ส่วนวันเสาร์พิเศษสุดคือมีข้าวคลุกกะปิราคาจานละ 60 บาท-วันอาทิตย์ขายเหมือนวันศุกร์ทุกอย่างเมนูละ 50 บาทเกือบทุกรายการตั้งแต่ต้นสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีอาหารตามสั่งที่ขายทุกวันทั้งข้าวผัด/พริกแกง/กะเพราราคาเริ่มต้นที่ 50-80 บาทเลือกได้ทั้งหมู/ไก่/กุ้ง/ปลา/ปลาหมึก/หมูกรอบทั้งราดข้าวและเป็นกับครับ

หน้าต่อไปก็ยังคงเป็นอาหารตามสั่งที่ขายทุกวันทั้งกะเพราเต้าหู้/แกงจืดเต้าหู้-หมูสับ/ข้าวไข่เจียว/หมูกระเทียมพริกไทยทั้งแบบราดข้าวและกับข้าวราคา 50-70 บาท ถ้าต้องการข้าวเปล่า-ไข่ดาวคิดรายการละ 10 บาท หน้าต่อไปเป็นของทานเล่นต่างๆมีทั้งหอยจ๊อ/เต้าหู้ทอด/แฮกึ๋น/เกี๊ยวทอดกรอบและเกี๊ยวซ่าราคา 30-60 บาท หมั่นโถวนึ่งผสมฟักทอง/มันม่วง/น้ำตาลอ้อยลูกละ 17 บาท หมูเส้นทอดกระปุกใหญ่ 210 บาท ลูกชิ้นแคะลูกชิ้นหมูลวกจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดจานละ 45 บาท บ๊ะจ่างลูกละ 45 บาท ซาลาเปาไส้หมูสับหมูแดงลูกละ 19 บาท หมูยอทอด 50 บาท ขนมจีบรวมจานละ 45 บาท สุดท้ายเป็นหมวดขนมหวานเสิร์ฟร้อนกับเย็นสไตล์จีนรวมกว่า 8 เมนูราคาถ้วยละ 20-50 บาท เครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่า/น้ำสมุนไพร/น้ำเต้าหู้/น้ำอัดลมขวดละ 10-25 บาท ใครที่ชอบชาจีนที่ร้านขายเป็นชุดให้ชงเองแบบโบราณราคา 69-99 บาทมีให้เลือกถึง 6 ใบชาจีนชื่อดัง ส่วนเมนูเด็ดที่ร้านแนะนำอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์สั่งสินค้าอยู่แล้วสามารถสั่งได้แบบด่วนๆ โดยรวมถือว่ามีเมนูอาหารให้เลือกเยอะมากๆมากี่ครั้งก็ไม่เบื่อแน่นอนครับ

จานแรกสั่งมาเป็น "เผือกเปลือย" แบบทอดราคาชิ้นละ 15 บาท เป็นเผือกขูดเส้นปรุงรสให้เค็มกลมกล่อมเผ็ดร้อนพริกไทยขาวกรุบกรอบถั่วลิสงผสมแป้งเล็กน้อยนำไปนึ่งให้เป็นก้อน ก่อนเสิร์ฟแค่นำไปทอดในกระทะให้มีความเกรียมอมน้ำตาลเล็กน้อยตรงเปลือกแต่ด้านในนุ่มละเอียดหอมมันเผือกคุณภาพดีอัดแน่นเกินราคาสุดๆ ส่วนกุยช่ายที่เราโทรมาจองเป็น "กุยช่ายกลมแดง (อี้ทวง)" 4 ไส้ไว้ก่อนเพราะกลัวหมดแต่วันนี้โชคดีที่ยังเหลือครบทุกไส้อยู่เลยสั่งมาเพิ่มเป็น "กุยช่าย" สูตรแป้งสีขาวปกติราคาชิ้นละ 10 บาทเท่ากันทั้ง 2 สีและไส้เหมือนกันทุกอย่าง เบื้องต้นที่เราได้อ่านในบทความประวัติการก่อตั้งร้านจุดเด่นที่เห็นได้ชัดก็คือรอยจีบวงกลมเด่นชัดสวยงาม แป้งบางโปร่งใสจนสามารถเห็นไส้ด้านในได้อย่างคร่าวๆโดยไม่ต้องเสียเวลาทำสัญลักษณ์เพื่อแบ่งแยกให้ชัดเจนเหมือนร้านอื่นๆ อ้างอิงจากเจ้าของร้านที่เคยไปออกในรายการทีวีคือใช้เฉพาะแป้งมันกับแป้งข้าวเจ้าตามอัตราส่วนลับนวดและสัมผัสมือจึงจะรู้ว่าได้ที่ก่อนจะนำมาห่อไส้แน่นจุใจ ส่วนแต่ละชิ้นจะรสชาติเป็นอย่างไรนั้นผ่าดูด้านในแล้วชิมไปพร้อมกันเลยครับ

ชิ้นที่ 1 เป็น "กุยช่ายไส้ผัก" สูตรของที่ร้านนี้พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกต้นกระเทียมไม่มีกลิ่นฉุน/เหม็นเขียวเอามาคลุกกับเกลือและบีบน้ำส่วนเกินออกบางส่วนและปรุงรสให้เค็มหวานกลมกล่อมผัดในน้ำมันพอสุกเพื่อคงความกรุบกรอบ-ชุ่มฉ่ำตามธรรมชาติของของผักกุยช่ายเอาไว้เล็กน้อย ห่อเข้ากับแป้งสีขาวบางพิเศษสัมผัสนุ่มนวลเนียนสู้ฟันนิดๆคล้ายโมจิชวนไหลลื่นลงคอชวนฝันสุดๆ ชิ้นที่ 2 คือ "กุยช่ายไส้หน่อไม้" ทางร้านใช้แบบสดคุณภาพดีเคี้ยวกรุบกรอบอมหวานหั่นเป็นเต๋าเล็กๆผัดกับกุ้งฝอย ปรุงรสชาติให้เค็มกลมกล่อม-เผ็ดร้อนด้วยพริกไทยขาวจัดจ้านโดนใจ

ชิ้นที่ 3 ก็คือ "กุยช่ายไส้มันแกว" นำหัวมันแกวมาขูดเป็นเส้นๆ-บีบน้ำส่วนเกินออกผัดกับกุ้งแห้งฝอยกระเทียมสดและพริกไทยขาวเพิ่มความเผ็ดร้อนและได้ความฉ่ำหวานธรรมชาติจากหัวมันแกว ชิ้นที่ 4 ก็คือ "กุยช่ายไส้เผือก" รสชาติเหมือนเผือกเปลือยทุกอย่างแค่ไม่ผสมเมล็ดถั่วลิสงลงไปเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบกับแป้งให้จับตัวเป็นก้อนๆปริมาณอัดแน่นทุกไส้เคี้ยวเต็มคำเหมือนกันหมดแต่เท่าที่สังเกตคือเผือกมักจะหมดก่อนเพราะเรามาถึงก็เหลือ 2 ชิ้นสุดท้ายในตู้แล้ว เนื่องจากทางร้านปั้นจำนวนจำกัดต่อวันถ้าอยากกินให้ครบทุกๆไส้ต้องรีบมาแต่เช้าสักหน่อยนะครับ
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   ป๋าป้า เตี้ยมซิม
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่