๔ มีนาคม ๒๕๖๕
ผมกลับมาเชียงใหม่อีกครั้งเพื่อมาทำภารกิจของปีที่แล้วที่ผมทำไม่สำเร็จคือการเดินทางไปวัดหลวงขุนวิน ผมรับรู้การมีอยู่ของวัดนี้ในเชียงใหม่จากการแชร์ภาพวัดหลวงขุนวินผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆที่บรรยายให้ภาพวัดนี้ดูเก่าขลังท่ามกลางเงาไม้ร่มรื่น ผมอยากไปเห็นและถ่ายภาพนั้นด้วยสายตาและมุมมองของผมเอง
เมื่อมาถึงเชียงใหม่วันที่สองหลังกาแฟแก้วแรกและอาหารมื้อที่สอง ผมก็สำรวจเส้นทางจากเชียงใหม่ถึงวัดหลวงขุนวินผ่านกูเกิลแมพ ระยะทางเกือบ ๖๐ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาเกือบ ๒ ชั่วโมง เป็น ๒ ชั่วโมงที่เล็กน้อยสำหรับผู้ที่ชอบขับมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวอย่างผม
ผมออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงท้องอิ่มยามบ่ายมุ่งสู่หางดงและลัดเลาะไปตามอำเภอแม่วางขับรถได้เรื่อยๆ ถนนค่อนข้างว่าง แดดร้อนพอทน ถึงอำเภอแม่วางเริ่มเข้าทางหมู่บ้านชนบท ผมเริ่มรู้สึกได้ว่ารถกำลังไต่เขาสูงขึ้นเรื่อยๆไปตามริมเขา สองข้างทางที่โดดเด่นที่สุดคือร้านค้าริมทางลำน้ำแม่วาง จุดล่องแพ และปางช้างแม่วาง ผ่านหมู่บ้านคนไทยก่อนเลี้ยวเข้าหมู่บ้านชาวเขาตามป้ายบอกทางวัดหลวงขุนวิน สองข้างทางหมู่บ้านมีป้ายรถบริการพาขึ้นวัดหลวงขุนวิน แต่ผมไม่สนใจเพราะผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์มาแล้ว
พอมาผ่านหมู่บ้านชาวเขาก็ถึงอุทยานหน้าด่านก่อนขึ้นวัดหลวงขุนวินมีป้ายคำเตือนขนาดใหญ่สื่อประมาณว่า เส้นทางอันตราย ทางลาดชัน ห้ามขับรถขึ้น ผมลังเลนิดหน่อย แต่พอเห็นป้ายเช่าเหมารถยนต์ขึ้นวัดหลวงขุนวินราคา ๖๐๐ บาท ผมเริ่มเมินป้ายคำเตือน ในใจผมคิด วันนี้วันธรรมดานักท่องเที่ยวก็ไม่มีจะเหมารถนั่งคนเดียว ๖๐๐ บาท ก็คงไม่คุ้ม ผมเห็นป้ายเตือนว่าอันตราย แต่ในใจผมว่าท้าทาย อันตรายขนาดไหนกันวะ สุดท้ายผมบิดแฮนด์มอเตอร์ไซค์ท้าทายคำเตือน
ระยะทางจากป้ายเตือนถึงวัดหลวงขุนวินสูงและชันจริง ทางลาดมากกว่า ๔๕ องศา ผิวทางปูคอนกรีตอย่างหยาบบ้าง ทางดินลูกรังบ้าง โค้งไปโค้งมาอยู่หลายโค้งลัดเลาะไปตามริมเขา ขาขึ้นไม่ยากและน่ากลัวเท่าไหร่ แต่ในใจผมหวั่นไหวกับขาลงที่ยังมาไม่ถึง
มาถึงวัดหลวงขุนวินผมก็ตื่นเต้นกับพญานาคขาวปูนปั้นราวบันไดวัดสองตัวที่ชูคออวดทรงเป็นสง่าจนอดถ่ายรูปไม่ได้ ถ่ายรูปเสร็จก็เดินย่ำไปตามทางบันไดคล้ายเกร็ดงูซ้อนชั้นให้แปลกตากว่าที่อื่น ไปสุดหางพญานาคใหญ่ก็ถึงทางลาดโล่งก่อนขึ้นไปโบสถ์วัดหลวงขุนวินก็จะผ่านบันไดลายกระหนกขาวปูนปั้นเพื่อไปชั้นที่ตั้งตัวโบสถ์
เล่าเรื่องวัดหลวงขุนวิน