It’s a Summer Film!: (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้วหน้าร้อนนี้
" นี่คือ จดหมายรักแด่คนรักภาพยนตร์... อาจจะไม่ได้เนี้ยบ สมบูรณ์ แต่พลังลูกบ้า ทำให้ได้ใจไป 100% "
สวัสดีครับทุกท่าน... เนื่องจากเรื่อง
It’s a Summer Film! (2020) กำลังเข้าฉายภาพยนตร์ในวันนี้เป็นวันแรก ผมจึงอยากจะมารีวิวแชร์เรื่องนี้สักหน่อย
ผมมีโอกาสได้ชม It’s a Summer Film! ผ่าน
เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ (JAPANESE FILM FESTIVAL ONLINE 2022) อยากจะขอชมว่า It’s a Summer Film!
เป็นหนังญี่ปุ่นสนุก น่าสนใจ เต็มไปด้วย Energy ของเหล่าสาววัยใส พร้อมกับการเป็นจดหมายรักแด่ผู้รักในภาพยนตร์ จึงไม่อยากให้พลาดกันครับ !
เรื่องย่อ
It's a Summer Film ! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้วหน้าร้อนนี้ ! - Official Trailer
[ แจ้งเตือน - ผมรู้สึกว่า Trailer เปิดเผยเนื้อหาค่อนข้างเยอะ... ถ้าอยากเซอร์ไพร์ส ก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปดู Trailer นะครับ 😀 ]
It’s a Summer Film! (2020) ได้รับการกำกับโดย
Sôshi Masumoto เนื้อเรื่องพูดถึงชีวิตมัธยมของ
"เท้าเปล่า (Marika Itô)" เด็กสาวผู้รักและบ้าคลั่งในภาพยนตร์สายคลาสสิคขนานแท้
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเหล่าเพื่อน ๆ ของเท้าเปล่าในชมรมภาพยนตร์วางแผนจะถ่ายทำหนังรักโรแมนติค เพื่อฉายในเทศกาลหนังของโรงเรียน เท้าเปล่าผู้แอนตี้ในหนังรักฉาบฉวย จึงวางแผนแก้ทางโดยรวบรวมเพื่อน ๆ มาสร้างหนังซามูไรย้อนยุค เพื่อแข่งกับอีกทีมหนึ่ง พร้อมกับนำเอา
"รินทาโร่ (Daichi Kaneko)" เด็กหนุ่มปริศนาที่ได้เข้ามาอยู่ในโปรเจคนี้โดยบังเอิญมาเป็นพระเอก
การถ่ายทำในครั้งนี้ก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายมากมาย และเรื่องราวที่คาดไม่ถึง อันจะบ่งบอกได้ถึงความรักที่มีต่อวงการภาพยนตร์ของเท้าเปล่า...
ความรู้สึกหลังชม
โฟมว่ายน้ำ (Yumi Kawai), เท้าเปล่า (Marika Itô) และ บลูฮาวาย (Kirara Inori)
- ครั้งแรกสุดที่ได้เห็นหนังเรื่องนี้ คือได้เห็นภาพ Poster หนังจากเพจใน Facebook รู้สึกสะดุดตามาก... หลังจากที่ได้มาชมจริง ก็อมยิ้มทั้งเรื่อง เป็นหนังที่ลูกบ้าเยอะจริง ๆ (สไตล์หนังคอมเมดี้ญี่ปุ่น) บางซีนขณะดูนี่ก็ถึงกับร้องว่าอีหยังวะ เอางี้จริงดิ แต่ด้วย Energy ของหนังที่แฝงไว้ พร้อมทั้งไปได้สุดทาง ทำให้ได้ใจไปเต็ม ๆ
- อย่างว่านี่คือ หนัง
"จดหมายรักถึงวงการภาพยนตร์" ในเรื่องมีการ Tribute ถึงหนังญี่ปุ่นในอดีตมากมาย โดยที่พูดถึงบ่อยที่สุดคือ
"ภาพยนตร์ซามูไรย้อนยุค" ซึ่งสร้างชื่อให้กับวงการหนังญี่ปุ่นในอดีต ยิ่งถ้าใครเคยดูหนังของ
Akira Kurosawa ก็จะเห็นภาพเลยว่า หนังซามูไรของแกมีมนต์เสน่ห์เหนือกาลเวลา แถมเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังคาวบอย ยุค 60-70 (Spaghetti Western) มากมาย...
Seven Samurai (1954) ของ Akira Kurosawa - ต้นแบบของ The Magnificent Seven หนังคาวบอยที่ถูกรีเมคมาแล้วหลายเวอร์ชั่น
การ Tribute ถึงหนังซามูไรย้อนยุค ก็มีการพูดถึงหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะหนังเรื่องต่าง ๆ รวมถึงดาราภาพยนตร์ในอดีต อย่างในเรื่องที่ผมได้ยิน ก็มีการพูดถึง
Toshiro Mifune อยู่บ่อยครั้ง มิฟุเนะเป็นนักแสดงอมตะของญี่ปุ่นที่เล่นหนังซามูไรย้อนยุคมาแล้วมากมาย หลาย ๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นชินกับชื่อนี้ แต่ถ้าใครเป็นคอหนังซามูไรของย้อนยุคจะต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับชื่อนี้อย่างแน่นอน
It’s a Summer Film! จึงอาจเป็นสาสน์รักถึงวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น... มันคือการบอกรักของ "เท้าเปล่า" (และผู้กำกับ) เพื่อสดุดียกย่องถึงยุคทองของวงการหนังญี่ปุ่นในวันวาน เป็นการรำลึกถึงอดีตอันยิ่งใหญ่ของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่มีผลต่อวงการภาพยนตร์โลก
Toshiro Mifune นักแสดงระดับตำนานของญี่ปุ่น
- นอกจากนี้
It’s a Summer Film! ก็ผสมแนวหนังยอดฮิตของญี่ปุ่นมาไว้อีกเพียบ ทั้ง Scifi ย้อนเวลา / หนังรักโรแมนติก... ทุกแนวยอดฮิตของญี่ปุ่นถูกเอามาใส่ล้อไว้หมด ตัวเรื่องจึงอาจมีความไม่ลงตัว ผสมกันปนปี้ แต่สิ่งที่นำเสนอออกมา ต้องบอกว่าทำได้น่าสนใจ มีทิศทางที่ดี พร้อมกับมุกตลกมากมายที่ล้อเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในวงการภาพยนตร์ ยาวไปถึงทีมงานกองถ่าย !
- ประเด็นอีกอย่างที่ผมชอบคือ การพูดถึงการปะทะกันระหว่าง
"ภาพยนตร์สาย Mainstream" (ในเรื่องคือ
หนังรักโรแมนติก) และ
"หนัง Art House" (ในเรื่องคือ
หนังซามูไรของเท้าเปล่า) หนังนำเสนอไว้น่าคิดดี แถมยังเอ่ยถึงการประนีประนอม ซึ่งส่งผลให้เกิดการร่วมมือกัน และทำให้ทุกฝ่ายประสบความสำเร็จในที่สุด
รินทาโร่ (Daichi Kaneko) และ เท้าเปล่า (Marika Itô)
- อีกอย่างที่ชอบเป็นพิเศษ คือ โทนสีและมุมกล้องในการถ่าย ในเรื่อง สีภาพและมุมกล้องสวยจริง ๆ ดูแล้วอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย
- ในส่วนนักแสดง นักแสดงแต่ละท่านอาจจะไม่ได้แสดงเนี้ยบมาก ออกไปทางล้น ๆ หน่อย แต่โดยรวมก็เข้ากับตัวหนังที่เปี่ยมไปด้วย Energy ดี
- ส่วนสุดท้ายที่อาจไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ปิดท้ายหนังได้อย่างสมบูรณ์ คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ของ Cody・Lee(李) เพราะมาก
Cody・Lee(李) - มนุษย์ต่างดาวกับคืนที่ร้อนอบอ้าว
สรุป
It’s a Summer Film! (2020) เป็นหนังถึงคนรักภาพยนตร์ที่ทุกคนสามารถสนุก และมีอารมณ์ร่วมไปได้ แม้จะไม่เนี้ยบ ไม่เป๊ะ แต่ด้วยพลังลูกบ้า ความเปิ่น กลับทำให้หนังอบอวลไปด้วยอารมณ์ และคิดว่าสามารถคว้าใจทุกคนไปได้...
โดยเฉพาะถ้าใครที่รักในภาพยนตร์ญี่ปุ่นคลาสสิค หรือชื่นชอบในวงการภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ เรื่องนี้มีมุกล้อที่จะทำให้ทุกคนอมยิ้มเพียบ !
_________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผม
It’s a Summer Film! (2020) - จดหมายรักแด่คนรักภาพยนตร์ !
ผมมีโอกาสได้ชม It’s a Summer Film! ผ่าน เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ (JAPANESE FILM FESTIVAL ONLINE 2022) อยากจะขอชมว่า It’s a Summer Film! เป็นหนังญี่ปุ่นสนุก น่าสนใจ เต็มไปด้วย Energy ของเหล่าสาววัยใส พร้อมกับการเป็นจดหมายรักแด่ผู้รักในภาพยนตร์ จึงไม่อยากให้พลาดกันครับ !
เรื่องย่อ
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเหล่าเพื่อน ๆ ของเท้าเปล่าในชมรมภาพยนตร์วางแผนจะถ่ายทำหนังรักโรแมนติค เพื่อฉายในเทศกาลหนังของโรงเรียน เท้าเปล่าผู้แอนตี้ในหนังรักฉาบฉวย จึงวางแผนแก้ทางโดยรวบรวมเพื่อน ๆ มาสร้างหนังซามูไรย้อนยุค เพื่อแข่งกับอีกทีมหนึ่ง พร้อมกับนำเอา "รินทาโร่ (Daichi Kaneko)" เด็กหนุ่มปริศนาที่ได้เข้ามาอยู่ในโปรเจคนี้โดยบังเอิญมาเป็นพระเอก
การถ่ายทำในครั้งนี้ก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายมากมาย และเรื่องราวที่คาดไม่ถึง อันจะบ่งบอกได้ถึงความรักที่มีต่อวงการภาพยนตร์ของเท้าเปล่า...
ความรู้สึกหลังชม
- อย่างว่านี่คือ หนัง "จดหมายรักถึงวงการภาพยนตร์" ในเรื่องมีการ Tribute ถึงหนังญี่ปุ่นในอดีตมากมาย โดยที่พูดถึงบ่อยที่สุดคือ "ภาพยนตร์ซามูไรย้อนยุค" ซึ่งสร้างชื่อให้กับวงการหนังญี่ปุ่นในอดีต ยิ่งถ้าใครเคยดูหนังของ Akira Kurosawa ก็จะเห็นภาพเลยว่า หนังซามูไรของแกมีมนต์เสน่ห์เหนือกาลเวลา แถมเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังคาวบอย ยุค 60-70 (Spaghetti Western) มากมาย...
- ประเด็นอีกอย่างที่ผมชอบคือ การพูดถึงการปะทะกันระหว่าง "ภาพยนตร์สาย Mainstream" (ในเรื่องคือ หนังรักโรแมนติก) และ "หนัง Art House" (ในเรื่องคือ หนังซามูไรของเท้าเปล่า) หนังนำเสนอไว้น่าคิดดี แถมยังเอ่ยถึงการประนีประนอม ซึ่งส่งผลให้เกิดการร่วมมือกัน และทำให้ทุกฝ่ายประสบความสำเร็จในที่สุด
- ในส่วนนักแสดง นักแสดงแต่ละท่านอาจจะไม่ได้แสดงเนี้ยบมาก ออกไปทางล้น ๆ หน่อย แต่โดยรวมก็เข้ากับตัวหนังที่เปี่ยมไปด้วย Energy ดี
- ส่วนสุดท้ายที่อาจไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ปิดท้ายหนังได้อย่างสมบูรณ์ คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ของ Cody・Lee(李) เพราะมาก
โดยเฉพาะถ้าใครที่รักในภาพยนตร์ญี่ปุ่นคลาสสิค หรือชื่นชอบในวงการภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ เรื่องนี้มีมุกล้อที่จะทำให้ทุกคนอมยิ้มเพียบ !