ทำไมในประวัติศาสตร์โลก ประเทศหรือมหาอำนาจที่มาหลังนั้นย่อมหน้ากลัวกว่าเสมอ

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผมศึกษามานั้น จะพบว่าประเทศมหาอำนาจน้องใหม่หรือง่าย ๆ พวกมาหลังนั้นจะพบ พวกมาหลังนั้นมักจะมาอย่างหน้ากลัวหรือไม่ก็เป็นม้ามืดที่สันสะเทือนดุนอำนาจของมหาอำนาจเก่า

ตัวอย่างง่าย 

-ในอดีตนั้นสเปนนั้นมีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปอย่างมาก จักรวรรดิสเปนนั้น แผ่ขยายอำนาจไปยังทวีปอเมริกากลางและใต้ รวมถึงฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ทองคำที่สเปนขนกลับมายุโรปนั้นทำให้สเปนนั้นรำรวยเป็นอย่างมาก จนกระทั้ง หลายร้อยปีต่อมา อังกฤษและดัตช์นั้นก็เข้ามามีบทบาท ทำให้สเปนในตอนนั้นถึงกับเสียดุนไปเลย อย่างอังกฤษนั้นสามารถเอาชนะสเปนได้ และบุกเบิกทวีปอเมริกาเหนือรวมถึงการค้าทาสด้วย (สเปนก็มีอุตสาหกรรมค้าทาสจากแอฟริกเหมือนกัน แต่ของอังกฤษนั้นทำกำไรได้มหาศาลกว่าของสเปนเสียอีก) นอกจากนี้อังกฤษยังบุกเบิกระบบอุตสาหกรรมการต่อเรือ การแปรรูปอาหาร และโลจิสติก ส่วนดัตช์นั้นก็กลายเป็นจักรวรรดิการค้า ที่มีสถานนี้การค้าอยู่ทั่วโลก ที่ทำให้สเปนดูหมดอำนาจไปเลย

-ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้น อังกฤษนั้นเป็นชาตินำโด่งอย่างมากในเครื่องจักร จนกระทั้งเยอรมันรวมชาติสำเร็จอังกฤษนั้นถึงกับสดุงทันที่เพราะเยอรมันนั้นมาอย่างหน้ากลัวมากๆ ทั้งการทหาร เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ จะพูดว่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และสอง อุตสาหกรรมเยอรมันนั้นเป็นตัวเปลี่ยนโลกอย่างมาก เช่นการสร้างเครื่องอินิกมา ปืนกลมืออย่าง MG42 รถถังไทเกอร์ เครื่องบินไอพ่นและจรวด V2 รวมถึงยานยนต์ชนิดต่างๆ คือพูดได้คำเดียวเหมือนกับเยอรมันมาอย่างโหดมากๆ ทั้งอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสวัสดิการแรงงาน การทหารที่ทันสมัย   

-ส่วนปัจจุบันนั้นเมื่อก่อนอเมริกามองจีนว่าคงเป็นประเทศที่ไม่สามารถกลายเป็นมหาอำนาจได้หรอก แต่ผิดคาดตอนนี้จีนกลายเป็นมหาอำนาจที่ตามมาอยู่เป็นเบอร์ 2 และใกล้จะแซงอเมริกาแล้ว จีนในตอนนี้นั้นเทคโนโลยีมาอย่างโหดและกำลังเขย่าโลกอย่างมากจนอเมริกาพยายามหาทางสกัดอยู่ตลอดเวลา

นั้นแหละคือตัวอย่าง ผมก็เลยสงสัยว่าทำไมในประวัติศาสตร์นั้นพวกมาหลังหรือมหาอำนาจม้ามืดต่างๆในประวัติศาสตร์นั้นมักจะทำสิ่งที่สะเทือนโลกเสมอ ถึงขั้นเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆของโลก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่