ทั้งที่ตั้งใจว่าจะรอดู Twenty Five Twenty One รวดเดียวตอนออนแอร์จบ แต่เพราะต้องพยายามหลบหลีกสปอยล์หนักมากเลยตัดสินใจตะลุยดูจนทัน EP10 แล้ว ความรู้สึกตอนนี้คือสุขแต่ก็เศร้า มีพลังแต่ก็ยังขาดความหวัง อิ่มอกอิ่มใจแต่ก็เจ็บปวดไปกับชะตากรรมของตัวละคร ซีรีส์ฉุดมือเราเข้าไปสู่ยุคสมัยที่นาฮีโดและแพคอีจินต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจ IMF เมื่อปีค.ศ.1998 ช่วงเวลาที่สร้างบาดแผลไว้ในใจผู้คนมากมายทั้งผู้ใหญ่และผู้เยาว์ แต่เรื่องราวของพวกเขากลับช่วยเยียวยาหัวใจของเราได้ดีเหลือเกิน
จากที่เคยหลงรักคุณหนูแอชิน สตรีสูงศักดิ์ผู้งามสง่าและกล้าหาญในเรื่อง Mr.Sunshine มาเจอความบ้าพลัง ความใจสู้ไม่ถอย และรอยยิ้มพิฆาตของนักกีฬานาฮีโดเข้าไป บอกเลยว่ารักคิมแทรีหมดใจ คนอะไรแสดงเก่งมากจนแทบไม่เชื่อว่าสองเรื่องนี้มีนางเอกคนเดียวกัน ส่วนเจ้าตี๋นัมจูฮยอกนั้นบอกเลยว่าตอนดู Start-Up ไม่ถูกชะตาเพราะว่าเรื่องนั้นเราเทใจให้พระรองไปหมดแล้ว แต่เรื่องนี้ตี๋คือแพคอีจีนที่หล่อมากกกกกกกก...มากแบบมากกกกกกกกกกก... คนอะไรแค่ใส่เสื้อเชิ้ตทับในกางเกงยืนเฉยๆ ทำไมหล่อได้ขนาดนี้พ่อคุณเอ๊ย นี่ถ้าเดินเข้าไปในซอยแล้วเจอนักข่าวคนนี้เปิดประตูออกมาสารภาพเลยว่า มีเข่าทรุด ตาลาย กลับบ้านไม่ถูก
แม้ว่าจะเหลืออีก 6 ตอนถึงจะจบบริบูรณ์แต่ขอยก Twenty Five Twenty One ขึ้นเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ในดวงใจไว้ก่อนเลย ด้วยความสนุกทุกตอน ด้วยนักแสดงที่ทรงพลังทุกคน ด้วยเรื่องรักน่าประทับใจในทุกฉาก ด้วยกลิ่นอายยุค 90’ ในแบบที่เราเองก็เติบโตมาพร้อมกับตัวละคร แม้สุดท้ายแล้วพระเอกนางเอกจะได้คู่กันหรือไม่ก็ไม่เป็นไรเลย คือตอนนี้มีคนออกมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่แพคอีจินจะเป็นพ่อของลูกนาฮีโดเต็มไปหมด แต่เราขอไม่คาดหวังก็แล้วกัน เพราะพล็อตมันปูทางมาให้ความรักสุดลึกซึ้งของทั้งคู่เป็นเพียงความงามที่แสนเศร้า เป็นเพียงความทรงจำสีจางๆ ที่ช่วยแต้มเติมรอยยิ้มในห้วงคำนึงเมื่อเราต่างกลายเป็นผู้ใหญ่
อย่าว่าแต่ยุคที่เศรษฐกิจล่มสลายเลย ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีความเจ็บปวดเจืออยู่ในการเติบโตของวัยรุ่นเสมอ เพราะในวัยและวันเหล่านั้นมันคือการเดินทางมาถึงจุดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการเป็นเด็กและผู้ใหญ่ ระหว่างความใฝ่ฝันกับความจริงที่ต้องเผชิญ ระหว่างความรักที่เพิ่งเริ่มต้นกับจุดจบของความสัมพันธ์ สิ่งที่ผูกโยงนาฮีโดกับแพคอีจินไว้ด้วยกันจึงไม่ต้องการนิยามอะไร ไม่ว่าจะเป็นรุ้ง กรรไกร รักแรก พ่อของลูก หรือแค่คนในอดีต เพราะเขาทั้งคู่คือคนที่ช่วยพยุงกันให้ลุกขึ้นในวันที่ล้ม คนที่ผลักดันกันและกันให้เดินหน้าฝ่าความทุกข์ตรมที่ยากลำบากไปได้ คนที่ต่อให้จิตใจห่อเหี่ยวแค่ไหนก็พร้อมจะเป็นน้ำพุพร่างพรมใจให้แก่กัน
ในความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ว่าจะถูกนิยามอย่างไรหรือจบลงด้วยความรวดร้าวแค่ไหน สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นความรักที่งดงามตรึงใจอยู่ดี
Twenty Five Twenty One ไม่ว่ายุคสมัยไหน...วัยรุ่นก็เจ็บปวด
จากที่เคยหลงรักคุณหนูแอชิน สตรีสูงศักดิ์ผู้งามสง่าและกล้าหาญในเรื่อง Mr.Sunshine มาเจอความบ้าพลัง ความใจสู้ไม่ถอย และรอยยิ้มพิฆาตของนักกีฬานาฮีโดเข้าไป บอกเลยว่ารักคิมแทรีหมดใจ คนอะไรแสดงเก่งมากจนแทบไม่เชื่อว่าสองเรื่องนี้มีนางเอกคนเดียวกัน ส่วนเจ้าตี๋นัมจูฮยอกนั้นบอกเลยว่าตอนดู Start-Up ไม่ถูกชะตาเพราะว่าเรื่องนั้นเราเทใจให้พระรองไปหมดแล้ว แต่เรื่องนี้ตี๋คือแพคอีจีนที่หล่อมากกกกกกกก...มากแบบมากกกกกกกกกกก... คนอะไรแค่ใส่เสื้อเชิ้ตทับในกางเกงยืนเฉยๆ ทำไมหล่อได้ขนาดนี้พ่อคุณเอ๊ย นี่ถ้าเดินเข้าไปในซอยแล้วเจอนักข่าวคนนี้เปิดประตูออกมาสารภาพเลยว่า มีเข่าทรุด ตาลาย กลับบ้านไม่ถูก
แม้ว่าจะเหลืออีก 6 ตอนถึงจะจบบริบูรณ์แต่ขอยก Twenty Five Twenty One ขึ้นเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ในดวงใจไว้ก่อนเลย ด้วยความสนุกทุกตอน ด้วยนักแสดงที่ทรงพลังทุกคน ด้วยเรื่องรักน่าประทับใจในทุกฉาก ด้วยกลิ่นอายยุค 90’ ในแบบที่เราเองก็เติบโตมาพร้อมกับตัวละคร แม้สุดท้ายแล้วพระเอกนางเอกจะได้คู่กันหรือไม่ก็ไม่เป็นไรเลย คือตอนนี้มีคนออกมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่แพคอีจินจะเป็นพ่อของลูกนาฮีโดเต็มไปหมด แต่เราขอไม่คาดหวังก็แล้วกัน เพราะพล็อตมันปูทางมาให้ความรักสุดลึกซึ้งของทั้งคู่เป็นเพียงความงามที่แสนเศร้า เป็นเพียงความทรงจำสีจางๆ ที่ช่วยแต้มเติมรอยยิ้มในห้วงคำนึงเมื่อเราต่างกลายเป็นผู้ใหญ่
อย่าว่าแต่ยุคที่เศรษฐกิจล่มสลายเลย ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีความเจ็บปวดเจืออยู่ในการเติบโตของวัยรุ่นเสมอ เพราะในวัยและวันเหล่านั้นมันคือการเดินทางมาถึงจุดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการเป็นเด็กและผู้ใหญ่ ระหว่างความใฝ่ฝันกับความจริงที่ต้องเผชิญ ระหว่างความรักที่เพิ่งเริ่มต้นกับจุดจบของความสัมพันธ์ สิ่งที่ผูกโยงนาฮีโดกับแพคอีจินไว้ด้วยกันจึงไม่ต้องการนิยามอะไร ไม่ว่าจะเป็นรุ้ง กรรไกร รักแรก พ่อของลูก หรือแค่คนในอดีต เพราะเขาทั้งคู่คือคนที่ช่วยพยุงกันให้ลุกขึ้นในวันที่ล้ม คนที่ผลักดันกันและกันให้เดินหน้าฝ่าความทุกข์ตรมที่ยากลำบากไปได้ คนที่ต่อให้จิตใจห่อเหี่ยวแค่ไหนก็พร้อมจะเป็นน้ำพุพร่างพรมใจให้แก่กัน
ในความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ว่าจะถูกนิยามอย่างไรหรือจบลงด้วยความรวดร้าวแค่ไหน สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นความรักที่งดงามตรึงใจอยู่ดี