รีวิวชีวิตวัย 27 ปี กับสิ่งที่เราต้องเจอ ระยะเวลาสั้นๆแต่มันแย่ที่สุดในชีวิต.........

สวัสดีค่ะ 
กระทู้นี้ เราแค่อยากแชร์เรื่องราวที่เจอในระยะเวลาสั้นๆ ของผญ อายุ 27 ปี ...

ก่อนอื่นเลย เราแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเป็นผญ อายุ 27 จะเข้า 28 ในเดือนนี้  เรื่องที่เราจะแชร์เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันทำให้เราถึงจุดต่ำสุด จนถึงตอนนี้ เราเรียนจบ ป.ตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราทำงานเป็น sale engineer อยู่บริษัทญี่ปุ่นแถวสมุทรปราการ ชีวิตการทำงานมีขึ้นมีลง มีแฟนที่คบมา 1 คน หนี้สินที่มีติดตัวคือ มีรถยนต์ 2 คันและบัตรเครดิต ไม่รวมหนี้สินที่บ้าน
แต่.... เริ่มมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อครอบครัวเราโดนยึดบ้านขายทอดตลาด จนสุดท้ายได้ลุงเป็นคนมาซื้อบ้านที่ดินทั้งหมดและบ้านโอนเป็นชื่อลุง โดยหนี้สินที่เกิดขึ้นมาจากพ่อแม่ของเราที่กู้เงินมาทำกิจการและขาดส่งไป จากบ้านที่อยู่ตั้งแต่เล็กจนโต ก็ไม่ใช่บ้านของเราอีกต่อไป พ่อเราทำงานเป็นผู้รับเหมาและแม่มาอยู่กับพ่อ ทำงานที่ชลบุรีพร้อมน้องชายเรา ทำงานอยู่ดีดี พ่อเราป่วยกระทันหัน เป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ไม่สามารถทำงานหนักได้ แต่ยังโชคดีที่พ่อเรายังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ชีวิตผลิกผลันจากพ่อเหมางานอยู่ชลบุรี มีคนมาชวนไปเหมางานที่ สงขลา ด้วยความที่ว่าอยากได้เงินมาไถ่ถอนบ้านจากลุงและปิดหนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมด เลยตัดสินใจลงไปทำ ( พ่อเราป่วยแต่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ทำงานได้เล็กน้อยแค่จะเชื่องช้า ) พ่อแม่น้องพร้อมคนงาน ลงไปทำงานที่สงขลาเมื่อ สิงหาปี64 ทำได้เรื่อยๆ หุ้นส่วนที่ชวนลงมาเริ่มเบิกเงินไปใช้ส่วนตัว การเงินเริ่มไม่ลงรอย บวกกับงานที่ยาก เป็นงานเชื่อมติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานสร้างใหม่ ทำงานได้ 2 เดือนสถานการณ์เริ่มไม่ดีขึ้น การเงินขัดสน จนเราและแฟนตัดสินใจลาออกจากงานประจำกันทั้งคู่เพื่อที่จะลงไปช่วยพ่อทำงาน ตอนนั้นเราคิดว่าถ้าเราลงมือทำเร็ว เราก็จะได้เงินเร็ว ประสบความสำเร็จเร็ว เราลงไปสงขลากับแฟน ด้วยเงินก้อนสุดท้าย หนึ่งแสนบาท พอไปถึงมันไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด เราคิดว่าเราจะไปเหมางานคงไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนงานทำให้แต่เปล่าเลย พ่อเราไม่มีงาน ลงไปก็ต้องหางานที่จะเหมาเอง เพื่อรองาน เราก็ไปทำงานรายวัน โดยได้เงินวันละ 300 บาท คือเดินแบกของ ทาสี เป็นงานกรรมกร แต่ก็คิดว่าดีกว่าไม่มีอะไรทำ ทำไปได้สักเดือนนึง ก็ได้งานที่ใหม่ เข้ามาอยู่ในหาดใหญ่เหมางานของบริษัทแห่งนึง ตอนเข้ามาคุยทำสัญญาเรื่องเงิน เรื่องงาน คุยแบบดิบดี เงินจ่ายตรงไม่มีโกงแน่นอน พอทำได้สักเดือนกว่าๆ ขอเบิกเงิน ได้เงินครั้งละ 5000 บ้าง 7000 บ้าง ไม่พอแม้กระทั่งค่าเช่าบ้าน ทั้งค่ากินค่าอยู่ ทุกอย่างคือมาตกที่เรา เราใช้เงินที่พกไปซื้อเครื่องมือเพิ่ม จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าข้าว คือทุกอย่างเราเป็นคนจ่าย ทำงานกันเรื่อยๆ หวังว่าไม่เบิกเงินมาจะได้เงินก้อนก่อนปีใหม่ พอถึงวันที่ 30 ธค 64 คือวันที่เราตั้งเบิกเงิน เพื่อที่จะจ่ายค่าแรงคนงาน และกลับบ้านปีใหม่ บริษัทนั้นให้เงินเรามา 7000 บาทถ้วน ไม่ผิด 7000 บาท เราตั้งเบิกไป 40000 เขาให้เหตุผลว่า งานยังไม่ส่งเลยให้เบิกไม่ได้ ทั้งที่งานเราทำให้เสร็จหมดแล้ว วันนั้นเราร้องไห้ตั้งแต่หน้างาน เอาเงินให้คนงานคนละ2000 พัน ไม่พอด้วยซ้ำ เรามีเงินติดตัว 200 ไม่รู้จะกินข้าวยังไง จะกลับบ้านก็ไม่มีเงินกลับ หนี้บัตร หนี้งวดรถ ค้างมา 3 เดือนตั้งแต่ลงไปทำ แฟนเราก้ร้องไห้ด้วย เพราะเขาลาออกจากงานมา ตัดสินใจมาอยู่กับเรา แต่เขาก็ต้องมาหมดตัวเหมือนกัน มันแย่มากๆ เป็นปีใหม่ที่ดิ่งที่สุด เรา แฟน พ่อแม่น้องเรา นั่งด้วยกัน คิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง อ่อ รถเราสองคัน อีกคันโดนชนแล้วหนี้ เอาไปเครมอู่ มีขับแค่คันเดียว จะกลับบ้านก็ขนของไม่หมด เราเอาทองที่มีไปขาย เอาเงินให้คนงานกลับบ้าน สุดท้ายหลังปีใหม่ เราคิดว่ายังไงคงไม่ได้เงินที่ทำงานมาแน่นอน พ่อเลยตัดสินใจยืมเงิน ได้เงินมา 25000 ค่ารถที่ต้องเหมาขนของและเครื่องมือกลับก็ 11000 แล้ว เพราะเราขนของกลับบ้านแฟน ที่อยู่ภาคเหนือ เราตัดสินใจขนของทุกอย่างกลับบ้านแฟน เพราะคิดว่ายังไงขนกลับบ้าน ก็ไม่ใช่บ้านเรา เขาจะมาไล่ให้ย้ายออกตอนไหนไม่รู้ แม่กับพ่อตัดสินใจกลับไปอยู่บ้าน เราขับรถยนต์จากสงขลา โดยทิ้งรถเก๋งไว้ที่อู่เพราะซ่อมยังไม่เสร็จ ประหยัดเงินที่มีไว้เติมน้ำมัน มาส่งพ่อแม่ ที่อยุธยา ขึ้นรถไฟชั้น 3 กลับ ส่วนเราและแฟนขับรถต่อไปที่บ้านของแฟน จากใต้สุดมาเหนือสุด เหนื่อยจนแทบไม่มีแรงหายใจ ทุกอย่างมันมืดไปหมด เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งที่ใต้ สรุปไปเหมางานมา 3 เดือน ไม่ได้อะไรสักอย่าง หมดเนื้อหมดตัว พอไปถึงบ้านแฟน พักได้ 2 วันเราก็เริ่มอยากขายของ โดยขายอะไรที่ไม่ลงทุนเยอะ เลยขายเฟรนฟราย และไก่เขย่าหน้าบ้านแฟน ก็พอขายได้ เงินที่ลงทุน 2000 บาทมาจากขายแหวนวงสุดท้าย ถ้าเราไม่มีหนี้ เราก็อยู่ได้แบบสบายๆ เพราะอากาศดี สงบ ไม่มีใครรู้จักเรา เหมือนเราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่  ขายได้ไม่นาน งวดรถก็ค้างมา 3 งวด ไหนจะหนี้บัตรอีก เราดิ่งมาก อยากจะโดดน้ำตายให้มันจบๆ ปัญหาไป แต่ก็คิดถึงพ่อแม่ ว่าตอนนี้มันแย่ขนาดนี้ ถ้าเราไม่อยู่จะแย่ขนาดไหน สุดท้ายที่ทำงานเก่าของแฟนเรา มาตามแฟนเราให้กลับไปทำงาน เราเลยตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อต้นเดือน กพ 65 ว่าจะขึ้นมาลองอีกสักตั้ง แฟนเราเบิกเงินล่วงหน้ามา 5000 บาทเพื่อเติมน้ำมันรถขับมาทำงานที่สมุทรปราการ เรายังโชคดีที่บริษัทแฟนมีบ้านพักบริษัทให้ เราเลยไม่ต้องเสียเงินค่ามัดจำห้อง ขึ้นมา 2 อาทิตย์เราก็ได้งานใหม่ทำ แต่กว่าจะได้ก็ต้องขับรถหา นั่งวิน นั่งสองแถวหาจนท้อ ทำงานมาจนถึงต้นเดือนมีนา ก็ต้องลงไปเอารถที่อยู่สงขลา ยืมเงินไปเอาอีก พร้อมกับกู้นอกระบบ มาจ่ายงวดรถ ตอนนี้เป็นหนี้นอกระบบด้วย ในระบบด้วย แบบเป็นหนี้ไปหมดทุกทิศทาง เอารถกลับมากระจกก็แตก ยางรถก็บวม คือทำไมมันจะต้องขนาดนี้ชีวิต เคยคิดว่ามันแย่มาก สองอาทิตย์แรกที่ขึ้นมาหางานใหม่ๆ มันดิ่งมาก เราร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน แต่แฟนก็ยังอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน แฟนเราอยู่ข้างๆ ตลอดไม่เคยทิ้ง ไม่เคยหนี มีแค่เราที่ทำให้ชีวิตเขาแย่ เราพาเขาไปลำบาก
บางครั้งเราก็คิดว่าถ้าเราไม่ลาออกจากงานไปเหมางานกับพ่อ มันคงจะดีกว่านี้ แต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว 
เราไม่เคยคิดโทษพ่อแม่เรา ที่มีหนี้สินมากมาย เราไม่เคยโกรธที่พ่อแม่เราไม่มีที่ดิน หรือสมบัติให้เหมือนคนอื่น 
แค่เรายังมีพ่อแม่ให้โทรหาทุกวันมันก็ดีมากพอแล้ว เราเครียดแค่ไหนก็ไม่เคยร้องไห้หรือบอกพ่อแม่สักครั้ง เราแบกรับปัญหาหนี้สินนี้มาตั้งแต่เรียน จนทำงาน ถ้าทุกคนจะถามว่า ทำไมไม่ใช้หนี้จนทำให้บ้านโดนขายทอดตลาด คือเราก็ไม่ได้รู้ว่า หนี้มีอะไรบ้าง ถ้ารู้เราก็พยายามหาใช้  ตอนนี้เราก็พยายามหมุนเงินใช้หนี้ให้ได้มากที่สุด เงินเดือนคนงานที่เราค้างจ่าย เราก็ทยอยโอนให้ คือถ้ามีก็โอนเลย 
เคยคิดไหมว่าทำไมชีวิตมันแย่ขนาดนี้ว่ะ จากเมื่อก่อนอยู่ห้องพักมีสิ่งของอำนวยความสะดวกทุกอย่างสะดวกสบายตอนนี้เรามีแค่ที่นอนกับราวตากผ้า 555
เรากับแฟนคิดว่ามาเริ่มต้นใหม่ เราอยู่ได้ มีแค่นี้ก็อยู่ได้ คือเราหายไปจากโลกโซเชี่ยว 3 เดือนตั้งแต่ชีวิตมันแย่ มีแค่คุยแชทกับพ่อแม่ แฟนแค่นี้ เราคิดว่าถ้าเราโพสชีวิตแย่ๆ ใน facebook คนรอจะซ้ำเติมเยอะ จะทำให้เราหมดกำลังใจ ซึ่งบางครั้งช่วงที่หางานทำ เดินข้ามสะพานลอยก็อยากจะโดดลงมาด้วยซ้ำ ทุกวันนี้เหมือนเป็นคนไม่มีเพื่อนไปแล้ว คนรอบข้างใช้ชีวิตมีความสุข ทำงานมั่นคง มีบ้าน มีครอบครัว แต่เรายังไม่มีอะไร ยกเว้นหนี้สิน บ้านก็ไม่มี ถ้าลุงมาไล่พ่อแม่เราออกจากบ้าน ก็คงจะย้ายไปอยู่บ้านแฟนแหละ เห้ออออ......
ทุกปัญหามันจะมีทางออกจริงหรอ.... นี่แหละรสชาติของชีวิต เราแค่อยากระบายออกมาแค่นั้นเอง เลยเขียนกระทู้ขึ้นมา 
แค่ไม่รู้จะระบายมันออกทางไหน ไม่อยากระบายให้แฟนเราฟัง สงสารเขา 
บางครั้งเครียดมากๆ ก็แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ กลัวแฟนจะรู้ 
ขอบคุณพันทิบที่ให้เราได้ระบาย สิ่งที่เราต้องเจอ ระยะเวลาสั้นๆ แต่มันแย่ที่สุดที่เคยเจอมาเลย ^^
-
-
-
 
 สุดท้ายก็ขอให้เรามีชีวิตอยู่กับพ่อแม่ และแฟนไปนานๆ ขอให้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ได้มีความสุขจริงๆ สักที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่