จากเพจ วิเคราะห์บอลจริงจังครับ
________________________
ในชีวิตของเรา อาจเคยสนิทกับใครสักคนมากๆ แต่กลับไม่พอใจกันในบางเรื่อง รู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้คุยกันเป็นปีๆ แล้ว
ช่วงแรกๆ ที่ทะเลาะกัน อาจจะรู้สึกว่าช่างสิ แกจะไปไหนก็ไป แต่เชื่อไหม ว่าเวลาผ่านไปนานๆ เข้า พอเราโตขึ้น เรื่องที่เคยทะเลาะกัน (ถ้าไม่ใช่กรณีคอขาดบาดตาย) มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กมาก จนบางทีเราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า ไม่พอใจกันเรื่องอะไร
เหตุการณ์สุดประทับใจในบาสเกตบอล NBA เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ในงานวันประกาศรีไทร์เสื้อแข่งขัน ของเควิน การ์เนตต์ อดีตนักบาสเกตบอลของบอสตัน เซลติคส์
แบ็กกราวน์ของการ์เนตต์ เขาเป็นผู้เล่นตำแหน่งพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ถูกดราฟต์เข้าลีก เป็นอันดับ 5 ในปี 1995 โดยมินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์
ในยุคนั้น มินเนโซต้า เป็นทีมที่ไม่ค่อยแข็งแกร่ง ตั้งแต่ก่อตั้งแฟรนไชส์มา ยังไม่เคยเข้าเพลย์ออฟเลยสักครั้ง แต่ทันทีที่ดราฟต์การ์เนตต์เข้ามา ทีมเข้าเพลย์ออฟ ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน
อย่างไรก็ตาม ใน NBA ถ้าทีมของคุณองค์ประกอบไม่ดีพอ มันก็ยากที่จะเข้ารอบลึกๆ ในเพลย์ออฟได้ นั่นทำให้ มินเนโซต้าที่เป็นทีมวันแมนโชว์ ตกรอบแรกเพลย์ออฟ 7 ปี ติดต่อกัน
เข้าสู่ซีซั่น 2003-04 การ์เนตต์เล่นบาสเกตบอลดีที่สุดในชีวิต เขาได้รางวัล MVP ในฤดูกาลปกติ และพามินเนโซต้าเข้าชิง NBA แต่ก็ไปได้ถึงแค่รอบชิงแชมป์สายตะวันตก เมื่อไปแพ้แอลเอ เลเกอร์ส 4-2 เกม
สิ่งที่การ์เนตต์ต้องยอมรับความจริงคือ เลเกอร์ส มีองค์ประกอบดีกว่าจริงๆ ในทีมมีทั้ง ชาคิล โอนีล, โคบี้ ไบรอันต์, เดเร็ก ฟิชเชอร์ และ ริค ฟ็อกซ์ ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมแข็งแกร่งกว่าทีมที่เล่นวันแมนโชว์แบบมินเนโซต้า
หลังเล่นกับมินเนโซต้า 12 ปี จนอายุ 31 การ์เนตต์ทนไม่ไหวแล้วกับการแบกทีม เขาเป็นออลสตาร์ 10 สมัย แต่ไม่สามารถได้แหวนแชมป์เลยแม้แต่วงเดียว ในฐานะนักบาส มันเหมือนโพรไฟล์ของเขายังไม่เติมเต็ม ดังนั้นจึงตัดสินใจขอเทรดย้ายไปทีมที่น่าจะมีลุ้นแชมป์มากกว่านี้
สุดท้าย บอสตัน เซลติคส์ ตัดสินใจเอา โดยเอานักบาส 5 คน บวกสิทธิ์ดราฟต์รอบแรกไปแลกมา แสดงให้เห็นเลยว่า คุณค่าของการ์เนตต์ ณ เวลานั้น มันมากมายขนาดไหน
การ์เนตต์ ย้ายมาบอสตัน เซลติคส์ ในฤดูกาล 2007-08 และสิ่งที่เขาได้ค้นพบเป็นครั้งแรกคือ "ทีมที่ดี"
บอสตัน มีสมอล ฟอร์เวิร์ด ที่เก่งกาจที่ชื่อ พอล เพียร์ซ อยู่แล้ว (ออลสตาร์ 5 สมัย ในเวลาต่อมา ได้แชมป์ 3-point contest ด้วย)
นอกจากนั้น พวกเขายังเทรดชูตติ้งการ์ดอัจฉริยะ ที่ชื่อ เรย์ อัลเลน เข้ามาอีก (ออลสตาร์ 7 สมัย และ แชมป์ 3-point contest ปี 2001) โดยอัลเลน ณ เวลานั้น มีสถิติยิงสามแต้มลงถึง 37.2% เป็นตัวยิงไกลที่ร้ายกาจมาก
เท่ากับว่าวงนอก มีอัลเลน ระยะกลางมีเพียร์ซ ส่วนวงในก็มีการ์เนตต์ กลายเป็นว่าเซลติคส์ มี Big 3 ที่แข็งแกร่งพอที่จะลุ้นแชมป์ได้เลย นี่ยังไม่นับดาวรุ่งอย่างราฮอน รอนโด้ ที่มีไอคิวเป็นเลิศอีกคนด้วย
ความสัมพันธ์ของการ์เนตต์ กับ อัลเลนนั้นแน่นแฟ้นมาก เพราะทั้งคู่อายุเท่ากัน สมัยมัธยม เรียนอยู่ในรัฐเดียวกันคือเซาธ์ แคโรไลน่า ดังนั้นจึงเจอกันตลอด การ์เนตต์ ครั้งหนึ่งเคยจีบน้องสาวของอัลเลนด้วย ดังนั้นในมุมของการ์เนตต์ การย้ายมาบอสตันครั้งนี้แล้วได้เล่นกับอัลเลน จึงไม่ใช่แค่ได้เล่นร่วมกับผู้เล่นที่ดี แต่เหมือนได้เดินทางร่วมไปกับเพื่อนสนิทหนึ่งคน
จุดที่น่าสนใจของเซลติคส์ ในฤดูกาลนั้น คือไม่มีใครฉายเดี่ยว ทั้งการ์เนตต์, เพียร์ซ และ อัลเลน ไม่มีใครทำแต้มเฉลี่ยตอนจบฤดูกาลเกิน 20 แต้ม เพราะทุกคนจ่ายบอลให้กันตลอด (เพียร์ซ ทำแต้มเฉลี่ยสูงสุด 19.6)
เมื่อทีมเล่นดี เล่นสวย มีทีมเวิร์ก บรรยากาศในเมืองบอสตันก็คึกคัก เซลติคส์สามารถขายตั๋ว Sold Out ได้ทั้งหมด 41 เกมที่เล่นในบ้าน และสร้างสถิติคนดูสูงสุดตลอดกาล 7.6 แสนคนทั้งฤดูกาล
บอสตันเป็นอันดับ 1 ของสายตะวันออก มีสถิติชนะ 66 แพ้ 16 และเอาชนะรอบเพลย์ออฟมาได้เรื่อยๆ จนมาเจอกับอันดับ 1 ของสายตะวันตก นั่นคือแอลเอ เลเกอร์ส ทีมที่การ์เนตต์เคยแพ้มาก่อนตอนอยู่มินเนโซต้า
แต่คราวนี้ ด้วยพลังของ เพียร์ซ-การ์เนตต์-อัลเลน ทำให้บอสตัน เอาชนะเลเกอร์สของโคบี้ ไบรอันต์ได้สำเร็จ 4-2 เกม คว้าแชมป์ NBA ไปครองอย่างสวยงาม
นี่คือแชมป์สมัยแรกของการ์เนตต์ เขาตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ย้ายมาอยู่บอสตัน และได้โอกาสเล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่เก่งกาจแบบนี้ ในวันที่บอสตันเป็นแชมป์ การ์เนตต์ ตะโกนลั่นกลางสนามว่า "Anything is possibleeeeee" แปลว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ ในที่สุดเขาก็ไปถึงแชมเปี้ยนที่รอคอยได้จริงๆ
จริงอยู่ว่าบอสตันได้แชมป์ NBA ในปี 2008 แค่สมัยเดียว แต่เอาจริงๆ พวกเขามีทรงมาตลอด ในปี 2010 ได้เข้าชิง NBA แต่ไปแพ้เลเกอร์ส 4-3 อย่างสุดระทึก หรือในปี 2012 ก็เข้าชิงแชมป์สายตะวันออก แต่ไปแพ้ไมอามี่ ฮีท ของเลอบรอน เจมส์ อย่างตื่นเต้น
สิ่งที่การ์เนตต์เชื่อมาตลอด คือถ้ามี การ์เนตต-เพียร์ซ-อัลเลน ทีมก็ยังสามารถไปถึงแชมป์ได้อีกสักสมัย
อย่างไรก็ตาม หลังจบ NBA Finals 2012 สัญญาของอัลเลนหมดลง เซลติคส์ยื่นข้อเสนอให้ 2 ปี 12 ล้านดอลลาร์ แต่สิ่งที่พลิกความคาดหมายอย่างมาก คืออัลเลน ปฏิเสธเซลติคส์ แล้วไปเซ็นกับทีมแชมป์ไมอามี่ ฮีท ด้วยค่าตัว 2 ปี 6 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่เซลติคส์ยื่นให้ 2 เท่าตัว
ในมุมของอัลเลน เขาอยากได้แชมป์อีกสมัยก่อนเลิก แต่เชื่อว่าการย้ายไปไมอามี่ ที่มี เลอบรอน เจมส์, ดเวย์น เวด และ คริส บอช ดูจะมีลุ้นมากกว่าอยู่กับเซลติคส์ เพราะตอนนั้นการ์เนตต์ (36 ปี) และ เพียร์ซ (35 ปี) ก็อายุเยอะแล้วทั้งคู่ ดังนั้นไปเล่นกับเลอบรอน ที่อยู่ในช่วงพีก น่าจะมีลุ้นแชมป์ง่ายกว่า
อัลเลนบอกว่า "ผมรู้ว่าแฟนๆ ในเขตนิวอิงแลนด์คงไม่พอใจทางเลือกของผม แต่ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะโกรธแค้นขนาดนั้น พวกเขาทำเหมือนว่าผมเป็นเบเนดิกต์ อาร์โนลด์"
เบเนดิกต์ อาร์โนลด์ คือทหารสหรัฐฯ ที่แปรพักตร์ ไปอยู่กับอังกฤษ ตอนสงครามปฏิวัติอเมริกา ดังนั้นจึงเป็นตัวแทนของ "ความทรยศ" นี่ล่ะคือสิ่งที่แฟนๆ บอสตันมองอัลเลนขณะนั้น แทนที่จะอยู่ช่วยกันคว้าแชมป์ ดันไปเสริมกำลังให้ทีมที่เก่งอยู่แล้ว ให้เก่งขึ้นไปอีก
ไม่ใช่แค่แฟนๆ บอสตัน ที่โกรธแค้นอัลเลน คนที่เจ็บใจที่สุดคือเควิน การ์เนตต์ เพราะการย้ายออกของอัลเลน แปลว่าคุณภาพของทีมจะลดลง ด้วยตัวผู้เล่นที่มี มันไม่ดีพอที่จะไปลุ้นแชมป์อะไรได้
ดังนั้นในมุมของการ์เนตต์ มันเหมือนสูญเสียทั้งเพื่อนสนิท และเสียทั้งเพื่อนร่วมทีม เขารู้สึกว่าโดนอัลเลนทิ้งไว้กลางทาง ซึ่งแน่นอน การไม่มีผู้เล่นอันตรายที่ชี้เป็นชี้ตายในช็อตสำคัญได้ ทำให้ความฝันของการ์เนตต์ที่จะไปถึงแชมป์สมัยที่ 2 ก็สลายไปด้วย
ในฤดูกาล 2012-13 การ์เนตต์และบอสตัน ตกรอบเพลย์ออฟแบบไม่ได้ลุ้น ส่วนอัลเลนไปร่วมคว้าแชมป์ NBA กับไมอามี่ เรื่องนี้เป็นแรงบวกทำให้การ์เนตต์โกรธแค้นมากขึ้นเข้าไปอีก
การ์เนตต์ให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อนักบาสเกตบอลตัดสินใจโดยอิงจากผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว คุณไปโกรธเขาไม่ได้หรอก สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คืออวยพรให้เรย์ประสบความสำเร็จแค่นั้น"
"แต่จากนี้ไป ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาอีกแล้ว ผมจะไม่พยายามติดต่อกับเขาอีก"
ในเกมแรกที่ทั้งคู่ต้องปะทะกัน ตอนอัลเลนย้ายทีมแล้ว อัลเลนเดินมาจับมือกับสตาฟฟ์บอสตันทุกคน แต่พอถึงการ์เนตต์ การ์เนตต์เมินไม่ยอมจับมือด้วย
อัลเลนพยายามบอกทุกคนว่าการ์เนตต์เป็นพวก Passion สูง ดังนั้นก็คงไม่แปลกใจที่จะโกรธเขา อัลเลนกล่าวว่า "สำหรับ KG ถ้าคุณยายของเขาย้ายไปเล่นให้ทีมอื่น เขาก็คงไม่พอใจเหมือนกันนั่นแหละ!"
ความขัดแย้งลากยาวกันมาหลายปี ในปี 2017 เพื่อนๆ บอสตัน เซลติคส์ ชุดแชมป์ปี 2008 จัดงานรียูเนียน อัลเลนก็ไม่ได้ถูกเชิญ การ์เนตต์อธิบายว่า "ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงรียูเนียน เราพูดถึงกลุ่มนักกีฬาที่ภักดีกับทีมจริงๆ และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน"
ในปี 2018 บอสตัน เซลติคส์ เชิญอัลเลน ไปงาน Retire เบอร์เสื้อของพอล เพียร์ซ อัลเลนก็ไม่ไปร่วมงานด้วย
จากนั้น การ์เนตต์ลงรูปเก่าในอินสตาแกรม เป็นนักบาส 4 คนของบอสตัน ที่ติดทีมออลสตาร์ 2011 ประกอบด้วย การ์เนตต์, รอนโด้, เพียร์ซ และ อัลเลน ปรากฏว่า การ์เนตต์ ครอปอัลเลนที่ยืนขวาสุดทิ้งไปเลย แล้วลงรูปแค่ 3 คนที่เหลือ
ทั้งคู่ไม่คุยกัน และไม่ติดตามกันในโซเชียลมีเดีย เป็นเวลา 10 ปีเต็ม จากคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก เคยคว้าแชมป์ร่วมกัน กลายมาห่างเหินเป็นคนไม่รู้จักกัน
ในปี 2022 NBA ประกาศรายชื่อ 75 ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของลีก ในวาระครบรอบ 75 ปี NBA ซึ่งการ์เนตต์, เพียร์ซ และ อัลเลน ก็ติดทีมด้วย
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ NBA จัดงาน Ceremony เป็นเกียรติกับ 75 นักกีฬาที่คลีฟแลนด์ ในช่วงพักครึ่งเกมออลสตาร์ ซึ่งคราวนี้ อัลเลน กับ การ์เนตต์ ที่หลบหน้ากันมาตลอด จึงมีโอกาสมาอยู่ในสถานที่เดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ (ต่อความเห็นที่1)
เรื่องดีๆของบิ๊กทรีแห่งบอสตัน เซลติกส์ ที่กลับมาดีกันดังเดิม
________________________
ในชีวิตของเรา อาจเคยสนิทกับใครสักคนมากๆ แต่กลับไม่พอใจกันในบางเรื่อง รู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้คุยกันเป็นปีๆ แล้ว
ช่วงแรกๆ ที่ทะเลาะกัน อาจจะรู้สึกว่าช่างสิ แกจะไปไหนก็ไป แต่เชื่อไหม ว่าเวลาผ่านไปนานๆ เข้า พอเราโตขึ้น เรื่องที่เคยทะเลาะกัน (ถ้าไม่ใช่กรณีคอขาดบาดตาย) มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กมาก จนบางทีเราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า ไม่พอใจกันเรื่องอะไร
เหตุการณ์สุดประทับใจในบาสเกตบอล NBA เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ในงานวันประกาศรีไทร์เสื้อแข่งขัน ของเควิน การ์เนตต์ อดีตนักบาสเกตบอลของบอสตัน เซลติคส์
แบ็กกราวน์ของการ์เนตต์ เขาเป็นผู้เล่นตำแหน่งพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ถูกดราฟต์เข้าลีก เป็นอันดับ 5 ในปี 1995 โดยมินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์
ในยุคนั้น มินเนโซต้า เป็นทีมที่ไม่ค่อยแข็งแกร่ง ตั้งแต่ก่อตั้งแฟรนไชส์มา ยังไม่เคยเข้าเพลย์ออฟเลยสักครั้ง แต่ทันทีที่ดราฟต์การ์เนตต์เข้ามา ทีมเข้าเพลย์ออฟ ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน
อย่างไรก็ตาม ใน NBA ถ้าทีมของคุณองค์ประกอบไม่ดีพอ มันก็ยากที่จะเข้ารอบลึกๆ ในเพลย์ออฟได้ นั่นทำให้ มินเนโซต้าที่เป็นทีมวันแมนโชว์ ตกรอบแรกเพลย์ออฟ 7 ปี ติดต่อกัน
เข้าสู่ซีซั่น 2003-04 การ์เนตต์เล่นบาสเกตบอลดีที่สุดในชีวิต เขาได้รางวัล MVP ในฤดูกาลปกติ และพามินเนโซต้าเข้าชิง NBA แต่ก็ไปได้ถึงแค่รอบชิงแชมป์สายตะวันตก เมื่อไปแพ้แอลเอ เลเกอร์ส 4-2 เกม
สิ่งที่การ์เนตต์ต้องยอมรับความจริงคือ เลเกอร์ส มีองค์ประกอบดีกว่าจริงๆ ในทีมมีทั้ง ชาคิล โอนีล, โคบี้ ไบรอันต์, เดเร็ก ฟิชเชอร์ และ ริค ฟ็อกซ์ ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมแข็งแกร่งกว่าทีมที่เล่นวันแมนโชว์แบบมินเนโซต้า
หลังเล่นกับมินเนโซต้า 12 ปี จนอายุ 31 การ์เนตต์ทนไม่ไหวแล้วกับการแบกทีม เขาเป็นออลสตาร์ 10 สมัย แต่ไม่สามารถได้แหวนแชมป์เลยแม้แต่วงเดียว ในฐานะนักบาส มันเหมือนโพรไฟล์ของเขายังไม่เติมเต็ม ดังนั้นจึงตัดสินใจขอเทรดย้ายไปทีมที่น่าจะมีลุ้นแชมป์มากกว่านี้
สุดท้าย บอสตัน เซลติคส์ ตัดสินใจเอา โดยเอานักบาส 5 คน บวกสิทธิ์ดราฟต์รอบแรกไปแลกมา แสดงให้เห็นเลยว่า คุณค่าของการ์เนตต์ ณ เวลานั้น มันมากมายขนาดไหน
การ์เนตต์ ย้ายมาบอสตัน เซลติคส์ ในฤดูกาล 2007-08 และสิ่งที่เขาได้ค้นพบเป็นครั้งแรกคือ "ทีมที่ดี"
บอสตัน มีสมอล ฟอร์เวิร์ด ที่เก่งกาจที่ชื่อ พอล เพียร์ซ อยู่แล้ว (ออลสตาร์ 5 สมัย ในเวลาต่อมา ได้แชมป์ 3-point contest ด้วย)
นอกจากนั้น พวกเขายังเทรดชูตติ้งการ์ดอัจฉริยะ ที่ชื่อ เรย์ อัลเลน เข้ามาอีก (ออลสตาร์ 7 สมัย และ แชมป์ 3-point contest ปี 2001) โดยอัลเลน ณ เวลานั้น มีสถิติยิงสามแต้มลงถึง 37.2% เป็นตัวยิงไกลที่ร้ายกาจมาก
เท่ากับว่าวงนอก มีอัลเลน ระยะกลางมีเพียร์ซ ส่วนวงในก็มีการ์เนตต์ กลายเป็นว่าเซลติคส์ มี Big 3 ที่แข็งแกร่งพอที่จะลุ้นแชมป์ได้เลย นี่ยังไม่นับดาวรุ่งอย่างราฮอน รอนโด้ ที่มีไอคิวเป็นเลิศอีกคนด้วย
ความสัมพันธ์ของการ์เนตต์ กับ อัลเลนนั้นแน่นแฟ้นมาก เพราะทั้งคู่อายุเท่ากัน สมัยมัธยม เรียนอยู่ในรัฐเดียวกันคือเซาธ์ แคโรไลน่า ดังนั้นจึงเจอกันตลอด การ์เนตต์ ครั้งหนึ่งเคยจีบน้องสาวของอัลเลนด้วย ดังนั้นในมุมของการ์เนตต์ การย้ายมาบอสตันครั้งนี้แล้วได้เล่นกับอัลเลน จึงไม่ใช่แค่ได้เล่นร่วมกับผู้เล่นที่ดี แต่เหมือนได้เดินทางร่วมไปกับเพื่อนสนิทหนึ่งคน
จุดที่น่าสนใจของเซลติคส์ ในฤดูกาลนั้น คือไม่มีใครฉายเดี่ยว ทั้งการ์เนตต์, เพียร์ซ และ อัลเลน ไม่มีใครทำแต้มเฉลี่ยตอนจบฤดูกาลเกิน 20 แต้ม เพราะทุกคนจ่ายบอลให้กันตลอด (เพียร์ซ ทำแต้มเฉลี่ยสูงสุด 19.6)
เมื่อทีมเล่นดี เล่นสวย มีทีมเวิร์ก บรรยากาศในเมืองบอสตันก็คึกคัก เซลติคส์สามารถขายตั๋ว Sold Out ได้ทั้งหมด 41 เกมที่เล่นในบ้าน และสร้างสถิติคนดูสูงสุดตลอดกาล 7.6 แสนคนทั้งฤดูกาล
บอสตันเป็นอันดับ 1 ของสายตะวันออก มีสถิติชนะ 66 แพ้ 16 และเอาชนะรอบเพลย์ออฟมาได้เรื่อยๆ จนมาเจอกับอันดับ 1 ของสายตะวันตก นั่นคือแอลเอ เลเกอร์ส ทีมที่การ์เนตต์เคยแพ้มาก่อนตอนอยู่มินเนโซต้า
แต่คราวนี้ ด้วยพลังของ เพียร์ซ-การ์เนตต์-อัลเลน ทำให้บอสตัน เอาชนะเลเกอร์สของโคบี้ ไบรอันต์ได้สำเร็จ 4-2 เกม คว้าแชมป์ NBA ไปครองอย่างสวยงาม
นี่คือแชมป์สมัยแรกของการ์เนตต์ เขาตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ย้ายมาอยู่บอสตัน และได้โอกาสเล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่เก่งกาจแบบนี้ ในวันที่บอสตันเป็นแชมป์ การ์เนตต์ ตะโกนลั่นกลางสนามว่า "Anything is possibleeeeee" แปลว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ ในที่สุดเขาก็ไปถึงแชมเปี้ยนที่รอคอยได้จริงๆ
จริงอยู่ว่าบอสตันได้แชมป์ NBA ในปี 2008 แค่สมัยเดียว แต่เอาจริงๆ พวกเขามีทรงมาตลอด ในปี 2010 ได้เข้าชิง NBA แต่ไปแพ้เลเกอร์ส 4-3 อย่างสุดระทึก หรือในปี 2012 ก็เข้าชิงแชมป์สายตะวันออก แต่ไปแพ้ไมอามี่ ฮีท ของเลอบรอน เจมส์ อย่างตื่นเต้น
สิ่งที่การ์เนตต์เชื่อมาตลอด คือถ้ามี การ์เนตต-เพียร์ซ-อัลเลน ทีมก็ยังสามารถไปถึงแชมป์ได้อีกสักสมัย
อย่างไรก็ตาม หลังจบ NBA Finals 2012 สัญญาของอัลเลนหมดลง เซลติคส์ยื่นข้อเสนอให้ 2 ปี 12 ล้านดอลลาร์ แต่สิ่งที่พลิกความคาดหมายอย่างมาก คืออัลเลน ปฏิเสธเซลติคส์ แล้วไปเซ็นกับทีมแชมป์ไมอามี่ ฮีท ด้วยค่าตัว 2 ปี 6 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่เซลติคส์ยื่นให้ 2 เท่าตัว
ในมุมของอัลเลน เขาอยากได้แชมป์อีกสมัยก่อนเลิก แต่เชื่อว่าการย้ายไปไมอามี่ ที่มี เลอบรอน เจมส์, ดเวย์น เวด และ คริส บอช ดูจะมีลุ้นมากกว่าอยู่กับเซลติคส์ เพราะตอนนั้นการ์เนตต์ (36 ปี) และ เพียร์ซ (35 ปี) ก็อายุเยอะแล้วทั้งคู่ ดังนั้นไปเล่นกับเลอบรอน ที่อยู่ในช่วงพีก น่าจะมีลุ้นแชมป์ง่ายกว่า
อัลเลนบอกว่า "ผมรู้ว่าแฟนๆ ในเขตนิวอิงแลนด์คงไม่พอใจทางเลือกของผม แต่ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะโกรธแค้นขนาดนั้น พวกเขาทำเหมือนว่าผมเป็นเบเนดิกต์ อาร์โนลด์"
เบเนดิกต์ อาร์โนลด์ คือทหารสหรัฐฯ ที่แปรพักตร์ ไปอยู่กับอังกฤษ ตอนสงครามปฏิวัติอเมริกา ดังนั้นจึงเป็นตัวแทนของ "ความทรยศ" นี่ล่ะคือสิ่งที่แฟนๆ บอสตันมองอัลเลนขณะนั้น แทนที่จะอยู่ช่วยกันคว้าแชมป์ ดันไปเสริมกำลังให้ทีมที่เก่งอยู่แล้ว ให้เก่งขึ้นไปอีก
ไม่ใช่แค่แฟนๆ บอสตัน ที่โกรธแค้นอัลเลน คนที่เจ็บใจที่สุดคือเควิน การ์เนตต์ เพราะการย้ายออกของอัลเลน แปลว่าคุณภาพของทีมจะลดลง ด้วยตัวผู้เล่นที่มี มันไม่ดีพอที่จะไปลุ้นแชมป์อะไรได้
ดังนั้นในมุมของการ์เนตต์ มันเหมือนสูญเสียทั้งเพื่อนสนิท และเสียทั้งเพื่อนร่วมทีม เขารู้สึกว่าโดนอัลเลนทิ้งไว้กลางทาง ซึ่งแน่นอน การไม่มีผู้เล่นอันตรายที่ชี้เป็นชี้ตายในช็อตสำคัญได้ ทำให้ความฝันของการ์เนตต์ที่จะไปถึงแชมป์สมัยที่ 2 ก็สลายไปด้วย
ในฤดูกาล 2012-13 การ์เนตต์และบอสตัน ตกรอบเพลย์ออฟแบบไม่ได้ลุ้น ส่วนอัลเลนไปร่วมคว้าแชมป์ NBA กับไมอามี่ เรื่องนี้เป็นแรงบวกทำให้การ์เนตต์โกรธแค้นมากขึ้นเข้าไปอีก
การ์เนตต์ให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อนักบาสเกตบอลตัดสินใจโดยอิงจากผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว คุณไปโกรธเขาไม่ได้หรอก สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คืออวยพรให้เรย์ประสบความสำเร็จแค่นั้น"
"แต่จากนี้ไป ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาอีกแล้ว ผมจะไม่พยายามติดต่อกับเขาอีก"
ในเกมแรกที่ทั้งคู่ต้องปะทะกัน ตอนอัลเลนย้ายทีมแล้ว อัลเลนเดินมาจับมือกับสตาฟฟ์บอสตันทุกคน แต่พอถึงการ์เนตต์ การ์เนตต์เมินไม่ยอมจับมือด้วย
อัลเลนพยายามบอกทุกคนว่าการ์เนตต์เป็นพวก Passion สูง ดังนั้นก็คงไม่แปลกใจที่จะโกรธเขา อัลเลนกล่าวว่า "สำหรับ KG ถ้าคุณยายของเขาย้ายไปเล่นให้ทีมอื่น เขาก็คงไม่พอใจเหมือนกันนั่นแหละ!"
ความขัดแย้งลากยาวกันมาหลายปี ในปี 2017 เพื่อนๆ บอสตัน เซลติคส์ ชุดแชมป์ปี 2008 จัดงานรียูเนียน อัลเลนก็ไม่ได้ถูกเชิญ การ์เนตต์อธิบายว่า "ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงรียูเนียน เราพูดถึงกลุ่มนักกีฬาที่ภักดีกับทีมจริงๆ และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน"
ในปี 2018 บอสตัน เซลติคส์ เชิญอัลเลน ไปงาน Retire เบอร์เสื้อของพอล เพียร์ซ อัลเลนก็ไม่ไปร่วมงานด้วย
จากนั้น การ์เนตต์ลงรูปเก่าในอินสตาแกรม เป็นนักบาส 4 คนของบอสตัน ที่ติดทีมออลสตาร์ 2011 ประกอบด้วย การ์เนตต์, รอนโด้, เพียร์ซ และ อัลเลน ปรากฏว่า การ์เนตต์ ครอปอัลเลนที่ยืนขวาสุดทิ้งไปเลย แล้วลงรูปแค่ 3 คนที่เหลือ
ทั้งคู่ไม่คุยกัน และไม่ติดตามกันในโซเชียลมีเดีย เป็นเวลา 10 ปีเต็ม จากคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก เคยคว้าแชมป์ร่วมกัน กลายมาห่างเหินเป็นคนไม่รู้จักกัน
ในปี 2022 NBA ประกาศรายชื่อ 75 ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของลีก ในวาระครบรอบ 75 ปี NBA ซึ่งการ์เนตต์, เพียร์ซ และ อัลเลน ก็ติดทีมด้วย
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ NBA จัดงาน Ceremony เป็นเกียรติกับ 75 นักกีฬาที่คลีฟแลนด์ ในช่วงพักครึ่งเกมออลสตาร์ ซึ่งคราวนี้ อัลเลน กับ การ์เนตต์ ที่หลบหน้ากันมาตลอด จึงมีโอกาสมาอยู่ในสถานที่เดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ (ต่อความเห็นที่1)